xs
xsm
sm
md
lg

ตื่นตา“ซาราวัค” หลงรัก“อุรังอุตัง” สัมผัสมนต์ขลังมาเลเซียที่แตกต่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : ตะลอนเที่ยว (travel_astvmgr@hotmail.com)
อนุสาวรีย์แมว รูปปั้นแมว มีให้เห็นในหลายจุดของเมืองกูชิง
“มาเล้ย์ มาเล้ย์”

แม้จะร้องเพลงได้ไม่เพี้ยนเท่ากับต้นฉบับ แต่“ตะลอนเที่ยว”ก็อดไม่ได้ที่จะต้องฮึมฮัมเพลง“มาเลเซีย”ของนาย“เป้ อารักษ์”ขึ้นมา ในระหว่างเริ่มต้นของการเดินทาง

ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศให้กลมกลืนไปกับทริปท่องแดน“ซาราวัค”แห่งประเทศมาเลเซีย ที่ปัจจุบันทาง“การท่องเที่ยวมาเลเซีย”พยายามผลักดันให้รัฐนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากขึ้น

ส่องหาแมวที่ “กูชิง”

ซาราวัค(Sarawak) เป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศรองจากรัฐปาหัง ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว(มาเลเซียตะวันออก)มีเมืองหลวงชื่อ “กูชิง”(Kuching) หรือ “เมืองแมว” เพราะคำว่า“Kucing” ในภาษาบาฮาซามาเลย์นั้นหมายถึง“แมว” นั่นเอง

ในอดีตเมืองกูชิงมีแมวป่าอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ว่าปัจจุบันนั้นหาแทบไม่ได้แล้ว
มัสยิดกูชิง ศูนย์รวมใจชาวมุสลิมประจำเมือง
อย่างไรก็ตามใครที่มาเที่ยวกูชิงแล้ว ถ้าไม่เห็นแมวก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึง แต่แมวที่ว่าไม่ใช่แมวเหมียวมีชีวิตตัวเป็นๆ หากแต่เป็น“อนุสาวรีย์แมว”และ“รูปปั้นแมว”น่ารักๆ ที่ทางเมืองเขาสร้างไว้ในหลายจุดด้วยกัน ส่วนใครที่ยังไม่จุใจหรือชื่นชอบแมวเป็นพิเศษ ในกูชิงก็มี “พิพิธภัณฑ์แมว” รวบรวมเรื่องราวของแมวจากทั่วโลกไว้ให้ศึกษากัน

เสน่ห์เมืองกูชิงไม่ได้มีแค่แมวเท่านั้น แต่เมืองนี้ยังมีประวัติศาสตร์ มีสถาปัตยกรรม มีอาคารเก่าแก่ มีวิถีชีวิต และมีสิ่งน่าสนใจอีกมากหลายให้เยี่ยมยลกัน โดยการออกซิตี้ทัวร์เมืองกูชิง เราถือเอา“โรงแรมเมอร์เดก้า”(Merdeka Palace Hotel)ที่พักทำเลดีเยี่ยมอันแสนจะคลาสิคของเราในทริปนี้เป็นจุดตั้งหลัก

