หลังคอลัมน์ “เที่ยวทั่วไทยไปตามคำขวัญ” หายหน้าหายตาไปตั้งแต่ปี 2548 ในปีนี้(2554)เอง ทางหน้าท่องเที่ยวได้รื้อฟื้นคอลัมน์นี้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นอีกช่องทางในการให้ข้อมูลทางการท่องเที่ยว และบอกให้ทราบว่าแต่ละจังหวัดมีของเด่น ของดัง ของดี ชนิดที่ถูกยกให้เป็นคำขวัญประจำจังหวัด
สำหรับการกลับมาครั้งใหม่ เราขอประเดิมคอลัมน์นี้กันด้วยการพาไปเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี ตามคำขวัญที่ว่า “เขาวังคู่บ้าน ขนมหวาน เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม”
เพชรบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ภายในช่วงเวลา 1 ปี นั้นไม่น่าเชื่อว่าเพชรบุรีเองมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาตลอดทั้งปี
ทั้งนี้มีบางคนกล่าวว่ามาเพชรบุรี ได้เที่ยวทั้งชุมชน ประวัติศาสตร์ ทะเล ภูเขา เรียกว่ามาที่เดียว สามารถเที่ยวครบทุกรูปแบบ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่นั้นต่างมีความสวยงามในตัวเอง ส่วนถ้าเราดูกันตามคำขวัญประจำจังหวัดแล้ว จะเห็นว่า ของดีของจังหวัดนี้มีอยู่ไม่น้อย ถ้าอยากทำความรู้จักกับเมืองเพชรให้มากกว่านี้ ลองเที่ยวไปตามคำขวัญของจังหวัดให้ครบดูสักครั้ง
“เขาวังคู่บ้าน” ไม่ต้องอธิบายมากหลายคนก็สามารถนึกภาพออก เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่เดินทางผ่านเพชรบุรีจะต้องเห็น “พระนครคีรี” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "เขาวัง" ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูง สำหรับแฟนหนังจักรๆ วงศ์ๆ อาจคุ้นภาพของฉากวังเก่าสีขาว อลังการ แต่ถ้าสังเกตให้ดี แทบทุกเรื่องนั้นจะต้องมาถ่ายทำที่เขาวัง คงเป็นเพราะว่างความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์
พระนครคีรี ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นที่ประทับเพื่อเสด็จแปรพระราชฐานมาพักผ่อนพระอิริยาบถ ด้านบนประกอบไปด้วยพระตำหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่าง ๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนิโอคลาสสิคผสมสถาปัตยกรรมจีน ในปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด ตลอดจนเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจชาวบ้านในระแวกนั้น เพราะว่าในช่วงเย็นๆ ของทุกวัน ยิ่งในฤดูหนาวแล้วละก็ บรรยากาศข้างบนเขาวังนั้นดีอย่าบอกใคร
ใครที่เคยไปเที่ยวเขาวังจะรู้ว่าในเส้นทางเดินขึ้น-ลง จะมีเจ้าลิงจ๋อมาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างสีสัน ให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เพราะความซุกซนของมันนี่เอง ทำให้หลายๆ คนที่ไม่ค่อยระวังเดินถือของกินเดินขึ้นเขาวัง ต้องโดนเจ้าลิงจ๋อแย่งของกินไปต่อหน้าต่อตา เรียกว่าเป็นการช่วงชิงชั้นเชิงระหว่างคนกับลิง และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนรู้ คือทางด้านหน้าตรงทางขึ้นของเขาวังจะมีรูปปั้นพญานาคอยู่ทางขวามือ ตามตำนานกล่าวว่า ได้มีการสร้างปูนปั้นรูปพญานาคล้อมรอบเขาวังเอาไว้ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกหินกลืนกินไปตามกาลเวลา เหลือเพียงส่วนหัวที่โผล่มาให้เห็น ใครที่แวะไปคราวหน้าก็ อย่าลืมลองสังเกตดู ว่าจะเป็นจริงตามตำนานหรือไม่
