ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาววังพา ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วม 300 คน รวมตัวเรียกร้องขอความเป็นธรรมและต่อต้านการจับกุมชาวบ้านของชุด ฉก.ผู้ว่าฯสงขลา ในข้อกล่าวหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เทือกเขาวังพา ระบุถูกกลั่นแกล้ง ทั้งที่เป็นพื้นที่ทำกินเก่าตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย พร้อมเตรียมเข้ามอบตัวผู้ว่าฯจันทร์นี้
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ชาวบ้านในพื้นที่ ม.9 บ้านวังพา ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประมาณ 300 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่สำนักสงฆ์บ้านวังพา เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมพร้อมวางมาตรการร่วมกันต่อต้านคัดค้านเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจผู้ว่าฯ ชุดที่ 2 ที่มีพฤติกรรมกลั่นแกล้งชาวบ้าน โดยออกตระเวนจับกุมชาวบ้านที่เข้าไปทำกินในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เทือกเขาวังพา และอ้างว่าชาวบ้านบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ ซึ่งความเป็นจริงแล้วพื้นที่ที่ชาวบ้านทำกินกันอยู่นั้นเป็นพื้นที่เก่าแก่ซึ่งสืบทอดกันมายาวนาน เป็นที่ทำมาหากินกันมาแต่ในอดีต ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย
นายจิรภัณฑ์ แก้วปาน ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 บ้านวังพา ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า ชาวบ้านมารวมตัวกัน เพราะได้รับความเดือดร้อนจากการทำงานของชุดเฉพาะกิจผู้ว่าฯ ชุดที่ 2 ที่เข้ามาจับกุมชาวบ้านที่ทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ โดยถูกจับกรณีบุกรุกพื้นที่ป่า ทั้งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำมาหากินกันมานานแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อ จนทุกวันนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าเข้าไปกรีดยางพารา เพราะกลัวจะถูกชุดเฉพาะกิจดังกล่าวจับกุม เหมือนที่ถูกจับกุมมาแล้ว 4 ราย
สำหรับพื้นที่ป่าในหมู่บ้านวังพากว่า 6,000 ไร่ เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทำมาหากินมากันหลายรุ่นแล้ว ซึ่งเป็นสวนยางพาราทั้งหมด ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ให้ทางที่ดินมาทำการรังวัด เพื่อจะออกเอกสาร สปก.4-01 ให้กับชาวบ้าน โดยชาวบ้านได้ทำเรื่องลงชื่อกันไปหมดแล้ว เรื่องและเอกสารทั้งหมดขณะนี้ก็อยู่ที่กรมที่ดิน ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินก็เคยลงมาดูพื้นที่เพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ขั้นตอนต่างๆยังไม่ทันจะเรียบร้อย ปรากฎว่าได้มีการตั้งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจขึ้นมาและออกตระเวนจับกุมชาวบ้าน
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านที่อยู่ในสวนยางพาราด้วย ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 200 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนมาก ไม่กล้าเข้าสวนยางที่ตนเองปลูกไว้เพื่อกรีดยางพาราได้ เพราะกลัวเจ้าหน้าที่ชุดนี้จับกุมอ้างว่าชาวบ้านเข้าไป บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ขณะที่ชาวบ้านรายหนึ่งที่เข้าร่วมประชุมด้วย กล่าวว่า ชาวบ้านทำกินกันในพื้นที่เดิม ไม่ได้มีการบุกรุกเพิ่มเติมแต่อย่างใด และชาวบ้านที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่ก็เป็นพื้นที่ทำกินเดิม เพียงแต่โค่นยางเก่าทิ้งไป และขอทุนซื้อพันธุ์กล้ายางใหม่มาปลูกเพื่อทำกินต่อไป กลับถูกเจ้าหน้าที่ชุดนี้มาจับกุม โดยกล่าวหาว่าบุกรุกที่เพิ่ม ทั้งที่เป็นพื้นที่ทำกินเก่าแก่
เมื่อทางเจ้าหน้าที่ชุดนี้ บอกว่า ให้นำเอกสารสิทธิมายืนยัน แต่ชาวบ้านไม่มีเอกสารสิทธิ เพราะกำลังอยู่ระหว่างรอการออกเอกสารสิทธิทำกิน (สทก.) ให้ เมื่อไม่มีเอกสารสิทธิยืนยัน จึงถูกจับกุม ซึ่งตรงนี้เองชาวบ้านในพื้นที่มองว่าพวกเขาถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่ชุดนี้ แต่หากการร้องเรียนครั้งนี้ทางฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่รับฟัง พวกชาวบ้านในพื้นที่ทั้งหมดจะรวมตัวเดินทางไปหาผู้ว่าฯเพื่อมอบตัว โดยไม่ต้องส่งเจ้าหน้าที่มากลั่นแกล้งจับกุมเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้