โดย:มะเมี้ยะ

ถ้าจะคิดถึงประเทศเล็กๆ แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความขลัง บ่งบอกถึงความเจริญในอดีตได้อย่างสมบูรณ์ และยังสืบทอดความทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ฉันคิดถึงประเทศหนึ่ง คือ “ซีเรีย” หรือ ที่มีชื่อเต็มว่า “สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย” (The Syrian Arab Republic)
ซีเรีย เป็นประเทศที่มีพื้นที่เพียง185,180 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นพื้นที่1ใน3ของประเทศไทย คำว่า ซีเรีย คนท้องถิ่นจะออกเสียงว่า ซูเรีย ซึ่งหมายถึงพระอาทิตย์ ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีเมืองหลวง คือ กรุงดามัสกัส (Damascus) ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ซีเรียก็มีความยิ่งใหญ่ เพราะเป็นประเทศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารยธรรม จนทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นอู่วัฒนธรรมของโลก เพราะมีวัฒนธรรมที่เก่าแก่กว่า4,000ปี

สาเหตุสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้ซีเรียมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จนได้ชื่อว่าเป็นอู่อารยธรรมของโลก เพราะเป็นศูนย์รวมของทั้ง ชาวฮิตไทท์ อัซซีเรีย บาบิโลเนีย เปอร์เซีย กรีก โรมัน เพราะเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรต่างๆ
ตั้งแต่พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ยึดครองซีเรียในปี 333-331 ก่อนคริสต์กาล เช่นเดียวกับโรมัน ก็เข้าตีและยึดครองประเทศซีเรียเมื่อ 63 ปี ก่อนคริสต์กาลและในช่วงก่อนศตวรรษที่ 6 อำนาจการปกครองซีเรียก็ตกเป็นของจักรวรรดิไบเซนไทน์ เมื่อจักรวรรดิไบเซนไทน์อ่อนแอลง ระหว่างปี 633-640 มุสลิมอาหรับได้เข้ายึดครองซีเรีย และครอบคลุมถึงช่วงหลายศตวรรษต่อมา ซึ่งส่งผลกระทบให้ประชาชนส่วนใหญ่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม จากนั้นซีเรียก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมันในปี 1516-1918 และตกอยู่ภายใต้ฝรั่งเศสในปี 1920 ฝรั่งเศสได้แยกเลบานอนออกจากซีเรีย และให้เอกราชสมบูรณ์แก่ซีเรียในปี 1946
ชาวซีเรียส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ มีภาษาอาหรับเป็นภาษาที่ใช้ในทางการ แต่เนื่องจากประเทศซีเรียเคยอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศฝรั่งเศส ทำให้ชาวซีเรียส่วนมากสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ดี สำหรับภาษาอังกฤษก็มีการใช้อย่างกว้างขวางด้วยเช่นกัน

อยากรู้จักซีเรียให้มากขึ้น ก็ต้องไปเริ่มต้นกันที่เมืองหลวงคือ กรุงดามัสกัส นี่แหละเข้าท่าที่สุด กรุงดามัสกัส ในปัจจุบันแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน โดยใช้กำแพงเมืองเป็นสัญลักษณ์ในการแบ่งเขต โดยบริเวณแรกจะเป็นเขตเมืองเก่า จะมีพื้นที่อยู่ภายในกำแพงเมือง
ซึ่งบริเวณนี้จะประกอบไปด้วย สุเหร่าโอเมยาร์ด ที่มีศีรษะของจอห์นเธอะแบ๊ปติสท์ (St. John the Baptist) ที่เชื่อว่าฝังอยู่ภายในสุเหร่าแห่งนี้ สุเหร่าโอเมยาร์ดแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.705 โดยโอเมยาร์ด คารีฟ มาร์วาน สถาปนิกที่มีชื่อเสียงมากของซีเรีย ที่นี่มีกฎห้ามทั้งหญิงและชายที่แต่งกายไม่เรียบร้อย นุ่งกางเกงขาสั้นเข้าโดยเด็ดขาด และผู้หญิงต้องโพกศีรษะก่อนเข้าไปในวิหารหรือบริเวณทำพิธี
บ้านของนักบุญอนานิอัส สถานที่จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรคริสเตียน ประตูเมืองดามัสกัส ตลาดอาหรับหรือว่าซุค และอีกบริเวณคือ เมืองใหม่ จะอยู่บริเวณภายนอกกำแพงเมือง ซึ่งจะเป็นพื้นที่ของอาคารสมัยใหม่ เช่น อาคารสำนักงาน ตึกสูง ศูนย์การค้า และมหาวิทยาลัย

