โดย:จุชดานิน
หลังจากครั้งก่อนฉันอำลาในบรรทัดสุดท้าย ไปด้วยการทิ้งท้ายปริศนาเล็กๆว่า ฉันกำลังจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ "เกาะเชจู" เป็นสถานที่ซึ่งชายหนุ่มร่วมทริปของฉันดูจะดีใจเป็นนักหนาและตั้งหน้าตั้งตาคอยที่จะไปที่นั่น
ในครั้งนี้ฉันเลยไม่อยากอรัมภบทอะไรให้มากความ นอกจากขอพาผู้อ่านทุกท่าน ร่วมเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะเชจูไปพร้อมกัน แหล่งท่องเที่ยวที่ฉันกล่าวถึงนี้ เป็นสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกทีเดียว อาจเพราะความแปลกใหม่ของมัน ที่เป็นจุดขายแก่บรรดานักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
ที่ที่ฉันจะพาไปเพลินตาเพลินใจกันนั่น คือ "เชจู เลิฟ แลนด์" (jeju Love Land) เชจู เลิฟ แลนด์ เปรียบเสมือนเป็นดินแดนอิโรติก แห่งการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาของคนเกาหลีก็ว่าได้ เพราะที่นี่คือขุมคลังของสวนสาธารณะที่เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์โดยเฉพาะ
เริ่มเปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่ปีค.ศ.2004 มีงานศิลปะแบบอิโรติกประเภทรูปปั้นจัดแสดงกว่า 140 ชิ้น เป็นการแสดงถึงตัวแทนของความเป็นมนุษย์ที่แสดงออกในเรื่องเพศ
แบ่งเป็นสองส่วน คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งและในร่ม ส่วนแรกที่เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งนั้น มีการจัดแสดงประติมากรรมเป็นรูปท่วงท่าลีลาการร่วมเพศของมนุษย์ มีการระบุชื่อของท่ารวมไปถึงชื่อของบุคคลที่เอามาเป็นต้นแบบด้วย
เซ็กส์แบบปกติ เซ็กส์ของซุปเปอร์แมน เซ็กส์ของคนอ้วน แม้แต่ห้องน้ำ อ่างล้างมือ เก้าอี้ หรือป้ายบอกทางก็ยังสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากฉันได้ เพราะล้วนนำอวัยวะสำคัญอันเป็นจุดดึงดูดของทั้งสองเพศ งัดออกมาโชว์อย่างไม่อายกันเลยทีเดียว
ส่วนที่สองที่เป็นพิพิธภัณฑ์ในร่มนั้น จัดแสดงเกี่ยวกับความรู้เรื่องเพศศึกษา และเครื่องมือตัวช่วยกระตุ้นต่อมเซ็กส์ มีให้ดูตั้งแต่กล้วย มะเขือยาว ยันน้องนางตุ๊กตายางหุ่นอวบอิ่ม ตลอดจนมุมเซ็กส์ช้อป ที่มีไว้ขายสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจ
พิพิธภัณฑ์ในร่มมีทั้งหมดสองชั้นด้วยกัน เมื่อขึ้นมาบนชั้นสองจะได้เห็นการจำลองเรื่องราวทางเพศของชาวเกาหลีผ่านตัวโมเดลจิ๋ว นอกจากนี้ยังมีส่วนที่จัดแสดงภาพถ่ายนู้ดของนางแบบเกาหลีและแกลอรี่อีกด้วย
เดินอมยิ้มกันไปพลาง ขำกันจนปวดท้องก็มี สำหรับฉันมันเป็นงานศิลปะที่ทำให้ทั้งอึ้ง ทึ่ง เสียวไปพร้อมๆกัน พยายามจะถามถึงเหตุผลที่เขาสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมาอยู่เช่นกัน ไกด์ชาวเกาหลีบอกว่าเป็นเพราะเวลาเด็กถามว่าพวกเขาเกิดมาจากไหน ผู้ใหญ่ชาวเกาหลีมักไม่ค่อยตอบอาจด้วยเพราะขนบประเพณีแบบเอเชียที่ยังเรื่องเพศยังต้องเป็นเรื่องอันปดปิดอยู่ดังนั้นเพื่อสอนให้เด็กๆเข้าใจได้ง่ายขึ้นก็เลยเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เสียเลย
