โดย : แมวลาย

ฝีเท้าของนักเตะจากถิ่นแซมบ้าที่มีทั้งลวดลายและลีลาที่พลิ้วไหวราวกับเลี้ยงลูกบอลไปพร้อมกับเพลงจังหวะบอสซาโนวาก็มิปาน ทำให้แฟนบอลหลายคนติดใจไม่ยอมคลาดสายตาเมื่อนักบอลจากบราซิลลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก๋ากึ๊กอย่าง "ไข่มุกดำ"เปเล่ ซิโก้ หรือจะเป็นรุ่นปัจจุบัน อย่างเหยินใหญ่-เหยินน้อย โรนัลโด้ โรนัลดินโญ่ โรเบอร์โต้ คาร์ลอส หรือนักเตะหน้าหยกอย่างริคาร์โด กาก้า และอีกหลายๆคน ก็ล้วนแต่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองแซมบ้า และทำให้แฟนบอลได้เฮกับชัยชนะกันอยู่บ่อยครั้ง
และเมื่อเร็วๆนี้ชาวบราซิลทั้งประเทศก็ได้เฮกันอีกหน เมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้ลงคะแนนให้นครริโอ เดอ จาเนโร ของประเทศบราซิลได้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาครั้งใหญ่ที่สุดของโลก นั่นก็คือกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในปี ค.ศ.2016 ฉะนั้นเราจึงควรมารู้จักกับประเทศบราซิล และนครริโอ เดอ จาเนโรกันสักหน่อย

"บราซิล" เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ "สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล" แบ่งการปกครองออกเป็น 26 รัฐ และ 1 เฟเดอรัล ดิสตริกท์ (Federal District) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง คือกรุงบราซิเลีย
แผ่นดินของประเทศนี้ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ.1500 โดยนักเดินเรือชาวโปตุเกส ชื่อว่า เปโดรอันวาเรส กาบรัล ซึ่งออกเดินทางจากกรุงลิสบอน มุ่งสู่ตะวันตกเพื่อไปอินเดีย แต่กลับได้พบชายฝั่งทะเลของประเทศบราซิลโดยบังเอิญ ต่อมาดินแดนแห่งนี้จึงตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส แม้ปัจจุบันนี้บราซิลจะไม่ได้เป็นอาณานิคมอีกต่อไป แต่ก็ยังใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการต่อมาจนปัจจุบัน นอกจากนั้นที่บราซิลยังเป็นแหล่งส่งออกกาแฟแหล่งใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย

สำหรับเมือง "ริโอ เดอ จาเนโร" (Rio de Janeiro) นั้น ก็เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในบราซิล อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศบราซิลมาก่อน ชื่อของริโอ เดอ จาเนโรนั้นมีความหมายในภาษาโปรตุเกสฟังดูโรแมนติกว่า "แม่น้ำเดือนมกราคม"
ทิวทัศน์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรนี้งดงามไปด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย แต่นักท่องเที่ยวก็อย่ามัวชื่นชมกับธรรมชาติเสียจนลืมระวังตัว เพราะที่นี่ถือเป็นเมืองที่มีสถิติอาชญากรรมสูงมากแห่งหนึ่งในโลก แม้ในเมืองนี้จะมีย่านหรูหราทันสมัย แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีแหล่งชุมชนแออัด และคนไร้บ้านอีกมากมายที่มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก นักท่องเที่ยวจึงไม่ควรพกเงินสดไว้กับตัวมากๆ หรือใส่เครื่องประดับราคาแพง แม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปก็ต้องระวัง เพราะอาจถูกวิ่งราวขณะถ่ายภาพไปก็เป็นได้

