xs
xsm
sm
md
lg

ชมวิว 2 สไตล์ ในกรุงเทพมุมสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ภูเขาทองสูงโดดเด่นกลางกรุงเทพฯ
หน้าหนาวอย่างนี้คนอื่นเขาเตรียมวางแผนไปขึ้นเขาขึ้นดอยกันชมทะเลหมอกกัน ส่วนฉันผู้ซึ่งยังคงเฝ้ากรุงเทพฯไม่ไปไหนก็ออกจะอิจฉานิดๆริษยาหน่อยๆ แต่เพื่อไม่ให้น้อยหน้าคนอื่นที่เขาไปเที่ยวกันมา จะให้ฉันอุดอู้อยู่บ้านก็กระไรอยู่ เพราะแม้กรุงเทพฯจะไม่มีดอยให้ปีน แต่ก็ยังมีที่สูงๆ ให้ขึ้นไปยืนชมพระอาทิตย์ ชมวิวทิวทัศน์สัมผัสลมหนาวได้สวยงามไม่แพ้ที่ไหนในประเทศ

สถานที่แรกที่จะไปชมวิวกรุงเทพฯกันก็คือที่ "ภูเขาทอง" ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ใกล้กับสะพานผ่านฟ้า ตัววัดสระเกศนั้นสร้างขึ้นตั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ภูเขาทอง หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "บรมบรรพต" ซึ่งเป็นเจดีย์สีทองอยู่บนภูเขาจำลองนั้น ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
เดินออกกำลังขึ้นบันไดมาบนยอดภูเขาทอง
เหตุที่พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาสร้างเจดีย์ภูเขาทองขึ้นก็เนื่องจากทรงมีพระราชประสงค์จะสร้างเจดีย์ให้เหมือนกับวัดภูเขาทองในแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาแต่ครั้งก่อนซึ่งตั้งอยู่ติดคลอง และชาวเมืองในสมัยนั้นก็จะมาเล่นเพลงเรือเพลงสักวากัน และเพื่อจะได้ขึ้นไปนมัสการพระเจดีย์ด้วย พระองค์ทรงเห็นว่าวัดสระเกศมีพื้นที่คล้ายกับวัดภูเขาทอง คือมีคลองล้อมรอบ จึงโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) เมื่อครั้งยังเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาเป็นแม่กอง และพระราชทานนามตั้งแต่เริ่มสร้างว่า "ภูเขาทอง"

แต่การสร้างในรัชสมัยพระองค์ไม่ทันแล้วเสร็จ เพราะที่ตั้งอยู่ใกล้คลอง จึงทำให้ดินทรุดตัว เป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการสร้าง-ซ่อมต่อมาอีกหลายปีในรัชกาลที่ 4 และ 5 และได้มีการเปลี่ยนชื่อภูเขาทองมาเป็น "บรมบรรพต" ในสมัยรัชกาลที่ 4 อีกด้วย
มุมมองเกาะรัตนโกสินทร์จากภูเขาทอง
ความใหญ่โตของภูเขาทองนั้น มีความยาวรอบฐาน 8 เส้น 5 วา หรือ 230 เมตร และมีความสูง 1 เส้น 19 วา 2 ศอก หรือ 79 เมตร ถือเป็นความสง่างามอีกอย่างหนึ่งของเมืองกรุง ที่เมื่อมองขึ้นไปเมื่อไรก็จะได้เห็นเจดีย์สีทองอร่ามเป็นสง่าอยู่คู่กรุงเทพฯเสมอ ภูเขาทองจึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนไปเยี่ยมชมไม่เคยขาด