เดินอยู่เพลินในที่สุดก็เย็นย่ำ ฉันได้ดูพระอาทิตย์ตกที่ทอดตัวต่ำแทรกหายไปหลังรูปปั้นเซ็กส์ แล้วก็ได้รับสัญญาณจากไกด์ของเราว่า หมดเวลาที่จะเตร็ดเตร่อยู่ที่นี้แล้ว เพราะเราต้องรีบไปกินข้าวดับความหิวให้กระเพาะอย่างด่วน
ก่อนที่หลังมื้อค่ำฉันและคณะยังมีนัดสำคัญกับโชว์การแสดงอันเลื่องชื่อของเกาะเชจู คือ "โชว์นันทา" (Nanta Show) สำหรับความหมายของคำว่า นันทา แปลว่า "ครัวกระจุย เคาะ ตี หั่น สับ" เป็นรูปแบบของการแสดงสดแบบ NON-VERBAL PERFORMANCE ใช้กิริยาท่าทางในการแสดงเป็นหลัก ไม่ต้องเข้าใจภาษพูดก็สามารถดูรู้เรื่อง เป็นการแสดงที่จัดขึ้นเพื่อชาวเอเชีย โดยได้รับการส่งเสริมจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี
โชว์นันทา มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นการแสดง กึ่งละคร กึ่งดนตรี ประเภทเครื่องเคาะ ที่ดัดแปลงจากการแสดงดนตรีพื้นเมืองประเภทเครื่องเคาะของเกาหลี มาสร้างเสียงจังหวะผสมผสานกับการแสดงในรูปแบบตะวันตก มีการนำเครื่องครัวหลายอย่างที่เกิดเสียงมาเคาะจังหวะกัน สร้างความสนุกสนาน น่าทึ่ง และสร้างอารมณ์ขบขัน
เนื้อเรื่องของโชว์นันทาเป็นการนำ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครัวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่บรรดาเชฟ ต้องทำอาหารจำนวนมากสำหรับงานแต่งงานในค่ำคืนที่จะมาถึง และการมาของเชฟมือใหม่ที่ดันมาเขม่นกับเชฟรุ่นพี่ เรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้นในครัวนี้ คือ ที่มาของโชว์นันทา
นักแสดงแต่ละคนท่วงท่าแข็งแรง ทั้งร้องทั้งเต้น ร่วมสองชั่วโมง มีการสอดแทรกมุขตลกตลอดการแสดง มีการเชิญคนดูให้ขึ้นไปร่วมเป็นแขกพิเศษบนเวทีอีกต่างหาก สองชั่วโมงกว่าฉันสนุกกับการชมโชว์นันทาชนิดตาแทบไม่กระพริบ ใครที่ชอบหนุ่งเกาหลีหุ่นล่ำกับสาวเกาหลีพุงขาวสวยต้องไม่พลาดโชว์นี้ สำหรับฉันมันเป็นโชว์ที่คุ้มค่าจริงๆ
การดูโชว์นันทาถือเป็นค่ำคืนสุดท้ายบนเกาะเชจูของฉันและเมื่อมันได้ผ่านพ้นไป ช่วงเวลาที่ฉันต้องจากเกาะเชจูก็ได้มาถึง ในช่วงเช้าก่อนที่ฉันจะอำลาเกาะเชจู เพื่อเตรียมตัวนั่งเครื่องบินกลับไปยังกรุงโซลนั้น ได้มีโอกาสแวะล่ำลาสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเกาะเชจู ที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินเชจูมากนัก
สถานที่นี้เป็นศิลปะจากธรรมชาติ "โขดหินยงดูอัม" (YONGDUAM ROCK) เป็นโขดหินตั้งอยู่ที่ บริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของเชจู ซึ่งมีความพิเศษ คือ เป็นหินภูเขาไฟรูปทรงแปลกประหลาดคล้ายกับมังกรกำลังอ้าปาก
โขดหินยงดูอัม มีตำนานเล่าว่า ในขณะที่มังกรตัวนี้เหาะลงมาจากเขาฮัลลาซานเพื่อมุ่งหน้าลงไปสู่ท้องทะเล ได้ถูกสาบให้กลายเป็นหิน ในตอนที่จวนเจียนจะลงไปถึงทะเล แท้ที่จริงแล้วโขดหินนี้เกิดจาก ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ใช้คลื่นลมสลักเสลาขัดเกลาโขดหินจนเป็นรูปมังกร ตั้งตระหง่านท้าทายกระแสคลื่นอยู่จนทุกวันนี้
