โดย : ปิ่น บุตรี
เทศกาลสงกรานต์(ทั่วๆไป)จบลงแล้ว แต่บางเรื่องราวในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมายังคงเป็นที่โจษขาน เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ เป็นสิ่งชวนค้นหาในโลกไซเบอร์(สำหรับนักอยากได้ใคร่ดูทั้งหลาย) และเป็นคำถามหนาหูจากวิญญูชนถึงงานเทศกาลสงกรานต์ในระยะหลังๆว่า
“สงกรานต์ยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงจากอดีตไปมากมาย เกิดจากประเพณีเสื่อมหรือสังคมเสื่อมกันแน่ ?”
สงกรานต์กับสิ่งดีๆค่อยๆเลือนหายไป
“สงกรานต์”หรือเทศกาลปีใหม่ไทย(และประเทศในแถบอุษาคเนย์) เป็นประเพณีปฏิบัติทรงคุณค่าที่สืบทอดกันมาแต่ช้านาน และเป็นที่รับรู้แพร่หลายไปทั่วโลก
สงกรานต์คือหนึ่งในสุดยอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ เพราะเมื่ออากาศช่วงเดือนเมษายนมันร้อนระยับ บรรพบุรุษของเราก็ใช้ภูมิปัญญา รังสรรค์สร้างประเพณีอัน(เคย)ดีงามขึ้นมา โดยการนำน้ำมาดับร้อนและใช้เป็นสื่อในการเชื่อมสัมพันธไมตรี
ในอดีตสงกรานต์ถือเป็นประเพณีที่มีการผสมผสานกันระหว่างวิถีไทยอันดีงาม มีเอกลักษณ์ กับบรรยากาศสนุกสนานได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นประเพณีทรงคุณค่า มากคุณูประการต่อสังคมไทย โดยคุณค่า สาระ ความดีงามที่มีอยู่ในประเพณีสงกรานต์นั้น ทางwww.mahamodo.com ได้สรุปเอาไว้อย่างน่าอ่าน ดังนี้
- คุณค่าต่อครอบครัว ทำให้เกิดความรักความผูกพันในครอบครัว เช่น สมาชิกในครอบครัวมาทำบุญร่วมกัน ลูกหลานมารดน้ำขอพรจากพ่อแม่เพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่
- คุณค่าต่อชุมชน เป็นวันที่ก่อให้เกิดความสมัครสมานในชุมชน เช่น การได้มาพบปะสังสรรค์ ทำบุญร่วมกันในวัด ชมการละเล่นสนุกสนาน หรือเล่นสาดน้ำในหมู่เพื่อนฝูง คนรู้จักด้วยมิตรไมตรี
- คุณค่าต่อสังคม เป็นประเพณีที่ก่อให้เกิดความเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งของเครื่องใช้ของตนให้สะอาดหมดจดเพื่อต้อนรับปีใหม่ด้วยความแจ่มใส เบิกบาน หรือช่วยทำความสะอาดสาธารณสถานต่าง ๆ ไม่ว่าวัดวาอาราม อาคารสถานที่ราชการ เป็นต้น
- คุณค่าต่อศาสนา การทำบุญ ตักบาตรเลี้ยงพระ ฟังเทศน์ สรงน้ำพระ ปฏิบัติธรรมหรือปล่อยนกปล่อยปลา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและเป็นการปฏิบัติที่นำความรุ่งเรืองมาสู่ชีวิตทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม คุณค่าของงานสงกรานต์ในอดีตที่ก่อให้เกิดสิ่งดีๆหลากหลาย ปัจจุบันสิ่งดีๆเหล่านั้นนับวันยิ่งมายิ่งลดน้อย ลดน้อยลง นับวันยิ่งมายิ่งค่อยๆเลือนหาย...เลือนหาย...และเลือนหายไปทุกที...ทุกที...จากสังคมไทย
สงกรานต์เพื่อการท่องเที่ยว
นอกจากคุณค่า 4 ประการในข้างต้นแล้ว งานสงกรานต์หลังยุคมิลเลเนียม ยังก่อให้เกิดคุณค่าต่อ “การท่องเที่ยว”ตามมา