กรุงดามัสกัส ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อ ปี ค.ศ. 1979 ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของอาหรับ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอันดับ 4 ของชาวมุสลิม ซึ่งอันดับ 1 ได้แก่เมืองเมกกะห์ อันดับ 2 ได้แก่เมดินะห์ และอันดับ 3 ได้แก่เยรูซาเล็ม
ท่องเมืองหลวงแล้วแนะนำให้มาต่อที่ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คือเมือง อเล็ปโป้ ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศเและได้ขึ้นชื่อว่ามีความเก่าแก่เป็นดันดับ 2 รองจากกรุงดามัสกัส สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงคือ ปราการอเล็ปโป้ ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อ ปี ค.ศ. 1986 ซึ่งมีความสมบูรณ์ด้านสถาปัตยกรรมอย่างยิ่ง

และหากต้องการชมความรุ่งเรืองในอดีตของโรมันก็ต้องไปที่ เมืองพาร์มีร่า มีชื่อเดิมว่าทัดมอร์ ที่แปลว่า ความสวยงาม เป็นเมืองโรมันเก่า ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อ ปี ค.ศ. 1980 เมืองหน้าด่านระหว่างโรมันและเปอร์เซีย ซึ่งเป็นเมืองศูนย์ กลางทางการค้าและกองคาราวาน ถือเป็นโอเอซิส ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากๆ
เมืองนี้ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1924 หลังถูกทำลายเพราะแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1089 แต่ร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าในอดีตที่นี่ คือจุดศูนย์กลางและเป็นศูนย์รวมของศิลปะวัฒนธรรม โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 1 และ 2 ซึ่งเห็นได้จากความโดดเด่นของสิ่งปลูกสร้างที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบโรมันและเปอร์เซียได้อย่างลงตัว
เป็นเมืองที่มีความสำคัญตั้งแต่อดีต มีหลักฐานว่าเมืองนี้มีมาตั้งแต่ 4,000 ปีที่แล้ว เป็นเมืองที่พักของกองคาราวานที่เดินจากริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนผ่านไปยังอ่าวเปอร์เชีย และยังเป็นเส้นทางสายไหม ขนสินค้าจากอินเดีย จีน ไปยังยุโรป พาล์มีร่าเจริญด้วยการเก็บภาษีจากกองคาราวานที่ผ่านไปมา

นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง วิหารแห่งเทพเบลซึ่งถือเป็นเทพผู้ปกครองเทพทั้งปวง ชมโรงอาบน้ำของราชินีซาโนเบีย พระนางซาโนเบียมีเชื้อสายกรีก-อาหรับ เป็นราชินีผู้เลื่องลือด้านความงดงามและความเก่งกาจแห่งพาร์มีร่าและยังมีโรงละครแบบโรมันที่สวยงามอีกด้วย
เพื่อให้สมกับเป็นประเทศที่สำคัญด้านอารยธรรมของโลก ขอพามาชมอีกเมืองที่ เมืองมาลูล่า เมืองนี้เป็นเมืองที่ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็น “ประตูสู่อารยธรรมอาราเมียนของชนเผ่าอาราไมต์”
ที่นี่เป็นชุมชนชาวคริสต์ สิ่งสำคัญของที่แห่งนี้ก็คือ ผู้คนที่นี่ยังคงพูดจาสื่อสารกันด้วยภาษาอาราไมค์ ซึ่งเป็นภาษาที่ถูกใช้ในสมัยที่พระเยซูยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ซึ่งมีอายุมากกว่า 3,000 ปีมาแล้ว และพบว่ามีเพียงที่มาลูล่าแห่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงใช้ภาษานี้กันอยู่

ทั้งยังมีโบสถ์เก่าแก่ เซนต์ เซิร์ช มีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งสร้างขึ้นจากหินเป็นสถานที่ที่ใช้ในการประกอบพิธีสำคัญมากมาย ภายในโบสถ์มีภาพเขียนสีเฟรสโก้ ที่มีความสวยงามมากได้ถูกรักษาไว้อย่างดี มีแท่นหินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการประกอบพิธีบูชายันต์ ซึ่งเก่าแก่และเป็นของดั้งเดิมที่ใช้ในอดีต
อีกโบสถ์ที่มีความเก่าแก่และสำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ โบสถ์ เซนต์ เทกีอะ มีเรื่องเล่าว่าเซนต์เทกีอะคือผู้ที่ส่งสารน์ของพระเจ้า โนทหารตามล่าและหนีมาถึงจุดนี้ซึ่งเป็นทางตัน จึงได้อธิษฐานและเกิดปาฏิหาริย์ภูเขาทั้งลูกถูกแยกออกจากกันทำให้สามารถหนีรอดพ้นไปได้ ซึ่งภูเขาลูกนั้นก็คือที่ตั้งของโบสถ์แห่งนี้นั่นเอง ภายในมีน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่า หากใครได้ดื่มจะมีสุขภาพที่แข็งแรง และอายุยืน