อยู่ที่เกาะเชจูมาตลอดสามวันไม่มีวันไหนเลยที่ลมไม่แรง ยิ่งมายืนอยู่ริมทะเลดูโขดหินยงดูอัมด้วยแล้ว ทั้งลมบก ลมทะเล กระพือแรงพอกัน ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร ฉันสังเกตเห็นหนุ่มสาวชาวเกาหลีมักนิยมถ่ายรูปคู่กับโขดหินยงดูอัมมากเป็นพิเศษ ยืนมองมังกรอ้าปากอยู่นาน ก็ได้เวลาจากเกาะเชจูแล้วจริงๆ ฉันจึงถือโอกาสนี้อำลาทั้งโขดหินยงดูอัมและเกาะเชจูไปเสียพร้อมๆกันด้วยคำว่า "โต มันนับ ชิ ดะ" แปลเป็นไทยว่า แล้วพบกันใหม่นะ "เกาะเชจู"
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เชจูโด หรือเกาะเชจู ซึ่งอยู่ทางใต้ของโซลเป็นหนึ่งในจังหวัดทั้งเก้าประเทศเกาหลี หากคุณเดินทางโดยเครื่องบินจากโซลจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งยังมีเที่ยวบินตรงจากโตเกียว โอซากา นาโงย่า ฟูกูโอกะ เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง มายัง เชจู อีกด้วยหรือคุณจะเดินทางมาจาก พูซาน วานโด อินชน ยอซู หรือ มกโพ โดยเรือเฟอร์รี่ก็ได้
เกาหลีใช้สกุลเงินที่เรียกว่า "วอน" หรือ "won" มีอัตราแลกเปลี่ยน 1,000 วอน ประมาณ 40 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) เวลาที่เกาหลีเร็วกว่าเมืองไทยประมาณ 2 ชั่วโมง การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเกาหลี มีหลายสายการบินให้เลือก อาทิ สายการบินเอเชียน่า แอร์ไลน์, โคเรียนแอร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (อสท. เกาหลี) โทร.0-2354-2080-2 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.kto.or.th
หลังจากครั้งก่อนฉันอำลาในบรรทัดสุดท้าย ไปด้วยการทิ้งท้ายปริศนาเล็กๆว่า ฉันกำลังจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ "เกาะเชจู" เป็นสถานที่ซึ่งชายหนุ่มร่วมทริปของฉันดูจะดีใจเป็นนักหนาและตั้งหน้าตั้งตาคอยที่จะไปที่นั่น
ในครั้งนี้ฉันเลยไม่อยากอรัมภบทอะไรให้มากความ นอกจากขอพาผู้อ่านทุกท่าน ร่วมเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะเชจูไปพร้อมกัน แหล่งท่องเที่ยวที่ฉันกล่าวถึงนี้ เป็นสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกทีเดียว อาจเพราะความแปลกใหม่ของมัน ที่เป็นจุดขายแก่บรรดานักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
ที่ที่ฉันจะพาไปเพลินตาเพลินใจกันนั่น คือ "เชจู เลิฟ แลนด์" (jeju Love Land) เชจู เลิฟ แลนด์ เปรียบเสมือนเป็นดินแดนอิโรติก แห่งการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาของคนเกาหลีก็ว่าได้ เพราะที่นี่คือขุมคลังของสวนสาธารณะที่เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์โดยเฉพาะ
เริ่มเปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่ปีค.ศ.2004 มีงานศิลปะแบบอิโรติกประเภทรูปปั้นจัดแสดงกว่า 140 ชิ้น เป็นการแสดงถึงตัวแทนของความเป็นมนุษย์ที่แสดงออกในเรื่องเพศ
แบ่งเป็นสองส่วน คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งและในร่ม ส่วนแรกที่เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งนั้น มีการจัดแสดงประติมากรรมเป็นรูปท่วงท่าลีลาการร่วมเพศของมนุษย์ มีการระบุชื่อของท่ารวมไปถึงชื่อของบุคคลที่เอามาเป็นต้นแบบด้วย