นั่นจึงทำให้หน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวชูงานสงกรานต์เป็นไฮไลท์เมือง เป็นเวิลด์อีเวนต์ที่หวังเรียกแขกจากทั่วโลกให้มาเที่ยว เล่นน้ำ สัมผัสกับประเพณีอันโดดเด่นเป็นเอกอุ ซึ่งที่ผ่านมานับว่าไปได้สวยทีเดียว นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกต่างไหลบ่ามาเที่ยวงานสงกรานต์ สร้างรายได้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับเมืองไทย
ขณะเดียวกันยังมีการดึงเอาเอกลักษณ์ จุดเด่น ของประเพณีสงกรานต์เด่นๆทั่วไทย อาทิ สงกรานต์ล้านนา สงกรานต์มอญ สงกรานต์วันไหล สงกรานต์อีสาน สงกรานต์ภาคใต้ รวมถึงงานสงกรานต์ท้องถิ่นเด่นๆตามที่ต่างๆ มาเป็นโปรโมทจุดขายทางการท่องเที่ยว
เรื่องนี้ถือเป็นดังกระบี่ที่มี 2 คม คือ คมหนึ่งเป็นข้อดี เพราะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และช่วยเก็บ ช่วยปัดฝุ่น ประเพณี กิจกรรม บางอย่าง ที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญสลายของชุมชนให้กลับมาดำรงอยู่ ในขณะที่อีกคมหนึ่งเป็นข้อเสีย เพราะการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นแต่ตัวเลขและเม็ดเงินเป็นหลัก ได้เข้าไปทำ(ลาย)ให้วัฒนธรรมประเพณีและวิถีชุมชนอันดีงาม ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว ไปจากเดิม
นอกจากนี้ประเพณีสงกรานต์ที่เน้นเพื่อการท่องเที่ยวในยุคหลัง ยังก่อให้เกิดการแข่งขันกันอย่างสูง หลายงานทางผู้จัดต้องการให้คนมาเที่ยวงานสงกรานต์ของตนมากๆ จึงต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาด งัดสารพัดไอเดียมาเป็นจุดขาย หลายไอเดียเพียงต้องการเน้นดึงคนโดยไม่คำนึงถึงจารีตขนบอันดีงาม ส่งผลให้เกิดงานสงกรานต์อันไม่พึงปรารถนาและอุบาทว์อุจาดตาในหลายพื้นที่ตามมา
สงกรานต์ยุคใหม่
"สงกรานต์" คำนี้มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า "ก้าวขึ้น" หรือ "ผ่าน" หรือ "เคลื่อนย้าย" หมายถึง การเคลื่อนย้ายของพระอาทิตย์จากราศีหนึ่งเข้าไปอีกราศีหนึ่ง
แต่งานสงกรานต์วันนี้ กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากประเพณีอันดีงาม ก้าวถอยลงคลองเข้าสู่เทศกาลแห่งความเสื่อม!!! อย่างน่าใจหาย
สงกรานต์ยุคใหม่ ของคนกลุ่มหนึ่ง(ย้ำว่านี่เป็นการกระทำของคนกลุ่มหนึ่งไม่ได้เหมารวมทั้งหมด) ไม่มีอีกแล้ว การเล่นน้ำอย่างสุภาพ ถ้อยทีถ้อยอาศัย สาดน้ำกันแต่พองาม เพื่อคงเอกลักษณ์สืบสานวิถีอันดีงามไว้ แต่สงกรานต์ยุคใหม่ดูปานประหนึ่ง สงครามน้ำ ที่ใครอยากจะเล่นสาดน้ำอย่างไรก็สาดตามอำเภอใจ หนักข้อไปกว่านั้นบางคนสาดน้ำกันแบบแผลงๆพิเรนอีกต่างหาก
ผมจำได้ว่าตอนเล่นน้ำสงกรานต์สมัยเด็ก เราไม่เล่นกันแรง หนัก และมั่ว เหมือนยุคนี้ ไม่มีปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ไม่สาดก้อนน้ำแข็งที่ถ้าโดนเต็มๆถึงหัวแตกได้ ไม่สาดแป้ง สาดน้ำผสมสี หรือสาดน้ำสกปรกเพื่อแกล้งคนอื่น จะมีในยุคนั้นบ้างก็เป็นน้ำผสมเม็ดแมงลักที่พอสาดโดนแล้วติดตัวหนึบเลย
สงกรานต์ยุคใหม่ ถือเป็นโอกาสทองในการลวนลาม ล่วงละเมิดเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกันได้อย่างเต็มที่ และยากที่จะไปฟ้องร้องเอาผิดกับใคร โดยเฉพาะการเล่นปะแป้ง ดินสอพอง ที่เพี้ยนจากประเพณีดีงาม มาเป็นการปะแป้งแสดงความหื่นกระหาย ไล่ไปจากเบาะๆ ปะหน้า เนื้อตัว มาจนถึงหน้าอก ถัน และหนักถึงขนาดฉวยโอกาสบีบขย้ำกันเลยก็มี
สงกรานต์ยุคใหม่ ดูไม่ต่างอะไรจากงาน Sex Festival ในหลายพื้นที่ ซึ่งวัยรุ่นไทยจำนวนหนึ่งถือโอกาสโชว์เซ็กซ์แอบเพียว โชว์พลังทางเพศกันอย่างเต็มที่ ไม่อาจสายตาประชาชี อายฟ้าอายดิน หนุ่มๆหลายคนหาจังหวะลวนลามสาว ส่วนสาวประเภทสองบางคนนี่ไม่ต้องพูดถึง พวกหล่อนงัดของปลอมออกมาเปลือยโชว์อึ๋มกันอย่างโจ๋งครึ่ม ในขณะที่วัยรุ่นสาวๆหลายคนนั้นเล่าก็ใช่ย่อย พวกเธอแต่งเนื้อแต่งตัวล่อใจเสือป่าชิดสาวเต้นโคโยตี้ชิดซ้าย สวมกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋เผยเห็นแก้มก้นทั้งงอนและย้วย ใส่เสื้อฟิตเปรี๊ยะสีขาวบาง กับยกทรงบางๆ ยามถูกน้ำเปียกเห็นทะลุเสื้อไปถึงเนื้อใน
สงกรานต์ยุคใหม่ เป็นโอกาสดีในการโชว์ลีลาเต้นยักย้ายส่ายสะโพก เด้งหน้า เด้งหลัง ของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ทั้งพวกเมาเหล้า เมายา และเมามัน สำหรับหนุ่มๆการถอดเสื้อเต้นถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป เต้นให้แทบตายก็เรียกความสนใจใครไม่ได้นอกจากพวกกลุ่มไม้ป่าเดียวกัน แต่กับสาวๆนี่สิ แค่ถอดเสื้อสวมยกทรงเต้นเด้งหน้า เด้งหลัง โยกซ้าย ย้ายขวา ก็ตกเป็นที่ฮือฮาแล้ว
แต่ประทานโทษ !!! กับสงกรานต์ปีนี้(และอาจจะมีในปีที่ผ่านมาด้วย แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว) เขามีจัดหนักทั้งสาว ทั้งหนุ่ม เต้นถอดเสื้อ แก้ผ้า“โชว์นม” “โชว์หนอน”กันอย่างอะร้าอร่าม ปรากฏเป็นข่าวฉาว เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปทั่วฟ้าเมืองไทย
สงกรานต์ยุคใหม่ เป็นดังสนามสับประยุทธ์ของเหล่าวัยรุ่นบ้าพลัง ที่พอเมา พอมีพวกมาก ก็ระดมพลยกพวกตีกัน จนบาดเจ็บเบา-หนัก หัวร้างข้างแตก เลือดสาดกระจาย ไปจนหนักถึงขั้นตายตกตามกัน
สงกรานต์ยุคใหม่ หลังวันหยุดยาวผ่านพ้น จะมีการสรุปยอดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์มาให้ประชาชนรับทราบว่าปีนี้มียอดตายเท่าไหร่
สงกรานต์ยุคใหม่ ในระยะหลัง นอกจากสื่อจะเสนอข่าวคุณค่าด้านดีของสงกรานต์ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งที่เป็นไปตามธรรมชาติและเกิดจากการจัดฉากแล้ว ยังมีข่าวเกี่ยวกับ “นม เซ็กซ์ เหล้า ยา แก้ผ้า ตีกัน เลือด ศพ คนตาย” และสิ่งชวนหดหู่อื่นๆในงานสงกรานต์เคียงคู่กันไปด้วย
เพราะนี่คือความจริงของสังคมไทย ที่แม้จะมีใครและใครหลายๆคนพยายามอนุรักษ์ รณรงณ์ ส่งเสริมวิถีภูมิปัญญา ประเพณีสงกรานต์อันงดงามดีงามไว้ แต่ก็มีใครและใครบางคนทำในสิ่งตรงกันข้ามด้านลบคู่ขนานกันไป จนกลายเป็นคำถามหนาหูจากวิญญูชนถึงงานเทศกาลสงกรานต์ในระยะหลังๆว่า
“สงกรานต์ยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงจากอดีตไปมากมาย เกิดจากประเพณีเสื่อมหรือสังคมเสื่อมกันแน่ ?”
เทศกาลสงกรานต์(ทั่วๆไป)จบลงแล้ว แต่บางเรื่องราวในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมายังคงเป็นที่โจษขาน เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ เป็นสิ่งชวนค้นหาในโลกไซเบอร์(สำหรับนักอยากได้ใคร่ดูทั้งหลาย) และเป็นคำถามหนาหูจากวิญญูชนถึงงานเทศกาลสงกรานต์ในระยะหลังๆว่า
“สงกรานต์ยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงจากอดีตไปมากมาย เกิดจากประเพณีเสื่อมหรือสังคมเสื่อมกันแน่ ?”
สงกรานต์กับสิ่งดีๆค่อยๆเลือนหายไป
“สงกรานต์”หรือเทศกาลปีใหม่ไทย(และประเทศในแถบอุษาคเนย์) เป็นประเพณีปฏิบัติทรงคุณค่าที่สืบทอดกันมาแต่ช้านาน และเป็นที่รับรู้แพร่หลายไปทั่วโลก
สงกรานต์คือหนึ่งในสุดยอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ เพราะเมื่ออากาศช่วงเดือนเมษายนมันร้อนระยับ บรรพบุรุษของเราก็ใช้ภูมิปัญญา รังสรรค์สร้างประเพณีอัน(เคย)ดีงามขึ้นมา โดยการนำน้ำมาดับร้อนและใช้เป็นสื่อในการเชื่อมสัมพันธไมตรี
ในอดีตสงกรานต์ถือเป็นประเพณีที่มีการผสมผสานกันระหว่างวิถีไทยอันดีงาม มีเอกลักษณ์ กับบรรยากาศสนุกสนานได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นประเพณีทรงคุณค่า มากคุณูประการต่อสังคมไทย โดยคุณค่า สาระ ความดีงามที่มีอยู่ในประเพณีสงกรานต์นั้น ทางwww.mahamodo.com ได้สรุปเอาไว้อย่างน่าอ่าน ดังนี้
- คุณค่าต่อครอบครัว ทำให้เกิดความรักความผูกพันในครอบครัว เช่น สมาชิกในครอบครัวมาทำบุญร่วมกัน ลูกหลานมารดน้ำขอพรจากพ่อแม่เพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่
- คุณค่าต่อชุมชน เป็นวันที่ก่อให้เกิดความสมัครสมานในชุมชน เช่น การได้มาพบปะสังสรรค์ ทำบุญร่วมกันในวัด ชมการละเล่นสนุกสนาน หรือเล่นสาดน้ำในหมู่เพื่อนฝูง คนรู้จักด้วยมิตรไมตรี
- คุณค่าต่อสังคม เป็นประเพณีที่ก่อให้เกิดความเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งของเครื่องใช้ของตนให้สะอาดหมดจดเพื่อต้อนรับปีใหม่ด้วยความแจ่มใส เบิกบาน หรือช่วยทำความสะอาดสาธารณสถานต่าง ๆ ไม่ว่าวัดวาอาราม อาคารสถานที่ราชการ เป็นต้น
- คุณค่าต่อศาสนา การทำบุญ ตักบาตรเลี้ยงพระ ฟังเทศน์ สรงน้ำพระ ปฏิบัติธรรมหรือปล่อยนกปล่อยปลา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและเป็นการปฏิบัติที่นำความรุ่งเรืองมาสู่ชีวิตทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม คุณค่าของงานสงกรานต์ในอดีตที่ก่อให้เกิดสิ่งดีๆหลากหลาย ปัจจุบันสิ่งดีๆเหล่านั้นนับวันยิ่งมายิ่งลดน้อย ลดน้อยลง นับวันยิ่งมายิ่งค่อยๆเลือนหาย...เลือนหาย...และเลือนหายไปทุกที...ทุกที...จากสังคมไทย
สงกรานต์เพื่อการท่องเที่ยว
นอกจากคุณค่า 4 ประการในข้างต้นแล้ว งานสงกรานต์หลังยุคมิลเลเนียม ยังก่อให้เกิดคุณค่าต่อ “การท่องเที่ยว”ตามมา