เมืองสุดท้ายของซีเรียที่จะพาไปทำความรู้จักคือ เมืองบอสร่า ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็น North Capital of The Nabatien (เมืองหลวงทาง เหนือของเนบาเทียน ส่วนเมืองหลวงทางใต้ของเนบาเทียน คือ Petra อยู่ในประเทศจอร์แดน) ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย องค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1980
ในอดีตเมืองนี้สำคัญมาก เพราะเป็นเส้นทางการค้า มีพ่อค้าสัญจรผ่านไปมาจำนวนมาก และเป็นที่พักระหว่างทางของผู้ที่จะไปร่วมประกอบพิธีฮัจจ์ที่เมืองเมกกะอีกด้วย ที่นี่มีที่ท่องเที่ยวซึ่งมีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง อย่าง “ป้อมปราการบอสร่า” ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลโดยพวกเนบาเทียน และมี “โรงละครกลางแจ้ง” ซึ่งได้รับการพิจารณาให้เป็นโรงละครกลางแจ้งแบบโรมันที่ใหญ่และ สมบูรณ์แบบที่สุดเป็นอันดับ 1ของโลก สามารถจุผู้ชมได้ถึงกว่า 15,000 คน ปัจจุบันยังใช้เพื่อกิจกรรมต่างๆและคอนเสิร์ตบ้าง ในช่วงฤดูร้อน
หากมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตา รับประสบการณ์ใหม่ที่หลากหลายทางวัฒนธรรม อย่าลืมชื่อนี้ “ซีเรีย”