ที่โรงแรมเพียงแค่เดินออกมาด้านหน้าก็จะพบกับ “สวนสาธารณะเมอร์เดก้า” ที่มีขนาดใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งของสนามหลวงบ้านเรา สวนแห่งนี้โดดเด่นไปด้วยต้นไม้คู่บุญอย่างต้นสมพง(สะปง)ยักษ์อายุอานามนับร้อยๆปี ส่วนถ้าไปเดินไปบนถนนที่อยู่คนละฝั่งกับโรงแรมผ่านอาคารเก่าทรงยุโรปเก๋ๆเท่ๆ จะพบกับ “มัสยิดกูชิง” (Kuching Mosque)มัสยิดสำคัญศูนย์รวมใจชาวมุสลิมของเมืองนี้ กับสถาปัตกรรมอิสลามอันสมส่วนสวยงามแฝงความน่าน่าขรึมขลังอยู่ในที
พิพิธภัณฑ์ซาราวัค
ส่วนถ้าย้อนกับมาอีกด้านหนึ่งของสวนบนถนน Tun Abang Haji Openg ด้านซ้ายมือของหน้าโรงแรม(เยื้องๆกับสวน) ถือเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญของเมือง เพราะเป็นที่ตั้งของ“พิพิธภัณฑ์ซาราวัค” ที่แบ่งเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ย่อยต่างๆ นำโดยพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา ที่ภายในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชาติพันธุ์ในซาราวัคตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงยุคปัจจุบัน พร้อมด้วยสิ่งชวนชมอื่นๆ อาทิ โบราณวัตถุ โครงกระดูกสัตว์โบราณ สัตว์สตาฟฟ์ งานศิลปะ ล้านจำลองชนเผ่า และ ฯลฯ ส่วนพิพิธภัณฑ์ย่อยที่เหลือก็มี พิพิธภัณฑ์อิสลาม พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และพิพิธภัณธ์ธรรมชาติ-ประวัติศาสตร์ ที่ต่างก็มีเสน่ห์ชวนชมแตกต่างกันออกไป
พิพิธภัณฑ์สิ่งทอ อาคารเก่าแก่สวยงามกลางเมืองกูชิง
จากพิพิธภัณฑ์หากเดินย้อนไปบนสายเดิมผ่านสวนฯและโรงแรมสู่แม่น้ำซาราวัค จะพบว่าในแถบนี้มีตึกเก่าอนุรักษ์สไตล์โคโลเนียลและอาคารเก่าน่าสนใจอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่ทำการไปรษณีย์ในสไตล์ยุโรปคลาสสิคอันโออ่า พิพิธภัณฑ์สิ่งทอ(Textile Museum)ที่น่ายลไปด้วยเส้นสายลวดลายของรูปด้านอันสวยงาม Sarawak Craft Council สีขาวเด่นกับอาคารทรงกระบอกดูแปลกตา

ขณะที่ใกล้ๆกับโซนอาคารเก่าเป็นย่านชุมชนจีน(China Town) ที่มีซุ้มประตูจีนเด่นหรา ดูคึกคักไปด้วยภาพวิถีชีวิตคนจีนมาเลย์ตั้งแต่เช้าไปจนค่ำ
บรรยากาศที่วัดทัว เป็ก กง
กูชิงถือเป็นอีกหนึ่งเมืองในมาเลย์ที่มีชาวจีนเดินทางเข้ามาอาศัยอยู่จำนวนมากเป็นเวลาช้านานแล้ว จนเกิดเป็นชุมชนชาวจีนหยั่งรากลึกลงบนผืนแผ่นดินเมืองแมว โดยมี“วัดทัว เป็ก กง”(Tua Pek Kong) อันเก่าแก่สวยงามเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวจีน ซึ่งแต่ละวันมีชาวจีนมาเลย์ในพื้นที่ ชาวจีนต่างถิ่น และนักท่องเที่ยว แวะเวียนไปเที่ยววัดแห่งนี้กันไม่ได้ขาด