นั่นจึงทำให้หน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวชูงานสงกรานต์เป็นไฮไลท์เมือง เป็นเวิลด์อีเวนต์ที่หวังเรียกแขกจากทั่วโลกให้มาเที่ยว เล่นน้ำ สัมผัสกับประเพณีอันโดดเด่นเป็นเอกอุ ซึ่งที่ผ่านมานับว่าไปได้สวยทีเดียว นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกต่างไหลบ่ามาเที่ยวงานสงกรานต์ สร้างรายได้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับเมืองไทย
ขณะเดียวกันยังมีการดึงเอาเอกลักษณ์ จุดเด่น ของประเพณีสงกรานต์เด่นๆทั่วไทย อาทิ สงกรานต์ล้านนา สงกรานต์มอญ สงกรานต์วันไหล สงกรานต์อีสาน สงกรานต์ภาคใต้ รวมถึงงานสงกรานต์ท้องถิ่นเด่นๆตามที่ต่างๆ มาเป็นโปรโมทจุดขายทางการท่องเที่ยว
เรื่องนี้ถือเป็นดังกระบี่ที่มี 2 คม คือ คมหนึ่งเป็นข้อดี เพราะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และช่วยเก็บ ช่วยปัดฝุ่น ประเพณี กิจกรรม บางอย่าง ที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญสลายของชุมชนให้กลับมาดำรงอยู่ ในขณะที่อีกคมหนึ่งเป็นข้อเสีย เพราะการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นแต่ตัวเลขและเม็ดเงินเป็นหลัก ได้เข้าไปทำ(ลาย)ให้วัฒนธรรมประเพณีและวิถีชุมชนอันดีงาม ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว ไปจากเดิม
นอกจากนี้ประเพณีสงกรานต์ที่เน้นเพื่อการท่องเที่ยวในยุคหลัง ยังก่อให้เกิดการแข่งขันกันอย่างสูง หลายงานทางผู้จัดต้องการให้คนมาเที่ยวงานสงกรานต์ของตนมากๆ จึงต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาด งัดสารพัดไอเดียมาเป็นจุดขาย หลายไอเดียเพียงต้องการเน้นดึงคนโดยไม่คำนึงถึงจารีตขนบอันดีงาม ส่งผลให้เกิดงานสงกรานต์อันไม่พึงปรารถนาและอุบาทว์อุจาดตาในหลายพื้นที่ตามมา
สงกรานต์ยุคใหม่
"สงกรานต์" คำนี้มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า "ก้าวขึ้น" หรือ "ผ่าน" หรือ "เคลื่อนย้าย" หมายถึง การเคลื่อนย้ายของพระอาทิตย์จากราศีหนึ่งเข้าไปอีกราศีหนึ่ง
แต่งานสงกรานต์วันนี้ กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากประเพณีอันดีงาม ก้าวถอยลงคลองเข้าสู่เทศกาลแห่งความเสื่อม!!! อย่างน่าใจหาย
สงกรานต์ยุคใหม่ ของคนกลุ่มหนึ่ง(ย้ำว่านี่เป็นการกระทำของคนกลุ่มหนึ่งไม่ได้เหมารวมทั้งหมด) ไม่มีอีกแล้ว การเล่นน้ำอย่างสุภาพ ถ้อยทีถ้อยอาศัย สาดน้ำกันแต่พองาม เพื่อคงเอกลักษณ์สืบสานวิถีอันดีงามไว้ แต่สงกรานต์ยุคใหม่ดูปานประหนึ่ง สงครามน้ำ ที่ใครอยากจะเล่นสาดน้ำอย่างไรก็สาดตามอำเภอใจ หนักข้อไปกว่านั้นบางคนสาดน้ำกันแบบแผลงๆพิเรนอีกต่างหาก
ผมจำได้ว่าตอนเล่นน้ำสงกรานต์สมัยเด็ก เราไม่เล่นกันแรง หนัก และมั่ว เหมือนยุคนี้ ไม่มีปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ไม่สาดก้อนน้ำแข็งที่ถ้าโดนเต็มๆถึงหัวแตกได้ ไม่สาดแป้ง สาดน้ำผสมสี หรือสาดน้ำสกปรกเพื่อแกล้งคนอื่น จะมีในยุคนั้นบ้างก็เป็นน้ำผสมเม็ดแมงลักที่พอสาดโดนแล้วติดตัวหนึบเลย