เซ็กส์แบบปกติ เซ็กส์ของซุปเปอร์แมน เซ็กส์ของคนอ้วน แม้แต่ห้องน้ำ อ่างล้างมือ เก้าอี้ หรือป้ายบอกทางก็ยังสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากฉันได้ เพราะล้วนนำอวัยวะสำคัญอันเป็นจุดดึงดูดของทั้งสองเพศ งัดออกมาโชว์อย่างไม่อายกันเลยทีเดียว
ส่วนที่สองที่เป็นพิพิธภัณฑ์ในร่มนั้น จัดแสดงเกี่ยวกับความรู้เรื่องเพศศึกษา และเครื่องมือตัวช่วยกระตุ้นต่อมเซ็กส์ มีให้ดูตั้งแต่กล้วย มะเขือยาว ยันน้องนางตุ๊กตายางหุ่นอวบอิ่ม ตลอดจนมุมเซ็กส์ช้อป ที่มีไว้ขายสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจ
พิพิธภัณฑ์ในร่มมีทั้งหมดสองชั้นด้วยกัน เมื่อขึ้นมาบนชั้นสองจะได้เห็นการจำลองเรื่องราวทางเพศของชาวเกาหลีผ่านตัวโมเดลจิ๋ว นอกจากนี้ยังมีส่วนที่จัดแสดงภาพถ่ายนู้ดของนางแบบเกาหลีและแกลอรี่อีกด้วย
เดินอมยิ้มกันไปพลาง ขำกันจนปวดท้องก็มี สำหรับฉันมันเป็นงานศิลปะที่ทำให้ทั้งอึ้ง ทึ่ง เสียวไปพร้อมๆกัน พยายามจะถามถึงเหตุผลที่เขาสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมาอยู่เช่นกัน ไกด์ชาวเกาหลีบอกว่าเป็นเพราะเวลาเด็กถามว่าพวกเขาเกิดมาจากไหน ผู้ใหญ่ชาวเกาหลีมักไม่ค่อยตอบอาจด้วยเพราะขนบประเพณีแบบเอเชียที่ยังเรื่องเพศยังต้องเป็นเรื่องอันปดปิดอยู่ดังนั้นเพื่อสอนให้เด็กๆเข้าใจได้ง่ายขึ้นก็เลยเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เสียเลย
เดินอยู่เพลินในที่สุดก็เย็นย่ำ ฉันได้ดูพระอาทิตย์ตกที่ทอดตัวต่ำแทรกหายไปหลังรูปปั้นเซ็กส์ แล้วก็ได้รับสัญญาณจากไกด์ของเราว่า หมดเวลาที่จะเตร็ดเตร่อยู่ที่นี้แล้ว เพราะเราต้องรีบไปกินข้าวดับความหิวให้กระเพาะอย่างด่วน
ก่อนที่หลังมื้อค่ำฉันและคณะยังมีนัดสำคัญกับโชว์การแสดงอันเลื่องชื่อของเกาะเชจู คือ "โชว์นันทา" (Nanta Show) สำหรับความหมายของคำว่า นันทา แปลว่า "ครัวกระจุย เคาะ ตี หั่น สับ" เป็นรูปแบบของการแสดงสดแบบ NON-VERBAL PERFORMANCE ใช้กิริยาท่าทางในการแสดงเป็นหลัก ไม่ต้องเข้าใจภาษพูดก็สามารถดูรู้เรื่อง เป็นการแสดงที่จัดขึ้นเพื่อชาวเอเชีย โดยได้รับการส่งเสริมจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี
โชว์นันทา มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นการแสดง กึ่งละคร กึ่งดนตรี ประเภทเครื่องเคาะ ที่ดัดแปลงจากการแสดงดนตรีพื้นเมืองประเภทเครื่องเคาะของเกาหลี มาสร้างเสียงจังหวะผสมผสานกับการแสดงในรูปแบบตะวันตก มีการนำเครื่องครัวหลายอย่างที่เกิดเสียงมาเคาะจังหวะกัน สร้างความสนุกสนาน น่าทึ่ง และสร้างอารมณ์ขบขัน
เนื้อเรื่องของโชว์นันทาเป็นการนำ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครัวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่บรรดาเชฟ ต้องทำอาหารจำนวนมากสำหรับงานแต่งงานในค่ำคืนที่จะมาถึง และการมาของเชฟมือใหม่ที่ดันมาเขม่นกับเชฟรุ่นพี่ เรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้นในครัวนี้ คือ ที่มาของโชว์นันทา