หลังจากที่เดินไต่บันไดวนรอบภูเขาทองจนหอบแฮ่กๆ ขึ้นมาแล้ว ก็ต้องไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุกันเสียก่อนเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนที่จะขึ้นไปยังลานเจดีย์ด้านบนสุดของภูเขาทองเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ในมุมสูง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดชมมุมสูงบนภูเขาทอง
มุมมองจากบนยอดภูเขาทองนี้จะทำให้เราได้เห็นกรุงเทพฯในเขตเมืองเก่า หรือในเขตเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องของผู้คนที่อยู่อาศัยกันในบริเวณนี้ แต่ก็ไม่มีตึกสูงๆ มากนักจึงทำให้สามารถชมวิวไปได้ไกล ทิวทัศน์ในบริเวณใกล้ๆ มองเห็นพระอุโบสถของวัดสระเกศฯที่กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะ เห็นวัดเทพธิดารามฯ และวัดราชนัดดารามฯรวมไปถึงยอดโลหะปราสาทได้ชัดเจน ไกลออกไปอีกหน่อยเห็นพระอุโบสถและพระวิหารของวัดสุทัศน์ และยอดเสาชิงช้าสีแดงโดดเด่นอีกด้วย

ส่วนที่อยู่ไกลๆ แต่ยังคงมองเห็นความงดงามได้อย่างชัดเจนก็คือพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว เห็นยอดเจดีย์แหลมๆ จากวัดโพธิ์ ยังมองข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯ และอุโบสถหลังใหญ่ของวัดกัลยาณมิตรด้วยอีกต่างหาก

หันมามองอีกด้านหนึ่งเห็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และสะพานพระราม 8 ส่วนอีกด้านก็เห็นผู้คนกำลังกำลังสาละวนกับการขึ้นลงเรืออยู่ในคลองแสนแสบ มองไปมองมาก็เพลินดีเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตเห็นก็คือ ในตึกรามบ้านช่องที่ดูค่อนข้างแออัดเหล่านี้ ก็ยังถูกแทรกไปด้วยหลังคากระเบื้องสีส้มๆ มีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ ซึ่งก็คือวัดนั่นเอง ถือว่าได้ชมวิวของบ้านเรือนและวัดวาอารามซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโบราณสถานสำคัญของกรุงเทพฯทั้งสิ้น
ทางด่วนคดโค้งมองจากตึกใบหยก 2
แต่หากใครอยากจะชมบรรยากาศกรุงเทพฯมุมสูงแบบในเมื้อง...ในเมือง เต็มไปด้วยตึกสูงย่านธุรกิจนั้น ก็คงต้องลงจากภูเขาทอง แล้วไปขึ้น "ตึกใบหยก 2" ในย่านประตูน้ำ สถานที่ชมวิวมุมสูงอีกแห่งหนึ่ง และไม่ใช่สูงธรรมดาๆ แต่เป็นความสูงแบบ "ที่สุดในประเทศ" อีกด้วย

ในเมื่อเป็นความสูงที่สุดในประเทศก็เลยต้องมีค่าใช้จ่ายกันนิดหน่อย โดยหากใครอยากขึ้นไปชมวิวบนตึกใบหยก 2 ก็ต้องซื้อบัตรในราคา 200 บาทที่ชั้นล่างสุดของตึก แล้วก็ขึ้นลิฟท์แก้วชมวิวแบบหวาดเสียวปนมึนหัวกันเล็กน้อยขึ้นมาที่ชั้น 77 ที่ชั้นนี้จะผนังทุกด้านจะเป็นกระจกใสให้เราชมวิวกรุงเทพฯได้รอบตัว อีกทั้งยังมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวตึกที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น เกี่ยวกับความสูงของตัวอาคารที่มีความสูง 309 เมตร เท่ากับคน 182 คนต่อตัวกันขึ้นไป มีบันไดตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นบนสุด 2,060 ขั้น หากคิดจะเดินขึ้นไปก็ต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ทั่วทั้งตึกมีหน้าต่างทั้งสิ้น 1,740 บาน หรือเท่ากับหน้าต่างตึกแถวรวมกันทั้งหมด 200 คูหา
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิยามค่ำคืนจากตึกใบหยก 2
ส่วนเสาเข็มซึ่งเป็นรากฐานของตึกก็เจาะลึกลงใต้ดินที่ความลึก 65 เมตร หรือเท่ากับตึกสูง 22 ชั้น! พื้นที่ใช้สอยภายในตัวอาคารคิดเป็น 179,400 ตร.ม. เท่ากับพื้นที่สนามฟุตบอลรวมทั้งสิ้น 30 สนาม!! น่าทึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วเขายังมีเสาเข็มตัวอย่างมาให้เราดูความแข็งแรงกันอีกด้วย โดยตึกนี้ใช้เสาเข็มทั้งหมด 306 ต้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต้นละ 1.50 เมตร สูง 65 เมตร รับน้ำหนักได้ต้นละ 1000 ตัน เป็นคอนกรีตแข็งด้วยแรงอัดขนาด 350 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร และใช้เวลาถึง 28 วันให้คอนกรีตแข็งตัว บอกรายละเอียดครบถ้วนคล้ายจะให้เราอุ่นใจในเรื่องความแข็งแรงของตัวตึกยังไงอย่างงั้น

และที่ชั้น 77 นี้ก็ยังมีมุมให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเล่นกันด้วย มีทั้งรถตุ๊กๆและรถสามล้อถีบของจริงให้คนขึ้นไปแอ็คท่าถ่ายรูป ดูแล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติจะชอบมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าใครอยากจะชมวิวมากกว่า ก็ขอเชิญขึ้นไปที่ชั้น 84 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้าของตึก ไม่ใช่ดาดฟ้าธรรมดา แต่เป็นดาดฟ้าหมุนได้รอบ 360 องศา แม้จะมีรั้วเหล็กกั้นไว้ แต่ก็ยังชมวิวได้ถนัดชัดเจน ถ้าใครขึ้นไปในช่วงนี้คงต้องใส่เสื้อหนาๆหน่อย เพราะลมจะพัดโกรกเย็นสบายจนเกือบหนาวเลยล่ะ
ชมวิวบนดาดฟ้าหมุนได้บนตึกใบหยก 2
เนื่องจากเป็นดาดฟ้าที่หมุนรอบตัวเอง ผู้ชมจึงไม่ต้องทำอะไรนอกจากยืนอยู่เฉยๆ และเพลิดเพลินไปกับวิวเบื้องหน้าที่หมุนผ่านสายตาไปเรื่อยๆ เนื่องจากที่ตั้งของตึกใบหยกนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจแห่งหนึ่ง วิวที่ได้เห็นจึงเต็มไปด้วยตึก ตึก ตึก แล้วก็ตึก ระหว่างตึกก็เป็นถนนตัดผ่านกันวุ่นวาย มองเห็นรถยนต์เบื้องล่างคันเล็กนิดเดียววิ่งกันขวักไขว่คล้ายมดเดินขบวน ส่วนทางด่วนที่ช่วยย่นระยะทางและระยะเวลาในการเดินทาง ดูจากด้านบนแล้วก็เป็นเส้นสายคดโค้งอ่อนช้อยดีเหมือนกัน

และด้วยความสูงของตึก ทำให้เรามองไปได้ไกลทั่วกรุงเทพฯเลยเชียวแหละ เห็นไปจนถึงวัดพระแก้วอยู่ไกลลิบๆ เห็นแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นวังสระปทุม เห็นบริเวณพระตำหนักจิตรลดา เห็นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เห็นไกลไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ (หากฟ้าเปิด) และไม่แน่ว่าอาจจะเห็นหลังคาบ้านตัวเองเสียด้วยซ้ำ (หากมองดีๆ)
ชมวิวแบบพาโนรามาบนตึกใบหยก 2
หากใครอยากจะมาชมวิวกรุงเทพฯบนตึกใบหยก 2 ฉันขอแนะนำให้มาช่วงบ่ายแก่ๆ แล้วอยู่ไปจนถึงตอนค่ำ เพราะกรุงเทพฯในยามกลางคืนก็ดูมีสีสันไปอีกแบบหนึ่ง สวยงามไม่แพ้ตอนกลางวัน ยิ่งถ้าช่วงพระอาทิตย์ตกดินยิ่งโรแมนติกอย่าบอกใครเลยเชียวแหละ

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

"ภูเขาทอง" ตั้งอยู่ในวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เปิดให้ขึ้นไปบนภูเขาทองได้ตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 สอบถามโทร.0-2223-4561

"ตึกใบหยก 2" ตั้งอยู่ที่ประตูน้ำ ถนนราชปรารภ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายในการขึ้นไปชมวิวด้านบน 200 บาท/คน เปิดให้ขึ้นไปชมได้ตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. สอบถามโทร.0-2656-3000, 0-2656-3456

กำลังโหลดความคิดเห็น