สงกรานต์ยุคใหม่ ถือเป็นโอกาสทองในการลวนลาม ล่วงละเมิดเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกันได้อย่างเต็มที่ และยากที่จะไปฟ้องร้องเอาผิดกับใคร โดยเฉพาะการเล่นปะแป้ง ดินสอพอง ที่เพี้ยนจากประเพณีดีงาม มาเป็นการปะแป้งแสดงความหื่นกระหาย ไล่ไปจากเบาะๆ ปะหน้า เนื้อตัว มาจนถึงหน้าอก ถัน และหนักถึงขนาดฉวยโอกาสบีบขย้ำกันเลยก็มี
สงกรานต์ยุคใหม่ ดูไม่ต่างอะไรจากงาน Sex Festival ในหลายพื้นที่ ซึ่งวัยรุ่นไทยจำนวนหนึ่งถือโอกาสโชว์เซ็กซ์แอบเพียว โชว์พลังทางเพศกันอย่างเต็มที่ ไม่อาจสายตาประชาชี อายฟ้าอายดิน หนุ่มๆหลายคนหาจังหวะลวนลามสาว ส่วนสาวประเภทสองบางคนนี่ไม่ต้องพูดถึง พวกหล่อนงัดของปลอมออกมาเปลือยโชว์อึ๋มกันอย่างโจ๋งครึ่ม ในขณะที่วัยรุ่นสาวๆหลายคนนั้นเล่าก็ใช่ย่อย พวกเธอแต่งเนื้อแต่งตัวล่อใจเสือป่าชิดสาวเต้นโคโยตี้ชิดซ้าย สวมกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋เผยเห็นแก้มก้นทั้งงอนและย้วย ใส่เสื้อฟิตเปรี๊ยะสีขาวบาง กับยกทรงบางๆ ยามถูกน้ำเปียกเห็นทะลุเสื้อไปถึงเนื้อใน
สงกรานต์ยุคใหม่ เป็นโอกาสดีในการโชว์ลีลาเต้นยักย้ายส่ายสะโพก เด้งหน้า เด้งหลัง ของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ทั้งพวกเมาเหล้า เมายา และเมามัน สำหรับหนุ่มๆการถอดเสื้อเต้นถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป เต้นให้แทบตายก็เรียกความสนใจใครไม่ได้นอกจากพวกกลุ่มไม้ป่าเดียวกัน แต่กับสาวๆนี่สิ แค่ถอดเสื้อสวมยกทรงเต้นเด้งหน้า เด้งหลัง โยกซ้าย ย้ายขวา ก็ตกเป็นที่ฮือฮาแล้ว
แต่ประทานโทษ !!! กับสงกรานต์ปีนี้(และอาจจะมีในปีที่ผ่านมาด้วย แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว) เขามีจัดหนักทั้งสาว ทั้งหนุ่ม เต้นถอดเสื้อ แก้ผ้า“โชว์นม” “โชว์หนอน”กันอย่างอะร้าอร่าม ปรากฏเป็นข่าวฉาว เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปทั่วฟ้าเมืองไทย
สงกรานต์ยุคใหม่ เป็นดังสนามสับประยุทธ์ของเหล่าวัยรุ่นบ้าพลัง ที่พอเมา พอมีพวกมาก ก็ระดมพลยกพวกตีกัน จนบาดเจ็บเบา-หนัก หัวร้างข้างแตก เลือดสาดกระจาย ไปจนหนักถึงขั้นตายตกตามกัน
สงกรานต์ยุคใหม่ หลังวันหยุดยาวผ่านพ้น จะมีการสรุปยอดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์มาให้ประชาชนรับทราบว่าปีนี้มียอดตายเท่าไหร่
สงกรานต์ยุคใหม่ ในระยะหลัง นอกจากสื่อจะเสนอข่าวคุณค่าด้านดีของสงกรานต์ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งที่เป็นไปตามธรรมชาติและเกิดจากการจัดฉากแล้ว ยังมีข่าวเกี่ยวกับ “นม เซ็กซ์ เหล้า ยา แก้ผ้า ตีกัน เลือด ศพ คนตาย” และสิ่งชวนหดหู่อื่นๆในงานสงกรานต์เคียงคู่กันไปด้วย
เพราะนี่คือความจริงของสังคมไทย ที่แม้จะมีใครและใครหลายๆคนพยายามอนุรักษ์ รณรงณ์ ส่งเสริมวิถีภูมิปัญญา ประเพณีสงกรานต์อันงดงามดีงามไว้ แต่ก็มีใครและใครบางคนทำในสิ่งตรงกันข้ามด้านลบคู่ขนานกันไป จนกลายเป็นคำถามหนาหูจากวิญญูชนถึงงานเทศกาลสงกรานต์ในระยะหลังๆว่า
“สงกรานต์ยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงจากอดีตไปมากมาย เกิดจากประเพณีเสื่อมหรือสังคมเสื่อมกันแน่ ?”