แต่ถ้าตัดเรื่องความปลอดภัยออกไปแล้ว เมืองนี้ก็ถือเป็นเมืองที่มีสีสันมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะหากเป็นช่วง "เทศกาลคาร์นิวัล" ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยงานคาร์นิวัลที่ริโอ เดอ จาเนโรถือเป็นงานคาร์นิวัลที่โด่งดังที่สุดของบราซิล โดยในงานจะมีขบวนแห่ซึ่งแต่ละเมืองจะนำการเต้นรำในจังหวะแซมบ้ามาแข่งขันประชันกัน นอกจากท่าเต้นและดนตรีที่สุดแสนจะเร้าใจแล้ว ชุดของนักเต้นก็จะต้องอลังการงานสร้างไม่น้อยหน้ากันอีกด้วย งานคาร์นิวัลนี้จะจัดกันนานกว่า 1 สัปดาห์ จึงถือเป็นงานระดับชาติที่ชาวบราซิลจะไม่ยอมพลาดความสนุกสนานแน่นอน
สัญลักษณ์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่หลายๆคนมักนึกถึงก็คือ รูปปั้นพระเยซู (The Christ the Redeemer) ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado) ในอุทยานแห่งชาติ Tijuca เป็นรูปปั้นพระเยซูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูงประมาณ 38 เมตร องค์พระเยซูหันหน้าออกสู่อ่าวของเมืองริโอ เดอ จาเนโร และกำลังกางแขนออกเหมือนจะช่วยให้ชาวคริสต์พ้นจากบาป อีกทั้งก็เหมือนกางแขนออกเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนด้วย

ผลงานอลังการนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1921 ผู้ออกแบบคือไฮตอร์ ดาซิลวา คอสตา ชาวบราซิล และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี้ ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาสร้าง 5 ปีด้วยกัน และล่าสุดในวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 ที่ผ่านมา หลังจากเปิดให้คนทั่วโลกร่วมโหวตทางอินเตอร์เน็ต รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ที่ส่งผลให้ผู้คนอยากมาเยือนเมืองริโอ เดอ จาเนโร กันมากขึ้น และด้านบนบริเวณฐานของรูปปั้นพระเยซูในวันที่อากาศแจ่มใสก็ยังเป็นจุดชมวิวเมืองริโอ เดอ จาเนโรที่งดงามมากแห่งหนึ่งด้วย แต่บางวันที่มีเมฆหมอกก็ทำให้รูปปั้นพระเยซูงดงามไปอีกแบบ
ที่เมืองริโอนี้ยังมีชายหาดสวยๆ อย่างหาดโคปาคาบานา (Copacabana Beach) ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ในย่านชายหาดนี้ถือเป็นย่านหรูของเมือง มีโรงแรมห้าดาว มีห้างสรรพสินค้า ร้านรวงร้านอาหารต่างๆ

ส่วนที่ชายหาดโคปาคาบานานี้เป็นชายหาดที่ยาวกว่า 4 กิโลเมตร มีทางเดินเลียบชายหาดสไตล์โปรตุเกสที่ปูกระเบื้องเป็นรูปคล้ายลอนคลื่นในทะเล อีกทั้งทิวทัศน์รอบข้างยังมีเสน่ห์ด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อน
หากมองลองมาจากด้านบนจะเห็นหาดโคปาคาบานาเป็นชายหาดโค้งรับกับหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าสดใส แต่สิ่งที่ทำให้ชายหาดดูมีสีสันก็คงเป็นสาวๆแซมบ้าแสนเซ็กซี่กำลังอาบแดดบนชายหาดในชุดบิกินี่ ส่วนหนุ่มกล้ามโตผิวสีน้ำตาลสวยในกางเกงว่ายน้ำก็น่าดูไม่แพ้กัน โดยกิจกรรมบนชายหาดแห่งนี้นอกจากจะมาอาบแดดและเล่นน้ำทะเลกันแล้ว วอลเล่ย์บอลและฟุตบอลชายหาดก็เป็นกิจกรรมที่นิยมไม่แพ้กัน

นอกจากหาดโคปาคาบานาที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้แล้ว ก็ยังมีหาดอิปาเนมา (Ipanema Beach) ที่เริ่มมีความนิยมขึ้นมาใกล้เคียงกัน ชายหาดอาจจะแคบกว่าหาดโคปาคาบานา แต่ก็มีร้านรวงน่ารักๆ ให้เดินเล่นอยู่มากเช่นกัน
เดินเล่นย่านหรูๆกันแล้ว ไปดูย่านชุมชนแออัดเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างดีกว่า ที่ฟาเวลา (Favela) ที่เป็นบ้านเรือนปลูกไล่กันไปบนภูเขาหลายร้อยหลายพันหลัง ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ แต่ส่วนมากคนที่มาที่นี่มักจะซื้อทัวร์มา หรือมากับไกด์ทัวร์เพราะจะปลอดภัยที่สุด แม้จะเป็นถิ่นอันตราย แต่นักเตะชื่อดังหลายคนก็เติบโตมาจากที่นี่ ทั้งโรนัลโด โรนัลดินโญ ขวัญใจใครหลายคน

พูดถึงนักเตะขึ้นมาแล้วก็นึกได้ว่าที่ริโอ เดอ จาเนโรนี้ยังมีสนามฟุตบอลมาราคานา (Maracana) ซึ่งเคยเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อสร้างในตอนแรกจุผู้ชมได้มากถึง 180,000 คน แต่เมื่อปรับปรุงสนามใหม่แล้วก็ลดขนาดลงมาจุคนได้เพียง 73,916 คน แต่หากรวมที่ยืนด้วยจะจุคนได้ 103,022 คน สนามแห่งนี้เคยใช้เป็นสถานที่แข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในปี ค.ศ.1950 นัดที่บราซิลแพ้อุรุกวัยไปในบ้านของตัวเอง
และในอนาคตสนามกีฬามาราคาน่าก็จะถูกใช้เป็นสนามหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 และที่สำคัญก็คือ จะใช้เป็นสถานที่จัดพิธีเปิด พิธีปิด และฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศในกีฬาโอลิมปิกปี 2016 ที่เพิ่งจะคัดเลือกเจ้าภาพกันไปหมาดๆนี่เอง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
จากเมืองไทยยังไม่มีสายการบินบินตรงไปประเทศบราซิล แต่สามารถต่อเครื่องจากประเทศอื่นๆ ไปยังสนามบินในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล แล้วจึงต่อเครื่องบินภายในประเทศจากเซาเปาโลไปยังเมืองริโอ เดอ จาเนโรได้ สกุลเงินของบราซิลคือเงินเรียล (R$) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.00 เรียล = 13.00 บาท ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยไม่ต้องมีวีซ่าเพื่อเข้าประเทศบราซิล แต่ผู้ถือหนังสือเดินทางจากบางประเทศต้องมีวีซ่า หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความต้องการที่จะมีวีซ่าแล้ว กรุณาปรึกษากับสายการบินที่ท่านจะใช้บริการ หรือติดต่อกับสถานกงสุลบราซิลได้ที่โทร.0-2679-8567 ถึง 8 ต่อ 113, 114
ฝีเท้าของนักเตะจากถิ่นแซมบ้าที่มีทั้งลวดลายและลีลาที่พลิ้วไหวราวกับเลี้ยงลูกบอลไปพร้อมกับเพลงจังหวะบอสซาโนวาก็มิปาน ทำให้แฟนบอลหลายคนติดใจไม่ยอมคลาดสายตาเมื่อนักบอลจากบราซิลลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก๋ากึ๊กอย่าง "ไข่มุกดำ"เปเล่ ซิโก้ หรือจะเป็นรุ่นปัจจุบัน อย่างเหยินใหญ่-เหยินน้อย โรนัลโด้ โรนัลดินโญ่ โรเบอร์โต้ คาร์ลอส หรือนักเตะหน้าหยกอย่างริคาร์โด กาก้า และอีกหลายๆคน ก็ล้วนแต่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองแซมบ้า และทำให้แฟนบอลได้เฮกับชัยชนะกันอยู่บ่อยครั้ง
และเมื่อเร็วๆนี้ชาวบราซิลทั้งประเทศก็ได้เฮกันอีกหน เมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้ลงคะแนนให้นครริโอ เดอ จาเนโร ของประเทศบราซิลได้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาครั้งใหญ่ที่สุดของโลก นั่นก็คือกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในปี ค.ศ.2016 ฉะนั้นเราจึงควรมารู้จักกับประเทศบราซิล และนครริโอ เดอ จาเนโรกันสักหน่อย
"บราซิล" เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ "สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล" แบ่งการปกครองออกเป็น 26 รัฐ และ 1 เฟเดอรัล ดิสตริกท์ (Federal District) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง คือกรุงบราซิเลีย
แผ่นดินของประเทศนี้ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ.1500 โดยนักเดินเรือชาวโปตุเกส ชื่อว่า เปโดรอันวาเรส กาบรัล ซึ่งออกเดินทางจากกรุงลิสบอน มุ่งสู่ตะวันตกเพื่อไปอินเดีย แต่กลับได้พบชายฝั่งทะเลของประเทศบราซิลโดยบังเอิญ ต่อมาดินแดนแห่งนี้จึงตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส แม้ปัจจุบันนี้บราซิลจะไม่ได้เป็นอาณานิคมอีกต่อไป แต่ก็ยังใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการต่อมาจนปัจจุบัน นอกจากนั้นที่บราซิลยังเป็นแหล่งส่งออกกาแฟแหล่งใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย
สำหรับเมือง "ริโอ เดอ จาเนโร" (Rio de Janeiro) นั้น ก็เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในบราซิล อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศบราซิลมาก่อน ชื่อของริโอ เดอ จาเนโรนั้นมีความหมายในภาษาโปรตุเกสฟังดูโรแมนติกว่า "แม่น้ำเดือนมกราคม"
ทิวทัศน์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรนี้งดงามไปด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย แต่นักท่องเที่ยวก็อย่ามัวชื่นชมกับธรรมชาติเสียจนลืมระวังตัว เพราะที่นี่ถือเป็นเมืองที่มีสถิติอาชญากรรมสูงมากแห่งหนึ่งในโลก แม้ในเมืองนี้จะมีย่านหรูหราทันสมัย แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีแหล่งชุมชนแออัด และคนไร้บ้านอีกมากมายที่มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก นักท่องเที่ยวจึงไม่ควรพกเงินสดไว้กับตัวมากๆ หรือใส่เครื่องประดับราคาแพง แม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปก็ต้องระวัง เพราะอาจถูกวิ่งราวขณะถ่ายภาพไปก็เป็นได้
แต่ถ้าตัดเรื่องความปลอดภัยออกไปแล้ว เมืองนี้ก็ถือเป็นเมืองที่มีสีสันมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะหากเป็นช่วง "เทศกาลคาร์นิวัล" ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยงานคาร์นิวัลที่ริโอ เดอ จาเนโรถือเป็นงานคาร์นิวัลที่โด่งดังที่สุดของบราซิล โดยในงานจะมีขบวนแห่ซึ่งแต่ละเมืองจะนำการเต้นรำในจังหวะแซมบ้ามาแข่งขันประชันกัน นอกจากท่าเต้นและดนตรีที่สุดแสนจะเร้าใจแล้ว ชุดของนักเต้นก็จะต้องอลังการงานสร้างไม่น้อยหน้ากันอีกด้วย งานคาร์นิวัลนี้จะจัดกันนานกว่า 1 สัปดาห์ จึงถือเป็นงานระดับชาติที่ชาวบราซิลจะไม่ยอมพลาดความสนุกสนานแน่นอน
สัญลักษณ์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่หลายๆคนมักนึกถึงก็คือ รูปปั้นพระเยซู (The Christ the Redeemer) ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado) ในอุทยานแห่งชาติ Tijuca เป็นรูปปั้นพระเยซูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูงประมาณ 38 เมตร องค์พระเยซูหันหน้าออกสู่อ่าวของเมืองริโอ เดอ จาเนโร และกำลังกางแขนออกเหมือนจะช่วยให้ชาวคริสต์พ้นจากบาป อีกทั้งก็เหมือนกางแขนออกเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนด้วย
ผลงานอลังการนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1921 ผู้ออกแบบคือไฮตอร์ ดาซิลวา คอสตา ชาวบราซิล และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี้ ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาสร้าง 5 ปีด้วยกัน และล่าสุดในวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 ที่ผ่านมา หลังจากเปิดให้คนทั่วโลกร่วมโหวตทางอินเตอร์เน็ต รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ที่ส่งผลให้ผู้คนอยากมาเยือนเมืองริโอ เดอ จาเนโร กันมากขึ้น และด้านบนบริเวณฐานของรูปปั้นพระเยซูในวันที่อากาศแจ่มใสก็ยังเป็นจุดชมวิวเมืองริโอ เดอ จาเนโรที่งดงามมากแห่งหนึ่งด้วย แต่บางวันที่มีเมฆหมอกก็ทำให้รูปปั้นพระเยซูงดงามไปอีกแบบ
ที่เมืองริโอนี้ยังมีชายหาดสวยๆ อย่างหาดโคปาคาบานา (Copacabana Beach) ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ในย่านชายหาดนี้ถือเป็นย่านหรูของเมือง มีโรงแรมห้าดาว มีห้างสรรพสินค้า ร้านรวงร้านอาหารต่างๆ
ส่วนที่ชายหาดโคปาคาบานานี้เป็นชายหาดที่ยาวกว่า 4 กิโลเมตร มีทางเดินเลียบชายหาดสไตล์โปรตุเกสที่ปูกระเบื้องเป็นรูปคล้ายลอนคลื่นในทะเล อีกทั้งทิวทัศน์รอบข้างยังมีเสน่ห์ด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อน
หากมองลองมาจากด้านบนจะเห็นหาดโคปาคาบานาเป็นชายหาดโค้งรับกับหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าสดใส แต่สิ่งที่ทำให้ชายหาดดูมีสีสันก็คงเป็นสาวๆแซมบ้าแสนเซ็กซี่กำลังอาบแดดบนชายหาดในชุดบิกินี่ ส่วนหนุ่มกล้ามโตผิวสีน้ำตาลสวยในกางเกงว่ายน้ำก็น่าดูไม่แพ้กัน โดยกิจกรรมบนชายหาดแห่งนี้นอกจากจะมาอาบแดดและเล่นน้ำทะเลกันแล้ว วอลเล่ย์บอลและฟุตบอลชายหาดก็เป็นกิจกรรมที่นิยมไม่แพ้กัน
นอกจากหาดโคปาคาบานาที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้แล้ว ก็ยังมีหาดอิปาเนมา (Ipanema Beach) ที่เริ่มมีความนิยมขึ้นมาใกล้เคียงกัน ชายหาดอาจจะแคบกว่าหาดโคปาคาบานา แต่ก็มีร้านรวงน่ารักๆ ให้เดินเล่นอยู่มากเช่นกัน
เดินเล่นย่านหรูๆกันแล้ว ไปดูย่านชุมชนแออัดเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างดีกว่า ที่ฟาเวลา (Favela) ที่เป็นบ้านเรือนปลูกไล่กันไปบนภูเขาหลายร้อยหลายพันหลัง ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ แต่ส่วนมากคนที่มาที่นี่มักจะซื้อทัวร์มา หรือมากับไกด์ทัวร์เพราะจะปลอดภัยที่สุด แม้จะเป็นถิ่นอันตราย แต่นักเตะชื่อดังหลายคนก็เติบโตมาจากที่นี่ ทั้งโรนัลโด โรนัลดินโญ ขวัญใจใครหลายคน
พูดถึงนักเตะขึ้นมาแล้วก็นึกได้ว่าที่ริโอ เดอ จาเนโรนี้ยังมีสนามฟุตบอลมาราคานา (Maracana) ซึ่งเคยเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อสร้างในตอนแรกจุผู้ชมได้มากถึง 180,000 คน แต่เมื่อปรับปรุงสนามใหม่แล้วก็ลดขนาดลงมาจุคนได้เพียง 73,916 คน แต่หากรวมที่ยืนด้วยจะจุคนได้ 103,022 คน สนามแห่งนี้เคยใช้เป็นสถานที่แข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในปี ค.ศ.1950 นัดที่บราซิลแพ้อุรุกวัยไปในบ้านของตัวเอง
และในอนาคตสนามกีฬามาราคาน่าก็จะถูกใช้เป็นสนามหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 และที่สำคัญก็คือ จะใช้เป็นสถานที่จัดพิธีเปิด พิธีปิด และฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศในกีฬาโอลิมปิกปี 2016 ที่เพิ่งจะคัดเลือกเจ้าภาพกันไปหมาดๆนี่เอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
จากเมืองไทยยังไม่มีสายการบินบินตรงไปประเทศบราซิล แต่สามารถต่อเครื่องจากประเทศอื่นๆ ไปยังสนามบินในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล แล้วจึงต่อเครื่องบินภายในประเทศจากเซาเปาโลไปยังเมืองริโอ เดอ จาเนโรได้ สกุลเงินของบราซิลคือเงินเรียล (R$) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.00 เรียล = 13.00 บาท ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยไม่ต้องมีวีซ่าเพื่อเข้าประเทศบราซิล แต่ผู้ถือหนังสือเดินทางจากบางประเทศต้องมีวีซ่า หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความต้องการที่จะมีวีซ่าแล้ว กรุณาปรึกษากับสายการบินที่ท่านจะใช้บริการ หรือติดต่อกับสถานกงสุลบราซิลได้ที่โทร.0-2679-8567 ถึง 8 ต่อ 113, 114