ผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศเผย จนท.ระดับสูงยูเออี ยืนยัน “นช.แม้ว” ออกจากประเทศตั้งแต่ 20 เม.ย.พร้อมย้ำความสัมพันธ์กับไทยมีความสำคัญ อ้างตรวจสอบไม่พบตามข่าวที่ปรากฏตามสื่อว่าอดีตนายกฯ ไทยยังอยู่ คาดนักโทษชายใช้เล่ห์เหลี่ยมเปลี่ยนชื่อ พร้อมใช้พาสปอร์ตต่างชาติ ทางการอาหรับฯ จึงตรวจไม่พบ
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการพบกับผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การการประชุมอิสลาม ครั้งที่ 36 ณ กรุงดามัสกัส สาธารณรัฐอาหรับซีเรียว่า ผู้บริหารระดับสูงของยูเออียืนยันกับตนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีคดีจากไทยไปอยู่ต่างประเทศ ได้เดินทางออกนอกยูเออีตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2552 และบอกด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัฐบาลยูเออีมีความสำคัญมาก และตนได้ถามกลับไปว่า จากข้อมูลที่ได้รับจากสื่อมวลชน รวมทั้งการแถลงของผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่สุขสบายในยูเออี และมีแหล่งข่าวยืนยันว่าไปพบในยูเออี
นายพนิชกล่าวว่า ตนไม่ได้ถามเลยว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่หรือไม่อยู่ แต่ผู้ใหญ่ของยูเออีเดินมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยู่ในยูเออีแล้ว คิดว่ารัฐบาลของยูเออีคงเชื่อว่าอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว ภายใต้ชื่อหรือพาสปอร์ตเล่มสีน้ำตาลของไทย ความหมายคือ ถ้าตามการบันทึกชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และพาสปอร์ตของไทย ไม่มีคนชื่อนี้อยู่ในยูเออี ซึ่งรัฐบาลยูเออีอาจจะไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะอยู่ภายใต้สถานะอื่น เพราะรัฐบาลยูเออีคงจะตรวจสอบได้เฉพาะชื่อและพาสปอร์ตของไทย แต่พาสปอร์ตของไทยเรายกเลิกไปตั้งนานแล้ว แปลว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องใช้ชื่อและพาสปอร์ตประเทศอื่น อาจจะเป็นชื่อ นาย ก.ใช้พาสปอร์ตของ ประเทศ ข. และยังอยู่ แต่อันนี้เราไม่ทราบว่าทำไมยูเออีถึงไม่สามารถตรวจสอบได้
ส่วนเรื่องข้อกฎหมายเกี่ยวกระบวนการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับนั้น นายพนิชกล่าวว่า ไม่ได้พูดคุย เพราะเมื่อยูเออีบอกว่าไม่อยู่ก็ไม่สามารถไปพูดเรื่องข้อกฎหมายได้ เมื่อรัฐบาลยูเออีบอกว่าไม่อยู่แล้วเราก็ต้องจบแค่นั้น เราไม่สามารถไปกดดันบอกว่าให้คุยเรื่องกฎหมายเพียงเพราะแหล่งข่าวบอกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ในยูเออี