นอกจากเขาวังแล้ว เมืองเพชรยังมี"พระรามราชนิเวศน์"หรือ"พระราชวังบ้านปืน" กับ "พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" เป็นอีก 2 วังงามประจำจังหวัด ทำให้เพชรบุรีมีอีกหนึ่งฉายาว่าเป็น"เมืองงามสามวัง"
ส่วน “ขนมหวาน” นั้นเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับเพชรบุรี ทำให้คนทั่วไปรู้จัก ขนมหม้อแกงเมืองเพชร ตลอดจนขนมหวานหลากหลายชนิด ซึ่งจะมีร้านขายขนมหวานและของฝากอยู่ตาม 2 ข้างถนนเพชรเกษม ตั้งแต่อำเภอเขาย้อย มาถึงอำเภอชะอำ หลากร้านหลายแม่ ซึ่งรสชาติจะอร่อยแตกต่างกันอย่างไร ก็ต้องลองชิมกันเอาเอง ส่วนเคล็ดลับของความอร่อยนั้นมาจาก “น้ำตาลโตนด” หรือน้ำตาลซึ่งเป็นผลผลิตจากต้นตาลซึ่งในอดีตปลูกกันเยอะที่เพชรบุรี ปัจจุบันนั้นการปลูกต้นตาลเห็นทีจะค่อยๆ ลดลงไป ที่ยังพอเห็นอยู่ก็คือที่อำเภอบ้านลาด ซึ่งวิธีการผลิตน้ำตาลก็เป็นอีกวิถีชีวิตที่น่าชม มีนักท่องเที่ยวไม่น้อยแวะมาชมและมาชิมน้ำตาลโตนดแท้ๆ จนติดใจและซื้อกลับไปเป็นของฝาก
"เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ" 3ท่อนนี้ จะว่าไปแล้วอาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจของเพชรบุรีเลยก็ว่าได้ เคยสังเกตุไหมว่า วัดในจังหวัดเพชรบุรีนั้นมีอยู่เยอะ ไม่แพ้เมืองประวัติศาสตร์อย่างสุโขทัย หรืออยุธยา ส่วนสาเหตุนั้นกล่าวย้อนไปในสมัยก่อนนั้นเมืองเพชรเองเคยเป็นเมืองหน้าด่านมาก่อน ทั้งนี้การเป็นหัวเมืองสำคัญทำให้สภาพสังคม เศรษฐกิจย่อมเจริญรุ่งเรืองตามไปด้วย ประชาชนในสมัยก่อนเมื่อมีเงินจะนิยมสร้างวัดเป็นการทำบุญ จำนวนวัดที่เยอะจึงสะท้อนสภาพสังคมในอดีตได้เป็นอย่างดี
ถ้าจะเที่ยววัดในเพชรบุรีให้ครบทุกวัดคิดว่าคงต้องใช้เวลาหลายวัน สำหรับวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ก็คือ วัดมหาธาตุวรวิหาร ภายในวัดเป็นที่ตั้งของปรางค์ห้ายอด และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือศิลปะปูนปั้นต่างๆ ทั้งในวิหารหลวงและพระอุโบสถ ฝีมือช่างเมืองเพชร ซึ่งหาดูได้ยาก อีกวัดหนึ่งก็คือ วัดใหญ่สุวรรณาราม ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง ภายในมีภาพเขียนเทพ-ชุมนุมที่มีอายุกว่า 300 ปี และศาลาการเปรียญอันสวยงาม ส่วนวัดกำแพงแลง นั้นเดิมวัดนี้เป็นเทวสถานของขอม ครั้งเมื่อพุทธศาสนาได้แผ่ขยายเข้ามาจึงได้ดัดแปลงเป็นศาสนสถานแทน สิ่งที่น่าสนใจก็คือการก่อสร้าง ตั้งแต่กำแพง จนถึงตัวปรางค์ต่างๆ นั้นสร้างขึ้นจากศิลาแลง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะยังคงสภาพที่สมบูรณ์มาจนึงปัจจุบันได้
