xs
xsm
sm
md
lg

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก โอกาสต่อการลงทุนในตลาดหุ้น...?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


   การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกที่เกิดขึ้นในเม็กซิโกนั้น เป็นสาเหตุที่   ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง เนื่องจากความหวั่นวิตกของนักลงทุนว่าจะเกิดโรคระบาดที่ลุกลามไปทั่วโลก   หลังจากมีรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ในเม็กซิโกไปแล้ว 160 คน ไวรัสดังกล่าวจึงกลายเป็นประเด็นปัญหาที่รุนแรงอยู่ในขณะนี้ จากการที่มีการพบผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงว่าทั่วโลกยังไม่สามารถควบคุมไวรัสนี้ได้

 รัฐบาลทั่วโลกต่างตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือการแจ้งข้อมูลให้ประชาชนรับทราบถึงมหันตภัยจากเชื้อไวรัส และการป้องกันตัวในเบื้องต้นที่เหมาะสม

 แต่สิ่งที่ประชาชนทำได้ในสถานการณ์นี้จะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล ซึ่งเป็นการยากที่จะระบุได้ว่าวิธีการใดเหมาะสมที่สุด  ในขณะที่ตัวแทนจากสหภาพยุโรปได้ออกคำเตือนว่าพลเมืองยุโรปควรงดเว้นการเดินทางไปเม็กซิโก หากไม่มีความจำเป็น  โดยเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่า มีรายงานการพบผู้ป่วยต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสนี้แล้วในสเปนและสหราชอาณาจักร

 แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป  หรือจะให้จำกัดการเดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรป อาจมีบางคนเห็นว่าการเตรียมการที่มีอยู่ยังไม่จริงจังนัก เนื่องจากการเกาะติดสถานการณ์รายงานการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และภาพที่ปรากฏทางสื่อโทรทัศน์สามารถสร้างพลังกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมตอบสนองของผู้คนที่มากเกินจำเป็น  โดยไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้   ในส่วนขององค์กรธุรกิจ ที่ดูจะไม่เพิกเฉยต่อสถานการณ์นี้ คงจะต้องมีการงดการเดินทางที่ไม่จำเป็นด้วยเช่นกัน และอีกไม่นานคงจะไม่มีใครต้องการที่จะเดินทางออกนอกประเทศ อีกทั้งการรับรู้ในด้านลบได้กลายเป็นความจริง คล้ายกับว่าเรารู้สึกกลัวมากๆจนทำให้สิ่งที่เรากลัวนั้นเกิดขึ้นจริง
 ดังนั้นเมื่อนำทุกอย่างมาเชื่อมโยงกัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจการเดินทางและท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักในตลาดหุ้นเ และราคาหุ้นอาจจะลดลงต่อไปอีกหลายวัน เนื่องจากข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์ยังคงติดตามการระบาดของไวรัสสายพันธ์นี้อย่างไม่ลดละ  และอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบถัดไปก็ได้แก่ธุรกิจจัดหาสินค้า  กล่าวได้ว่าสถานการณ์นี้อาจจะเป็นมรสุมลูกใหม่ที่จะเข้ามาซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันที่รุนแรงอย่างที่สุดนับตั้งแต่ปี 2488 ให้ทรุดหนักลงไปอีก โลกจะรับมืออย่างไรหากนักลงทุนไม่อาจรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้อีกแล้ว นี่คงเป็นสิ่งที่ทุกคนกำลังหวั่นเกรง 
  จากตัวเลขรายได้ของภาคธุรกิจที่อ่อนตัวอยู่แล้วในไตรมาสแรก ซึ่งตลาดรับรู้ว่าเกิดขึ้นกับแทบทุกบริษัท ก็ทำให้นักลงทุนหยุดพักการลงทุนไปแล้ว ตลาดหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นบ้างเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนจะเป็นผลจากหุ้นกลุ่มการเงินที่ได้รับการแก้ไขสถานการณ์ให้ (ค่อนข้าง) ดีขึ้นเท่านั้น  แต่ในสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงยังคงยากลำบากอยู่มาก 
 อเบอร์ดีนคิดว่าการที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้อาจจะเป็นการดีดตัวขึ้นเล็กน้อยของมูลค่าตลาด แม้ว่าจะยังไม่เกิดสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกก็ตาม ปัจจุบันเมื่อต้องเผชิญกับประเด็นด้านโรคภัยที่รุนแรงซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกเช่นนี้แล้ว การมองสถานการณ์ภายหน้าคงต้องกลับไปคาดเดาถึงสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นต่อไป และเป็นที่น่าแปลกว่าการที่ตลาดหุ้นตอบสนองต่อผลกระทบของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกอย่างมากเกินกว่าปกตินั้น กลับทำให้เกิดโอกาสในการซื้อหุ้นของบริษัทคุณภาพดีได้ในราคาที่ถูกลงกว่าปกติ เมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าจากความเสี่ยงที่มีอยู่เดิม

อย่าลืมว่าตลาดหุ้นไม่ชอบกับความไม่แน่นอน และคงไม่มีสิ่งใดที่มีความไม่แน่นอนสูงยิ่งกว่าภัยคุกคามจากโรคระบาด  เมื่อย้อนกลับไปดูโรคซาร์สที่ระบาดในเอเชียเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้กิจกรรมด้านเศรษฐกิจได้รับผลกระทบหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้การฟื้นตัวของตลาดหุ้นที่ทรุดลงจากการตกต่ำของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีพลอยล่าช้าออกไปด้วย  อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทชั้นนำต่างๆ เช่น สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ในที่สุดก็ฟื้นตัวขึ้น โดยอเบอร์ดีนมั่นใจเข้าซื้อหุ้นนี้ในขณะที่ราคาปรับตัวลงมาต่ำสุด เนื่องจากแผนธุรกิจของบริษัทนี้ยังคงน่าเชื่อถือ บริษัทมีกระแสเงินสด และทรัพยากรอื่นๆที่เอื้อต่อการนำพาธุรกิจให้รอดพ้นจากพิษเศรษฐกิจและสามารถเติบโตต่อไปได้

สรุปแล้วภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีข้อมูลไม่ชัดเจนมากพอ เราจะต้องเปิดใจกว้างและรักษาจุดยืนในมุมมองการลงทุนระยะยาวของอเบอร์ดีนต่อไป

 นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด  กล่าวว่า สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดหนูในครั้งนี้ คือ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มขนส่งทางอากาศ และ กลุ่มพาณิชย์ โดยอย่างธุรกิจท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบ จากการที่นักท่องเที่ยวยังไม่แน่ใจในความปลอดภัย และขอบข่ายของการติดเชื้อ จึงไม่กล้าที่จะเดินทางหรือไม่กล้าที่จะนั่งเครื่องบินเพราะจะเป็นการจำกัดพื้นที่นานเกินไป
 
 ทั้งนี้ การระบาดของไข้หวัดหมูในครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลของหลายประเทศทั่วโลกได้มีมาตรการต่างๆออกมาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และป้องกันการระบาดของไข้หวัดหมูในครั้งนี้ด้วยได้ทันถ่วงที่ โดยการติดตั้งอุปกรณ์การป้องกันต่างๆป้องกันการเข้าออกของนักท่องเที่ยว และมีการกักบริเวณนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะติดเชื้อไข้หวัดหมู
อย่างไรก็ตาม การระบาดของไข้หวัดหมูในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนเป็นวงกว้าง แต่ทำให้การลงทุนได้รับผลกระทบเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่สำหรับการลงทุนในประเทศไทยนั้นค่อนข้างที่จะได้รับผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากว่าไม่ได้เข้าข่ายประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคแต่อย่างใด

 สำหรับ การระบาดของไข้หวัดหมูในทำให้กองทุนของบลจ. อเบอร์ดีนที่เข้าไปลงทุนในประเทศเม็กซิโกนั้นได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพียงระดับหนึ่งเท่านั้นเนื่องจากว่ากองทุนเปิด Aberdeen Global -Emerging Markets Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนแม่ของกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์ โดยกองทุนได้มีสัดส่วนการลงทุนในประเทศต่างๆดังนี้ Brazil 15.2%China/Hong Kong 15.2%India 11.8%Mexico 8.9%South Korea 6.6%Taiwan 4.8%South Africa 4.7Turkey 4.5%Thailand 4.4%Israel 3.6%Hungary 2.9%Malaysia 2.9%Indonesia 2.6%Russia 2.6%Philippines 2.2%Italy 1.9%Chile 1.9%Sri Lanka 0.4%Cash 2.9%

 โดยกองทุนมี10 อันดับบริษัทและสัดส่วนการลงทุนที่ได้เข้าไปลงทุนดังนี้ อันดับ1 China Mobile China/Hong Kong 4.1%อันดับ2Samsung Electronics (Pref) South Korea 3.9%อันดับVALE Brazil 3.4%อันดับ4TSMC Taiwan 3.4%อันดับ5 Petroleo Brasileiro (Pref) ADR Brazil 3.3%อันดับ6Akbank Turkey 3.2%อันดับ7Banco Bradesco (Pref) ADR Brazil 3.2%อันดับ8 FEMSA ADR Mexico 3.0%อันดับ9PetroChina China/Hong Kong 2.9%และอันดับ10Hang Lung Group China/Hong Kong 2.9% รวมทั้งสิ้น 33.3%

 ทั้งนี้สัดส่วนการลงทุนในเม็กซิโกนั้นพบว่ามีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของกองทุน โดยเมื่อประมาณช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นในเม็กซิโกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้จากการระบาดของไข้หวัดหมูจึงทำให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงมาอีกครั้ง ทำให้บริษัทมองถึงโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาวและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้

 ขณะเดียวกัน เปิด อเบอร์ดีน โกบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์ ไม่ได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนแต่อย่างใด ยังคงพอร์ตการลงทุนเดิมอยู่ แต่อาจจะมีการซื้อหุ้นที่บริษัทมองว่าดี มีอนาคตเข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อเกิดการระบาดของไข้หวัดหมูในครั้งนี้ทำให้ราคาหุ้นบางตัวปรับตัวลดลง แต่ขณะเดียวกันได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มของซุปเปอร์มาร์เกตปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นการเลือกลงทุนที่ดีนั้น จะต้องเน้นการเลือกลงทุนในหุ้นเป็นรายตัวไปเพื่อทำสร้างโอกาสในการทำกำไร
กำลังโหลดความคิดเห็น