จากชุมชนชาวจีนเดินไปจะเป็นย่านริมน้ำ(Waterfront) ย่านไฮไลท์ประจำเมือง บริเวณนี้เราจะได้สัมผัสกับแม่น้ำซาราวัคเส้นเลือดหลักที่ไหลผ่านกลางเมือง ซึ่งบริเวณ 2 ฟากฝั่งน้ำน่ายลไปด้วยสถาปัตยกรรมริมน้ำอันหลากหลาย
สีสันยามราตรีที่ย่านริมน้ำ เมืองกูชิง
เสน่ห์ของย่านริมน้ำยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะที่นี่เวลากลางวัน บนถนน Main Bazaar ย่านช้อปปิ้งสำคัญประจำเมืองที่อยู่ถัดเข้ามาจากย่านริมน้ำเล็กน้อย จะเต็มไปด้วยสินค้าสารพัดสารพัน ไม่ว่าจะเป็น ของที่ระลึก เสื้อผ้า อาหาร เค้ก ตุ๊กตา กระเป๋า รองเท้า สินค้าพื้นเมือง ผ้าทอ หน้ากาก ของที่ระลึกทำเกี่ยวกับแมวต่างๆมากมาย และอื่นๆอีกเพียบ สินค้าส่วนใหญ่สนนราคาไม่แพง สามารถต่อรองกันได้ตามความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย

ครั้นพอตกเย็นไปจนถึงราว 4-5 ทุ่ม บนทางเดินริมน้ำจะเต็มไปด้วยร้านขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม ที่หนุ่มสาว นักท่องเที่ยว ต่างพากัน มานั่งหม่ำ นั่งดื่ม ในบรรยากาศปราศจากแอลกอฮอล์กันเต็มทั่วบริเวณ ที่สำคัญคือดูเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้านตา ชนิดที่รัฐบาลไทยน่าจะมาศึกษาดูงานและนำกลับไปใช้ในการจัดระเบียบย่านค้าขายในบ้านเราเป็นอย่างยิ่ง
สะพานไม้ไผ่ในหมู่บ้านวัฒนธรรมซาราวัค
นักล่าหัวมนุษย์ยุคใหม่

รัฐซาราวัคเป็นหนึ่งในดินแดนแห่งวัฒนธรรมสำคัญของมาเลเซีย รัฐนี้มีมีชนเผ่าต่างๆอาศัยอยู่มากถึง 23 ชนเผ่า โดย 7 ชนเผ่าสำคัญของรัฐ ที่ประกอบด้วย คนจีน,มาเลย์,อีบัน(Iban),บีดายุห์(Bidayuh),เปนัน(Penan),มลาเนา(Melanau) และโอรัง อูลู(Orang Ulu) ได้ถูกจำลองวิถีชีวิต วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ มาไว้ใน“หมู่บ้านวัฒนธรรมซาราวัค”(Sarawak Cultural Village) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของรัฐนี้

หมู่บ้านฯซาราวัคมีเนื้อที่กว้างขวาง ทั่วบริเวณประดับตกแต่งไปด้วย งานศิลปกรรมพื้นบ้าน อาทิ รูปปั้นไม้แกะสลัก เครื่องรางป้องกันสิ่งชั่วร้าย บันไดไม้ถากจากซุงต้นเดียว สะพานไม้ไผ่ที่ทำการผูกมัดจัดระเบียบไม้ไผ่เป็นทางเดินทรงตัววีอันสวยงามที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไม่พลาดการมาเดินบนสะพานแห่งนี้
บ้านหลังใหญ่โต สูงตระหง่าของชาวโอรัง อูลู
ไฮไลท์หนึ่งในสองของการเที่ยวหมู่บ้านฯซาราวัคก็คือ การเดินทัวร์บ้านจำลองของชนเผ่าทั้ง 7 ซึ่งบ้านชนเผ่าที่ดูย้อนยุค ลึกลับ น่าค้นหา สำหรับ “ตะลอนเที่ยว” ก็มี

-บ้านชาวโอรัง อูลู ที่สร้างหลังใหญ่โต สูงตระหง่าน บนเสาวาดลวดลายประจำเผ่าอย่างสวยงาม ทางเดินขึ้นบ้านเป็นบันไดไม้ซุงท่อนเดียวเฉาะเป็นขั้นๆที่ยามเดินขึ้น-ลง ค่อนข้างยาก ต้องระมัดระวังให้ดี ในบ้านจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงข้าวของเครื่องใช้ พร้อมกับมีสาวในชุดพื้นเมืองลวดลายสวยงามมารำต้อนรับ

-บ้านชาวมลาเนา นี่ก็หลังใหญ่มาก เป็นบ้านไม้ที่มีถึง 4 ชั้น ในบ้านจัดแสดงสิ่งของต่างๆ ใต้ถุนบ้านมีโชว์การละเล่นคล้ายลาวกระทบไม้ของบ้านเรา
สองหนุ่มในชุดชนเผ่าอีบัน
-บ้านชาวบีดายุห์ หนึ่งในเผ่านักล่าหัวมนุษย์ ที่มีบ้านเป็นทรงกลม หลังคามุงแฝก บนขื่อกลางบ้านแขวนหัวกะโหลกมนุษย์ห้อยต่องแต่ง ร่วมกับข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงการแสดงเต้นโชว์จาก 2 สาวชนเผ่า

-บ้านชาวอีบัน นี่ก็เป็นเผ่านักล่าหัวมนุษย์เหมือนกัน ภายในบ้านจัดอย่างเรียบง่าย แต่เน้นที่การแสดงและการแต่งกาย โดยผู้ชายมาในชุดนักรบคล้ายอินเดียนแดง ส่วนผู้หญิงที่มารำโชว์นั้นหน้าตาจิ้มลิ้มชนิดที่นักท่องเที่ยวแต่ละคนยกกล้องขึ้นรัวชัตเตอร์ถ่ายเธอกันแบบไม่ยั้ง ซึ่งหากใครคิดจะจีบเธอถ้าไม่กลัวถูกล่าหัวก็เชิญได้ตามสบายเลย

สำหรับไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งในหมู่บ้านฯซาราวัคก็คือการแสดงรวมของแต่ละชนเผ่า ส่วนใหญ่เป็นเป็นการร่ายรำพื้นเมือง จะมีก็แต่เผ่าอีบันนี่แหละที่มาแนวดุๆคือมาโชว์การเป่าลูกดอกล่าสัตว์ ล่าศัตรูให้ชมกันอย่างน่าระทึกขวัญ

นับเป็นเสน่ห์ของเผ่านักล่าหัวยุคใหม่ที่เปลี่ยนวิถีจากการล่าหัวมนุษย์หันมาแสดงโชว์ล่าเงินนักท่องเที่ยวแทน
คู่แม่-ลูก อุรังอุตัง ภาพชวนประทับใจของนักท่องเที่ยว
หลงรัก“อุรังอุตัง”

ซาราวัคมีพื้นที่ 2 ใน 3 เป็นป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ ได้ชื่อว่าเป็น“ดินแดนแห่งนกเงือก” มีนกเงือก(สัตว์คุ้มครอง)เป็นสัญลักษณ์ของรัฐ เพราะในอดีตมีนกชนิดนี้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันหาดูได้ยากยิ่ง

นอกจากนี้ซาราวัคยังเป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ“ลิงอุรังอุตัง” มีการเปิดป่าบางส่วนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมวิถีชีวิตอุรังอุตังตามธรรมชาติ ถือเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวไฮไลท์อันดับต้นๆของรัฐ โดยสถานที่ชมอุรังอุตังนั้นคือ “Semengoh Wildlife Rehabilitation Centre” ที่เป็นศูนย์ฟื้นฟูและเขตรักษาพันธุ์ลิงอุรังอุตังอันขึ้นชื่อระดับโลก
ริทชี่ พระเอกแห่ง Semengoh
Semengoh เป็นป่าเปิดที่มีการบริหารจัดการอย่างดีเยี่ยม แต่ละวันมีการเปิดให้ชมอุรังอุตัง เพียง 2 รอบในช่วงเวลาให้อาหารเช้า-บ่าย คือ 9.00-10.00 น. และ 15.00 - 16.00 น. ก่อนเข้าไปชมลิง จะมีการให้ข้อมูลความรู้แก่นักท่องเที่ยว จากนั้นคณะนักท่องเที่ยวทั้งหมดจะเดินตามๆกันแบบ(ต้อง)เงียบเชียบ ผ่านป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ในระยะทางประมาณ 1 กม. ไปเฝ้ารอชม ลิงอุรังอุตังลงมากินอาหาร(กล้วยและมะพร้าว)