และแน่นอน สิ่งที่อยู่คู่กับวัดก็คือสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และสกุลช่างมืองเพชร นั้นก็เป็นที่รู้จักกันอย่างดี ขึ้นชื่อในเรื่องความปราณีต ไม่ว่าจะเป็นงานแทงหยวก งานแกะสลักหนัง งานแกะสลักไม้ งานปูนปั้น และงานลายรดน้ำ งานช่างเมืองเพชรได้มีการสืบสานและพัฒนากันมารุ่นต่อรุ่น และผลงานที่สร้างชื่อเสียงของช่างเมืองเพชรคืองานปูนปั้น ไม่เพียงแค่ลวดลาย แต่ความชาญฉลาดในกรรมวิธีผลิตปูนครั้งอดีตที่ใช้น้ำตาลโตนดเป็นส่วนผสมช่วนทำให้สกุลช่างเมืองเพชรได้รับความสนใจไม่แพ้ งานปูนปั้นล้อเลียนการเมือง และสังคมที่วัดมหาธาตุวรวิหาร
สำหรับเมืองพระที่เอ่ยถึงนั้น เพชรบุรีเองก็มีพระเกจิชื่อดังหลายรูป หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ท่านก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าลองถามคนเฒ่าคนแก่ของที่นี่ก็จะได้ทราบเรื่องราวความอัศจรรย์ของท่าน ที่มีฌานสมาธิอันแก่กล้า สร้างของขลังนานาชนิดเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านผู้ซึ่งตกทุกข์ได้ยาก อย่างเช่นเรื่อเล่าที่ว่า เมื่อเกิดคอมมิวนิสต์ญวนเหนือบุกญวนใต้ ประเทศไทยต้องส่งกองกำลัง ออกไปช่วยรบ ปรากฏว่าทหารไทยคนที่มีเหรียญหลวงพ่อแดงห้อยคออยู่ ไม่ถูกอาวุธเป็นอันตรายแก่ชีวิตสักคน จนปัจจุบันเหรียญหลวงพ่อแดงนั้นเป็นที่ต้องการของเซียนพระหลายคน และรู้กันดีถึงถึงความศักดิสิทธิ์ของท่าน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเพชรบุรีก็จะแวะเวียนไปกราบไหว้ ที่วัดเขาบันไดอิฐ
นอกจากหลวงพ่อแดงแล้ว พระเกจิชื่อดังสายเมืองเพชรเองก็มีอยู่หลายรูป อาทิ หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อวัดเขาตะเครา หรือหลวงพ่อตัด วัดชายนา
สุดท้ายคือ “ทะเลงาม” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหาดชะอำของเพชรบุรีนั้นมีชื่อเสียงขนาดไหน ด้วยเหตุที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และสามารถเล่นน้ำได้ตลอดทั้งปี ทำให้ในทุกวันจะเห็นภาพของนักท่องเที่ยวพากันมานั่งพักผ่อนริมชายหาด กินอาหารทะเลสดๆ ยิ่งในวันหยุดแล้วละก็ ชายหาดจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ นอกจากนี้ยังมีชายหาดปึกเตียน และหาดเจ้าสำราญ ซึ่งก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน แต่น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบความสงบเงียบเป็นส่วนตัวมากกว่า
มีบางคนกล่าวว่ามาเพชรบุรี ได้เที่ยวทั้งชุมชน ประวัติศาสตร์ ทะเล ภูเขา ดั่งมาที่เดียว สามารถเที่ยวครบทุกรูปแบบ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่นั้นต่างมีความสวยงามในตัวเอง ขึ้นอยู่กับเราที่จะเปิดใจรับเสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามจะเป็นจริงดั่งคำขวัญของจังหวัดหรือไม่ คงต้องรอให้ทุกคนเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเอง
************************************************************
หมายเหตุ : คอลัมน์ “เที่ยวทั่วไทยไปตามคำขวัญ” จะมีการนำเสนอทุกเย็นวันจันทร์ แบบสัปดาห์เว้นสัปดาห์