นักแสดงแต่ละคนท่วงท่าแข็งแรง ทั้งร้องทั้งเต้น ร่วมสองชั่วโมง มีการสอดแทรกมุขตลกตลอดการแสดง มีการเชิญคนดูให้ขึ้นไปร่วมเป็นแขกพิเศษบนเวทีอีกต่างหาก สองชั่วโมงกว่าฉันสนุกกับการชมโชว์นันทาชนิดตาแทบไม่กระพริบ ใครที่ชอบหนุ่งเกาหลีหุ่นล่ำกับสาวเกาหลีพุงขาวสวยต้องไม่พลาดโชว์นี้ สำหรับฉันมันเป็นโชว์ที่คุ้มค่าจริงๆ
การดูโชว์นันทาถือเป็นค่ำคืนสุดท้ายบนเกาะเชจูของฉันและเมื่อมันได้ผ่านพ้นไป ช่วงเวลาที่ฉันต้องจากเกาะเชจูก็ได้มาถึง ในช่วงเช้าก่อนที่ฉันจะอำลาเกาะเชจู เพื่อเตรียมตัวนั่งเครื่องบินกลับไปยังกรุงโซลนั้น ได้มีโอกาสแวะล่ำลาสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเกาะเชจู ที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินเชจูมากนัก
สถานที่นี้เป็นศิลปะจากธรรมชาติ "โขดหินยงดูอัม" (YONGDUAM ROCK) เป็นโขดหินตั้งอยู่ที่ บริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของเชจู ซึ่งมีความพิเศษ คือ เป็นหินภูเขาไฟรูปทรงแปลกประหลาดคล้ายกับมังกรกำลังอ้าปาก
โขดหินยงดูอัม มีตำนานเล่าว่า ในขณะที่มังกรตัวนี้เหาะลงมาจากเขาฮัลลาซานเพื่อมุ่งหน้าลงไปสู่ท้องทะเล ได้ถูกสาบให้กลายเป็นหิน ในตอนที่จวนเจียนจะลงไปถึงทะเล แท้ที่จริงแล้วโขดหินนี้เกิดจาก ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ใช้คลื่นลมสลักเสลาขัดเกลาโขดหินจนเป็นรูปมังกร ตั้งตระหง่านท้าทายกระแสคลื่นอยู่จนทุกวันนี้
อยู่ที่เกาะเชจูมาตลอดสามวันไม่มีวันไหนเลยที่ลมไม่แรง ยิ่งมายืนอยู่ริมทะเลดูโขดหินยงดูอัมด้วยแล้ว ทั้งลมบก ลมทะเล กระพือแรงพอกัน ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร ฉันสังเกตเห็นหนุ่มสาวชาวเกาหลีมักนิยมถ่ายรูปคู่กับโขดหินยงดูอัมมากเป็นพิเศษ ยืนมองมังกรอ้าปากอยู่นาน ก็ได้เวลาจากเกาะเชจูแล้วจริงๆ ฉันจึงถือโอกาสนี้อำลาทั้งโขดหินยงดูอัมและเกาะเชจูไปเสียพร้อมๆกันด้วยคำว่า "โต มันนับ ชิ ดะ" แปลเป็นไทยว่า แล้วพบกันใหม่นะ "เกาะเชจู"
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เชจูโด หรือเกาะเชจู ซึ่งอยู่ทางใต้ของโซลเป็นหนึ่งในจังหวัดทั้งเก้าประเทศเกาหลี หากคุณเดินทางโดยเครื่องบินจากโซลจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งยังมีเที่ยวบินตรงจากโตเกียว โอซากา นาโงย่า ฟูกูโอกะ เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง มายัง เชจู อีกด้วยหรือคุณจะเดินทางมาจาก พูซาน วานโด อินชน ยอซู หรือ มกโพ โดยเรือเฟอร์รี่ก็ได้
เกาหลีใช้สกุลเงินที่เรียกว่า "วอน" หรือ "won" มีอัตราแลกเปลี่ยน 1,000 วอน ประมาณ 40 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) เวลาที่เกาหลีเร็วกว่าเมืองไทยประมาณ 2 ชั่วโมง การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเกาหลี มีหลายสายการบินให้เลือก อาทิ สายการบินเอเชียน่า แอร์ไลน์, โคเรียนแอร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (อสท. เกาหลี) โทร.0-2354-2080-2 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.kto.or.th