สำหรับลิงอุรังอุตังที่นี่ในวันที่เราไปเที่ยว เจ้าหน้าที่บอกว่ามีลิง(ที่สำรวจพบ)อยู่ 27 ตัวด้วยกัน(ถึงวันนี้อาจมีการคลอดลูกออกมาเพิ่มมากขึ้น) โดยมี“ริทชี่”(Ritchie)อุรังอุตังตัวใหญ่ที่สุดเป็นพระเอกแห่งผืนป่า
แม้ตัวใหญ่(มาก) แต่ริทชี่สามารถโหนเชือกเส้นเล็กไป-มา ได้อย่างคล่องแคล่ว
ริทชี่มีอายุ 30 ปี เป็นทั้งจ่าฝูงและคุณปู่ของหลานๆมากมาย มีความคุ้นชินกับคนเป็นอย่างดี ที่กินอาหารของริทชี่ต้องสร้างเป็นนั่งร้านอย่างดีแข็งแรงแน่นหนาเพราะน้ำหนักตัวมันมากนัก พอถึงเวลากินอาหารเจ้าหน้าที่นำกล้วยไปวางให้ ริทชี่มันจะห้อยโหนเชือกต่องแต่งมาจากไหนก็ไม่รู้ ไต่ลงมาจากยอดไม้มานั่งนิ่งกินอาหารแบบไม่แยแสสนใจคน ทั้งๆที่ตัวมันทั้งใหญ่และหนักขนาดนั้น แต่ยามริทชี่เคลื่อนไหวไต่เถาวัลย์หรือเคลื่อนไหวบนยอดไม้ ดูคล้ายกับมันมีวิชาตัวเบาอันสูงเยี่ยม สามารถเคลื่อนย้ายร่างกายไป-มา ได้อย่างแคล่วคล่องไม่มีการติดพุงแต่อย่างใด

นอกจากริทชี่แล้ว ที่นี่ยังมีลิงตัวใหญ่-น้อยมาปรากฏตัวให้ชมอีกหลายตัวด้วยกัน แถมยังมีลิงที่มาเป็นคู่แม่-ลูก ที่แม้ลูกของมันจะซนเหลือประมาณ แต่แม่ของมันก็ยังเฝ้าเพียรนำอาหารป้อนให้ลูกกินอย่างทนุถนอม นับเป็นภาพที่เห็นแล้วชวนประทับใจยิ่ง

และนี่ก็คือบางส่วนของเสน่ห์สีสันแห่งรัฐซาราวัค ซึ่งชื่อนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นเคยของนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่ากัวลาลัมเปอร์ ปีนัง ลังกาวี หรือเกนติ้ง แต่หากใครมีโอกาสได้มาสัมผัสก็จะพบว่าซาราวัคนั้น มีบรรยากาศหลายๆอย่างให้ความรู้สึกถึงมาเลเซียที่แตกต่าง(ไปจากเมืองที่กล่าวมา) อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เสน่ห์มากหลายชวนให้หลงใหลกันไม่น้อยเลย
*****************************************

การเดินทางสู่รัฐซาราวัค จากเมืองไทยเดินทางสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงของมาเลเซีย(มาเลเซียตะวันตก) จากนั้นจึงเดินทางต่อสู่เมืองกูชิง เมืองหลวงของรัฐซาราวัค(มาเลเซียตะงันออก) ซึ่งหากนั่งเครื่องบินจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวมาเลเซียประจำประเทศไทย โทร. 0-2636-3380-3 หรือดูที่ http://www.sawasdeemalaysia.com
กำลังโหลดความคิดเห็น