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ประเทศซีเรีย มีเวลาช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง สกุลเงิน ซีเรียปอนด์ (Syrian Pound) อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 50 Syrian Pounds(ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) สถานฑูตประเทศซีเรีย จะปฏิเสธการออกวีซ่าให้ในกรณีที่ท่านมีวีซ่าหรือตราประทับเข้าประเทศอิสราเอล โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดคือช่วงเดือนเมษายน - เดือนมิถุนายน และช่วงเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบาย
ถ้าจะคิดถึงประเทศเล็กๆ แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความขลัง บ่งบอกถึงความเจริญในอดีตได้อย่างสมบูรณ์ และยังสืบทอดความทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ฉันคิดถึงประเทศหนึ่ง คือ “ซีเรีย” หรือ ที่มีชื่อเต็มว่า “สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย” (The Syrian Arab Republic)
ซีเรีย เป็นประเทศที่มีพื้นที่เพียง185,180 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นพื้นที่1ใน3ของประเทศไทย คำว่า ซีเรีย คนท้องถิ่นจะออกเสียงว่า ซูเรีย ซึ่งหมายถึงพระอาทิตย์ ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีเมืองหลวง คือ กรุงดามัสกัส (Damascus) ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ซีเรียก็มีความยิ่งใหญ่ เพราะเป็นประเทศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารยธรรม จนทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นอู่วัฒนธรรมของโลก เพราะมีวัฒนธรรมที่เก่าแก่กว่า4,000ปี
สาเหตุสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้ซีเรียมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จนได้ชื่อว่าเป็นอู่อารยธรรมของโลก เพราะเป็นศูนย์รวมของทั้ง ชาวฮิตไทท์ อัซซีเรีย บาบิโลเนีย เปอร์เซีย กรีก โรมัน เพราะเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรต่างๆ
ตั้งแต่พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ยึดครองซีเรียในปี 333-331 ก่อนคริสต์กาล เช่นเดียวกับโรมัน ก็เข้าตีและยึดครองประเทศซีเรียเมื่อ 63 ปี ก่อนคริสต์กาลและในช่วงก่อนศตวรรษที่ 6 อำนาจการปกครองซีเรียก็ตกเป็นของจักรวรรดิไบเซนไทน์ เมื่อจักรวรรดิไบเซนไทน์อ่อนแอลง ระหว่างปี 633-640 มุสลิมอาหรับได้เข้ายึดครองซีเรีย และครอบคลุมถึงช่วงหลายศตวรรษต่อมา ซึ่งส่งผลกระทบให้ประชาชนส่วนใหญ่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม จากนั้นซีเรียก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมันในปี 1516-1918 และตกอยู่ภายใต้ฝรั่งเศสในปี 1920 ฝรั่งเศสได้แยกเลบานอนออกจากซีเรีย และให้เอกราชสมบูรณ์แก่ซีเรียในปี 1946
ชาวซีเรียส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ มีภาษาอาหรับเป็นภาษาที่ใช้ในทางการ แต่เนื่องจากประเทศซีเรียเคยอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศฝรั่งเศส ทำให้ชาวซีเรียส่วนมากสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ดี สำหรับภาษาอังกฤษก็มีการใช้อย่างกว้างขวางด้วยเช่นกัน
อยากรู้จักซีเรียให้มากขึ้น ก็ต้องไปเริ่มต้นกันที่เมืองหลวงคือ กรุงดามัสกัส นี่แหละเข้าท่าที่สุด กรุงดามัสกัส ในปัจจุบันแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน โดยใช้กำแพงเมืองเป็นสัญลักษณ์ในการแบ่งเขต โดยบริเวณแรกจะเป็นเขตเมืองเก่า จะมีพื้นที่อยู่ภายในกำแพงเมือง
ซึ่งบริเวณนี้จะประกอบไปด้วย สุเหร่าโอเมยาร์ด ที่มีศีรษะของจอห์นเธอะแบ๊ปติสท์ (St. John the Baptist) ที่เชื่อว่าฝังอยู่ภายในสุเหร่าแห่งนี้ สุเหร่าโอเมยาร์ดแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.705 โดยโอเมยาร์ด คารีฟ มาร์วาน สถาปนิกที่มีชื่อเสียงมากของซีเรีย ที่นี่มีกฎห้ามทั้งหญิงและชายที่แต่งกายไม่เรียบร้อย นุ่งกางเกงขาสั้นเข้าโดยเด็ดขาด และผู้หญิงต้องโพกศีรษะก่อนเข้าไปในวิหารหรือบริเวณทำพิธี
บ้านของนักบุญอนานิอัส สถานที่จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรคริสเตียน ประตูเมืองดามัสกัส ตลาดอาหรับหรือว่าซุค และอีกบริเวณคือ เมืองใหม่ จะอยู่บริเวณภายนอกกำแพงเมือง ซึ่งจะเป็นพื้นที่ของอาคารสมัยใหม่ เช่น อาคารสำนักงาน ตึกสูง ศูนย์การค้า และมหาวิทยาลัย
กรุงดามัสกัส ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อ ปี ค.ศ. 1979 ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของอาหรับ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอันดับ 4 ของชาวมุสลิม ซึ่งอันดับ 1 ได้แก่เมืองเมกกะห์ อันดับ 2 ได้แก่เมดินะห์ และอันดับ 3 ได้แก่เยรูซาเล็ม
ท่องเมืองหลวงแล้วแนะนำให้มาต่อที่ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คือเมือง อเล็ปโป้ ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศเและได้ขึ้นชื่อว่ามีความเก่าแก่เป็นดันดับ 2 รองจากกรุงดามัสกัส สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงคือ ปราการอเล็ปโป้ ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อ ปี ค.ศ. 1986 ซึ่งมีความสมบูรณ์ด้านสถาปัตยกรรมอย่างยิ่ง
และหากต้องการชมความรุ่งเรืองในอดีตของโรมันก็ต้องไปที่ เมืองพาร์มีร่า มีชื่อเดิมว่าทัดมอร์ ที่แปลว่า ความสวยงาม เป็นเมืองโรมันเก่า ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อ ปี ค.ศ. 1980 เมืองหน้าด่านระหว่างโรมันและเปอร์เซีย ซึ่งเป็นเมืองศูนย์ กลางทางการค้าและกองคาราวาน ถือเป็นโอเอซิส ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากๆ
เมืองนี้ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1924 หลังถูกทำลายเพราะแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1089 แต่ร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าในอดีตที่นี่ คือจุดศูนย์กลางและเป็นศูนย์รวมของศิลปะวัฒนธรรม โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 1 และ 2 ซึ่งเห็นได้จากความโดดเด่นของสิ่งปลูกสร้างที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบโรมันและเปอร์เซียได้อย่างลงตัว
เป็นเมืองที่มีความสำคัญตั้งแต่อดีต มีหลักฐานว่าเมืองนี้มีมาตั้งแต่ 4,000 ปีที่แล้ว เป็นเมืองที่พักของกองคาราวานที่เดินจากริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนผ่านไปยังอ่าวเปอร์เชีย และยังเป็นเส้นทางสายไหม ขนสินค้าจากอินเดีย จีน ไปยังยุโรป พาล์มีร่าเจริญด้วยการเก็บภาษีจากกองคาราวานที่ผ่านไปมา
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง วิหารแห่งเทพเบลซึ่งถือเป็นเทพผู้ปกครองเทพทั้งปวง ชมโรงอาบน้ำของราชินีซาโนเบีย พระนางซาโนเบียมีเชื้อสายกรีก-อาหรับ เป็นราชินีผู้เลื่องลือด้านความงดงามและความเก่งกาจแห่งพาร์มีร่าและยังมีโรงละครแบบโรมันที่สวยงามอีกด้วย
เพื่อให้สมกับเป็นประเทศที่สำคัญด้านอารยธรรมของโลก ขอพามาชมอีกเมืองที่ เมืองมาลูล่า เมืองนี้เป็นเมืองที่ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็น “ประตูสู่อารยธรรมอาราเมียนของชนเผ่าอาราไมต์”
ที่นี่เป็นชุมชนชาวคริสต์ สิ่งสำคัญของที่แห่งนี้ก็คือ ผู้คนที่นี่ยังคงพูดจาสื่อสารกันด้วยภาษาอาราไมค์ ซึ่งเป็นภาษาที่ถูกใช้ในสมัยที่พระเยซูยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ซึ่งมีอายุมากกว่า 3,000 ปีมาแล้ว และพบว่ามีเพียงที่มาลูล่าแห่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงใช้ภาษานี้กันอยู่
ทั้งยังมีโบสถ์เก่าแก่ เซนต์ เซิร์ช มีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งสร้างขึ้นจากหินเป็นสถานที่ที่ใช้ในการประกอบพิธีสำคัญมากมาย ภายในโบสถ์มีภาพเขียนสีเฟรสโก้ ที่มีความสวยงามมากได้ถูกรักษาไว้อย่างดี มีแท่นหินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการประกอบพิธีบูชายันต์ ซึ่งเก่าแก่และเป็นของดั้งเดิมที่ใช้ในอดีต
อีกโบสถ์ที่มีความเก่าแก่และสำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ โบสถ์ เซนต์ เทกีอะ มีเรื่องเล่าว่าเซนต์เทกีอะคือผู้ที่ส่งสารน์ของพระเจ้า โนทหารตามล่าและหนีมาถึงจุดนี้ซึ่งเป็นทางตัน จึงได้อธิษฐานและเกิดปาฏิหาริย์ภูเขาทั้งลูกถูกแยกออกจากกันทำให้สามารถหนีรอดพ้นไปได้ ซึ่งภูเขาลูกนั้นก็คือที่ตั้งของโบสถ์แห่งนี้นั่นเอง ภายในมีน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่า หากใครได้ดื่มจะมีสุขภาพที่แข็งแรง และอายุยืน
เมืองสุดท้ายของซีเรียที่จะพาไปทำความรู้จักคือ เมืองบอสร่า ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็น North Capital of The Nabatien (เมืองหลวงทาง เหนือของเนบาเทียน ส่วนเมืองหลวงทางใต้ของเนบาเทียน คือ Petra อยู่ในประเทศจอร์แดน) ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย องค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1980
ในอดีตเมืองนี้สำคัญมาก เพราะเป็นเส้นทางการค้า มีพ่อค้าสัญจรผ่านไปมาจำนวนมาก และเป็นที่พักระหว่างทางของผู้ที่จะไปร่วมประกอบพิธีฮัจจ์ที่เมืองเมกกะอีกด้วย ที่นี่มีที่ท่องเที่ยวซึ่งมีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง อย่าง “ป้อมปราการบอสร่า” ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลโดยพวกเนบาเทียน และมี “โรงละครกลางแจ้ง” ซึ่งได้รับการพิจารณาให้เป็นโรงละครกลางแจ้งแบบโรมันที่ใหญ่และ สมบูรณ์แบบที่สุดเป็นอันดับ 1ของโลก สามารถจุผู้ชมได้ถึงกว่า 15,000 คน ปัจจุบันยังใช้เพื่อกิจกรรมต่างๆและคอนเสิร์ตบ้าง ในช่วงฤดูร้อน
หากมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตา รับประสบการณ์ใหม่ที่หลากหลายทางวัฒนธรรม อย่าลืมชื่อนี้ “ซีเรีย”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ประเทศซีเรีย มีเวลาช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง สกุลเงิน ซีเรียปอนด์ (Syrian Pound) อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 50 Syrian Pounds(ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) สถานฑูตประเทศซีเรีย จะปฏิเสธการออกวีซ่าให้ในกรณีที่ท่านมีวีซ่าหรือตราประทับเข้าประเทศอิสราเอล โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดคือช่วงเดือนเมษายน - เดือนมิถุนายน และช่วงเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบาย