โดย : หมวยเกี๊ยะ
สำหรับฉันการได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ ในโลก มันเหมือนเป็นการให้รางวัลแก่ชีวิตที่ได้ทำงานมาหนักหนา และเป็นเหมือนการได้ไปเปิดหูเปิดตา สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่ชีวิต ดังนั้นหากมีเวลาว่างเป็นเมื่อไหร่ ฉันไม่รีรอที่จะให้รางวัลแก่ตัวเองโดยการออกทัวร์ท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ที่ฉันอยากไป และหนึ่งในประเทศทางแถบยุโรปที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยว และก็ได้เดินทางมาเที่ยวอย่างสมใจในทริปนี้ก็คือ
“สาธารณรัฐฮังการี” (Republic of Hungary) เป็นประเทศหนึ่งทางแถบยุโรปที่มีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เพราะเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีประวัติอย่างยาวนานมาตั้งแต่ในตอนศตวรรษที่ 9 ซึ่งประเทศฮังการีนี้มีความงดงามในทางลักษณะภูมิประเทศเป็นอย่างมาก จนนักท่องเที่ยวจากหลายมุมโลกก็อยากจะเดินทางมาสัมผัสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้มาเที่ยวชมเมืองหลวงอันงดงามที่มีชื่อว่า
“บูดาเปสต์” (Budapest) เป็นนครหลวงของประเทศฮังการีที่รวมเอาสองเมืองเข้าด้วยกัน คือเมือง "บูดา" กับเมือง "เปสต์" รวมกันเมื่อปี 1873 บูดาเปสต์นั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีความงดงามติดอันดับโลก จนได้รับสมญานามว่า “บูดาเปสต์ ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ด้วยเพราะทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ (Danube) หรือที่คนฮังกาเรียนเรียกขานว่า ดูนา (Duna) เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำดานูบ มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนเรียกว่าฝั่งบูดา (Buda) เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ส่วนฝั่งเปสต์ (Pest) มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นราบ เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมือง
หากได้มาเยือนยังบูดาเปสต์แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ชมสิ่งสวยงาม เพราะว่าที่เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังและงดงามให้เที่ยวชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารเซนต์สตีเฟน(St.Stephen Basilica) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสูงโดดเด่นเป็นสง่าในฝั่งเปสต์ เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1851 เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1905 ใช้เวลากว่า 54 ปีในการก่อสร้าง มหาวิหารแห่งนี้มีความสูงถึง 96 เมตร ถือว่าป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในบูดาเปสต์ ภายในมหาวิหารโอ่โถงอลังการท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ การตกแต่งภายในถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรม
อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungary Parliament) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันตระการที่ไม่ควรพลาดมาเที่วชม ถือว่าป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ เป็นอาคารรัฐสภาที่ชาวฮังกาเรี่ยนภูมิใจว่าเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก เพราะตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคที่ดูคลาสสิคด้วยหลังคาสีแดง อาคารรัฐสภาแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร
ภายในอาคารรัฐสภาประกอบด้วยห้องมากมายถึง 700 ห้อง มีประตูทางเข้า 27 แห่ง บนตัวอาคารประดับด้วยยอดสูง 365 ยอด ซึ่งการเดินชมภายในรัฐสภาจะจัดเป็นกลุ่มย่อยๆ และมีไกด์คอยพานำชมห้องต่างๆ ซึ่งแต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยสดวิจิตรอลังการงดงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง
และใกล้ๆ กับอาคารรัฐสภายังมี สะพานเชน (Chain Bridge) หรือสะพานโซ่ เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของบูดาเปสท์ สะพานเชนแห่งนี้เป็นสะพานถาวรแห่งแรกที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำดานูบ สร้างโดยวิศวกรชาวอังกฤชื่อ William Tierney Clark เหล็กทุกชิ้นล้วนนำมาจากอังกฤษ เป็นสะพานที่มีความสวยงามอย่างมาก มีรูปปั้นแกะสลักสิงห์โตที่สะพาน ยิ่งยามค่ำคืนสะพานจะสว่างไสวไปด้วยไฟราวที่ถูกประดับประดาไว้ยิ่งสร้างความงามตาให้กับสะพานอย่างยิ่งยวด
จากสะพานเชนมาเที่ยวที่ ฮีโร่สแควร์ (Hero Square) กันสถานที่แห่งนี้เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานฮีโร่สแควร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบหนึ่งพันปี เสาสูงตระหง่านของอนุสาวรีย์ เป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล อันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่เป็นดั่งหลักของอาณาจักรฮังการี รอบเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อผู้นำของชนเผ่าทั้ง 7 ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นเมื่อคริสตศวรรษที่ 9
นอกจากนี้ยังมีเสาระเบียงโดยรอบที่ประดับประดาไปด้วยรูปหล่อของบุคคลสำคัญของฮังการี ไม่ว่าจะเป็นอดีตกษัตริย์ นักปราชญ์ และบุคคลในประวัติศาสตร์ของฮังการี ซึ่งในช่วงที่มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น ฮังการียังคงอยู่ภายใต้จักรวรรดิออสเตรีย ดังนั้นรูปหล่อบางรูปในขณะนั้น จึงเป็นบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กแห่งออสเตรีย แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก การบูรณะหลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนรูปหล่อของบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กทั้งหมดให้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ฮังการี สอดคล้องกับสภาพการเมืองในขณะนั้นที่จักรวรรดิออสเตรียล่มสลายลง และฮังการีได้แยกตัวออกมาเป็นประเทศเอกราช
และบริเวณฮีโร่สแควร์ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ Museum of Fine Arts พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก็บรวบรวมผลงานของศิลปินชื่อดังไว้มากมายกว่า 120,000 ชิ้น มีArt Gallery แสดงผลงานทางศิลปะในยุคใหม่ มีปราสาท Vajdahunyad Castle สวนสัตว์ สวนสาธารณะ และ Szechenyi Medicinal bath โรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่กว่าร้อยปีซึ่งยังเปิดให้บริการ ซึ่งประเทศฮังการีนั้นมีชื่อเสียงเรื่องสปาและน้ำพุร้อนอยู่แล้ว
จากนั้นข้ามมาที่ฝั่งบูดา ขึ้นมาบน Buda’s Castle Hill ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณเก่าแก่อันทรงคุณค่ามากมายให้มาเที่ยวชมกัน อย่างโบสถ์แมทเทียส (Matthias Church) เป็นโบสถ์ใหญ่เก่าแก่อายุ 700 ปี ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โบถส์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์แมทเทียส กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮังการี เมื่ออดีตโบสถ์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีเถลิงราชสมบัติของกษัตริย์แห่งฮังการี แต่ในช่วงที่ฮังการีถูกรุกรานจากกองทัพเติร์ก สมบัติส่วนใหญ่ถูกขนออกไป และถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นมัสยิสหลักของเมืองภายใต้การปกครองของตุรกีในปี ค.ศ.1541 และในช่วงสงครามขับไล่กองทัพเติร์ก โบสถ์แมนเทียสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก กระทั่งเมื่อสงครามสงบลงจึงมีการบูรณะโบสถ์แมทเทียสให้กลับมายิ่งใหญ่และงดงามดังเดิม มีหลังคาสลับสีอันสวยงามตามสไตล์นีโอ-โกธิค ส่วนด้านโบสถ์ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสี และกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาที่งดงามเกินคำบรรยาย
ถัดจากโบสถ์แมทเทียส ยังมีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 ตั้งเด่นเป็นสง่าให้ได้ชมกันเป็นอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่หน้าป้อมชาวประมง (Fishermen’s Bastion) ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน สร้างขึ้นไว้เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกรานเมื่อปี 1241 - 1242 บนป้อมชาวประมงนี้ถือว่าเป็นจุดชมวิวรอบเมืองบูดาที่สวยที่สุด สามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้แบบพาโนรามา มองเห็นสะพานเชน และอาคารรัฐสภาฮังการีริมแม่น้ำดานูบที่งดงามตรึงตา ประทับใจกับการที่ได้มาเยือน “บูดาเปสต์” นครหลวงอันงดงามแห่งสาธารณรัฐฮังการี
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“สาธารณรัฐฮังการี” (Republic of Hungary) มีเมืองหลวงคือ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) ภาษาราชการที่ใช้คือฮังกาเรียน และภาษาธุรกิจที่ใช้คือ ภาษาฮังกาเรียน อังกฤษ และเยอรมัน ฮังการีใช้สกุลเงิน ฟอรินท์ (Forint) 1 บาท ประมาณ 5.9 ฟอรินท์ ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศฮังการีต้องขอวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย
สำหรับฉันการได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ ในโลก มันเหมือนเป็นการให้รางวัลแก่ชีวิตที่ได้ทำงานมาหนักหนา และเป็นเหมือนการได้ไปเปิดหูเปิดตา สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่ชีวิต ดังนั้นหากมีเวลาว่างเป็นเมื่อไหร่ ฉันไม่รีรอที่จะให้รางวัลแก่ตัวเองโดยการออกทัวร์ท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ที่ฉันอยากไป และหนึ่งในประเทศทางแถบยุโรปที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยว และก็ได้เดินทางมาเที่ยวอย่างสมใจในทริปนี้ก็คือ
“สาธารณรัฐฮังการี” (Republic of Hungary) เป็นประเทศหนึ่งทางแถบยุโรปที่มีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เพราะเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีประวัติอย่างยาวนานมาตั้งแต่ในตอนศตวรรษที่ 9 ซึ่งประเทศฮังการีนี้มีความงดงามในทางลักษณะภูมิประเทศเป็นอย่างมาก จนนักท่องเที่ยวจากหลายมุมโลกก็อยากจะเดินทางมาสัมผัสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้มาเที่ยวชมเมืองหลวงอันงดงามที่มีชื่อว่า
“บูดาเปสต์” (Budapest) เป็นนครหลวงของประเทศฮังการีที่รวมเอาสองเมืองเข้าด้วยกัน คือเมือง "บูดา" กับเมือง "เปสต์" รวมกันเมื่อปี 1873 บูดาเปสต์นั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีความงดงามติดอันดับโลก จนได้รับสมญานามว่า “บูดาเปสต์ ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ด้วยเพราะทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ (Danube) หรือที่คนฮังกาเรียนเรียกขานว่า ดูนา (Duna) เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำดานูบ มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนเรียกว่าฝั่งบูดา (Buda) เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ส่วนฝั่งเปสต์ (Pest) มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นราบ เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมือง
หากได้มาเยือนยังบูดาเปสต์แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ชมสิ่งสวยงาม เพราะว่าที่เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังและงดงามให้เที่ยวชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารเซนต์สตีเฟน(St.Stephen Basilica) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสูงโดดเด่นเป็นสง่าในฝั่งเปสต์ เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1851 เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1905 ใช้เวลากว่า 54 ปีในการก่อสร้าง มหาวิหารแห่งนี้มีความสูงถึง 96 เมตร ถือว่าป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในบูดาเปสต์ ภายในมหาวิหารโอ่โถงอลังการท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ การตกแต่งภายในถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรม
อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungary Parliament) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันตระการที่ไม่ควรพลาดมาเที่วชม ถือว่าป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ เป็นอาคารรัฐสภาที่ชาวฮังกาเรี่ยนภูมิใจว่าเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก เพราะตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคที่ดูคลาสสิคด้วยหลังคาสีแดง อาคารรัฐสภาแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร
ภายในอาคารรัฐสภาประกอบด้วยห้องมากมายถึง 700 ห้อง มีประตูทางเข้า 27 แห่ง บนตัวอาคารประดับด้วยยอดสูง 365 ยอด ซึ่งการเดินชมภายในรัฐสภาจะจัดเป็นกลุ่มย่อยๆ และมีไกด์คอยพานำชมห้องต่างๆ ซึ่งแต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยสดวิจิตรอลังการงดงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง
และใกล้ๆ กับอาคารรัฐสภายังมี สะพานเชน (Chain Bridge) หรือสะพานโซ่ เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของบูดาเปสท์ สะพานเชนแห่งนี้เป็นสะพานถาวรแห่งแรกที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำดานูบ สร้างโดยวิศวกรชาวอังกฤชื่อ William Tierney Clark เหล็กทุกชิ้นล้วนนำมาจากอังกฤษ เป็นสะพานที่มีความสวยงามอย่างมาก มีรูปปั้นแกะสลักสิงห์โตที่สะพาน ยิ่งยามค่ำคืนสะพานจะสว่างไสวไปด้วยไฟราวที่ถูกประดับประดาไว้ยิ่งสร้างความงามตาให้กับสะพานอย่างยิ่งยวด
จากสะพานเชนมาเที่ยวที่ ฮีโร่สแควร์ (Hero Square) กันสถานที่แห่งนี้เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานฮีโร่สแควร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบหนึ่งพันปี เสาสูงตระหง่านของอนุสาวรีย์ เป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล อันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่เป็นดั่งหลักของอาณาจักรฮังการี รอบเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อผู้นำของชนเผ่าทั้ง 7 ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นเมื่อคริสตศวรรษที่ 9
นอกจากนี้ยังมีเสาระเบียงโดยรอบที่ประดับประดาไปด้วยรูปหล่อของบุคคลสำคัญของฮังการี ไม่ว่าจะเป็นอดีตกษัตริย์ นักปราชญ์ และบุคคลในประวัติศาสตร์ของฮังการี ซึ่งในช่วงที่มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น ฮังการียังคงอยู่ภายใต้จักรวรรดิออสเตรีย ดังนั้นรูปหล่อบางรูปในขณะนั้น จึงเป็นบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กแห่งออสเตรีย แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก การบูรณะหลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนรูปหล่อของบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กทั้งหมดให้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ฮังการี สอดคล้องกับสภาพการเมืองในขณะนั้นที่จักรวรรดิออสเตรียล่มสลายลง และฮังการีได้แยกตัวออกมาเป็นประเทศเอกราช
และบริเวณฮีโร่สแควร์ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ Museum of Fine Arts พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก็บรวบรวมผลงานของศิลปินชื่อดังไว้มากมายกว่า 120,000 ชิ้น มีArt Gallery แสดงผลงานทางศิลปะในยุคใหม่ มีปราสาท Vajdahunyad Castle สวนสัตว์ สวนสาธารณะ และ Szechenyi Medicinal bath โรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่กว่าร้อยปีซึ่งยังเปิดให้บริการ ซึ่งประเทศฮังการีนั้นมีชื่อเสียงเรื่องสปาและน้ำพุร้อนอยู่แล้ว
จากนั้นข้ามมาที่ฝั่งบูดา ขึ้นมาบน Buda’s Castle Hill ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณเก่าแก่อันทรงคุณค่ามากมายให้มาเที่ยวชมกัน อย่างโบสถ์แมทเทียส (Matthias Church) เป็นโบสถ์ใหญ่เก่าแก่อายุ 700 ปี ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โบถส์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์แมทเทียส กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮังการี เมื่ออดีตโบสถ์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีเถลิงราชสมบัติของกษัตริย์แห่งฮังการี แต่ในช่วงที่ฮังการีถูกรุกรานจากกองทัพเติร์ก สมบัติส่วนใหญ่ถูกขนออกไป และถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นมัสยิสหลักของเมืองภายใต้การปกครองของตุรกีในปี ค.ศ.1541 และในช่วงสงครามขับไล่กองทัพเติร์ก โบสถ์แมนเทียสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก กระทั่งเมื่อสงครามสงบลงจึงมีการบูรณะโบสถ์แมทเทียสให้กลับมายิ่งใหญ่และงดงามดังเดิม มีหลังคาสลับสีอันสวยงามตามสไตล์นีโอ-โกธิค ส่วนด้านโบสถ์ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสี และกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาที่งดงามเกินคำบรรยาย
ถัดจากโบสถ์แมทเทียส ยังมีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 ตั้งเด่นเป็นสง่าให้ได้ชมกันเป็นอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่หน้าป้อมชาวประมง (Fishermen’s Bastion) ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน สร้างขึ้นไว้เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกรานเมื่อปี 1241 - 1242 บนป้อมชาวประมงนี้ถือว่าเป็นจุดชมวิวรอบเมืองบูดาที่สวยที่สุด สามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้แบบพาโนรามา มองเห็นสะพานเชน และอาคารรัฐสภาฮังการีริมแม่น้ำดานูบที่งดงามตรึงตา ประทับใจกับการที่ได้มาเยือน “บูดาเปสต์” นครหลวงอันงดงามแห่งสาธารณรัฐฮังการี
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“สาธารณรัฐฮังการี” (Republic of Hungary) มีเมืองหลวงคือ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) ภาษาราชการที่ใช้คือฮังกาเรียน และภาษาธุรกิจที่ใช้คือ ภาษาฮังกาเรียน อังกฤษ และเยอรมัน ฮังการีใช้สกุลเงิน ฟอรินท์ (Forint) 1 บาท ประมาณ 5.9 ฟอรินท์ ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศฮังการีต้องขอวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย