โดย : หมวยเกี๊ยะ
"ท่านผู้โดยสารคะ ขณะนี้เราได้พาท่านมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น แล้วค่ะ" เสียงใสๆ ของแอร์โฮสเตสประกาศแจ้งผู้โดยสารทุกคน
ฉันออกอาการตื่นเต้นเอาการ เพราะในที่สุดตลอดระยะของการเดินทางกว่า 4 ชม. จากสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ในที่สุดฉันก็มาถึงยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะมาเที่ยวตั้งแต่เด็ก เพราะว่าชื่นชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นเอามาก อย่างโดเรมอน อิคคิวซัง ชินจัง ฯลฯ รวมถึงชอบตัวการ์ตูนน่ารักๆ อย่างเฮลโหลคิตตี้เป็นที่สุด และพิสมัยอาหารญี่ปุ่นมากเช่นกัน
และนั่นก็เป็นเหตุผลส่วนตัวด้วยหลายประการทั้งปวงที่ทำให้ฉันอยากจะเดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้ได้ แล้วความฝันไม่ไม่ต้องฝันอีกต่อไป เพราะว่าฉันได้มายืนอยู่บนแผ่นดินแดนอาทิตย์อุทัยแล้ว ที่ "เมืองโอซาก้า" (Osaka) เมืองใหญ่รองจากโตเกียว ที่ได้รับรับสมญานามว่า เมืองแห่งสายธาร เพราะเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง หรือนครพันสะพาน เนื่องจากมีสะพานเกือบพันแห่ง เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านธุรกิจการค้าของญี่ปุ่น
สายลมหนาวเย็นยามเช้าของเมืองโอซาก้า พัดผ่านมากระทบร่างกายฉันขณะก้าวออกมาจากสนามบิน เสมือนจะเอ่ยทักทายแขกผู้มาเยือนด้วยไมตรีจิตร ฉันจึงเอ่ยทักทายกลับไปอยู่ในใจเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "โอฮาโยะ" (สวัสดีตอนเช้า) และพอปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศได้แล้ว ฉันก็ไม่รีรอขอตะลุยเที่ยวโอซาก้ากันทันที
ฉันนั่งรถออกจากสนามบินคันไซ ตรงมาเที่ยวที่ "ปราสาทโอซาก้า" (OSAKA JO) เป็นที่แรก ปราสาทโอซาก้า ได้รับฉายาว่าปราสาทนกกระสาขาว ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของโอซาก้า ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1585 โดยโชกุนโตโยะโตมิ ฮิเดโยชิ
แต่ด้วยเวลาอันยาวนานหลายร้อยปีทำให้ปราสาททรุดโทรมผุกร่อนไปตามกาลเวลา ดังนั้นปราสาทหลังงามนี้ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมนี้ จึงเป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ยังคงสถาปัตยกรรมความงดงามของปราสาทญี่ปุ่นสมัยโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี
ปราสาทโอซาก้านั้นตั้งอยู่บนเนินเขา ตัวปราสาทสร้างเป็นป้อมปราการมีความสูง 5 ชั้น และถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินขนาดมหึมาที่ดูแข็งแกร่ง และมีคูน้ำขนาดใหญ่รายล้อมเพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก ทำให้เห็นได้ถึงความยิ่งใหญ่ของปราสาทจริงๆ ส่วนด้านในปราสาทจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเอกสารเก่าแก่เกี่ยวกับที่ตั้งของเมือง เกี่ยวกับผู้สร้างปราสาทนี้ มีวัตถุโบราณ และข้าวของให้ดูหลายอย่าง อาทิ เสื้อเกาะนักรบโบราณ ชุดนินจา เครื่องแต่งตัวออกรบสงคราม และถ้าขึ้นไปยังชั้นบนสุดของปราสาทก็จะได้ชมวิวมุมสูงที่มองเห็นบรรยากาศเมืองโอซาก้าอันสวยงาม
ฉันเดินเที่ยวชมความงามของปราสาทโอซาก้าจนสมแก่ใจแล้ว ก็เดินทางออกจากปราสาท เพื่อตรงไปยังที่เที่ยวต่อไปคือที่ "Matsushita House of History" เป็นพิพิธภัณฑ์ของบริษัทมัตสุชิตะ อิเล็คทริค อินดัสเตรียล จำกัด หรือที่คนไทยรู้จักในนามบริษัทพานาโซนิค ที่เป็นหนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียง การที่ฉันมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็เพราะว่าจะได้มาศึกษาถึงประวัติและการต่อสู้อันยอดเยี่ยมของ คุณโคโนสุเกะ มัตสุชิตะ (Konosuke Matsushita) ผู้ก่อตั้งและบุกเบิกจนทำให้บริษัทพานาโซนิคเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
เมื่อมาถึงยังพิพิธภัณฑ์จะเห็นอนุสาวรีย์ของโคโนสุเกะ มัตสุชิตะ ยืนต้อนรับแขกผู้มาเยือนอยู่ด้านหน้า จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านใน ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของโคโนสุเกะฯ ปรัชญาและแนวทางการดำเนินธุรกิจให้ได้ศึกษา ไร่เรื่อยไปถึงประวัติของการก่อตั้งบริษัทฯ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอจากรูปถ่าย วีดีโอ โปสเตอร์ และมีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ที่ผลิตให้ได้ชม อาทิ ถ่านไฟฉาย ตู้เย็น พัดลม เครื่องซักผ้า วิทยุ และสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่บริษัทฯ ได้ผลิตขึ้นซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ แคปซูลที่ทางบริษัทฯ ทำขึ้นเมื่อครั้งงาน EXPO ปี1970 ภายในแคปซูลจะบรรจุพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่อยากใส่ๆลงไป แล้วอีก 100 ปี ถึงจะนำมาเปิดเพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าคนในสมัยก่อนมีประวัติศาสตร์เช่นไร ถือว่าเป็นไอเดียที่เก๋ไก๋และดีจริงๆ
หลังจากได้ชื่นชมและแถมได้ความรู้เล็กๆ น้อยๆ ติดตัวออกมาจากพิพิธภัณฑ์พานาโซนิคแล้ว ฉันก็เดินหน้าเที่ยวต่อ โดยตรงไปที่ "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า-ไคยูคัง" (Osaka Aquarium Kaiyukan) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง เพียงแค่ฉันมาถึงก็ได้เห็นถึงความสวยงามแปลกตาของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ที่เชิญชวนให้เข้าไปเที่ยวชมเสียเหลือเกิน และเมื่อเข้ามาชมด้านในก็ไม่ผิดหวัง ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีการจัดแสดงที่ดีเยี่ยม จัดแสดงสิ่งแวดล้อมธรรมชาติของพื้นที่ 10 แห่ง ที่อยู่ล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยแทงก์น้ำขนาดใหญ่จำนวน 14 แทงก์ โดยจัดแสดงในหัวข้อที่ว่าวงแหวนแห่งไฟ และ วงแหวนแห่งชีวิต
ฉันเริ่มเดินชมพิพิธภัณฑ์ไคยูคัง ไปตามแนวทางเดินเรื่อยๆ ผ่านอุโมงค์ปลาสั้นๆ ที่มีปลาสวยงามแหวกงว่าย และก็เดินไร่เรียงชมตู้ปลาต่างๆ จำนวนมากมายที่จัดแสดงไว้ ไม่ว่าจะเป็น ปลากระเบน ปลานกแก้ว ปลาปักเป้า ปลาผีเสื้อ ปลาเทวดา ปลาทูน่า ปลาพระอาทิตย์ ปลาเทราท์ ปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ กุ้งล็อบสเตอร์ แมงกะพรุน โลมา แมวน้ำ นากทะเล สิงโตทะเล เต่าทะเล เพนกวิน ฯลฯ และที่ไคยูคังนี้มีสัตว์น้ำที่ถือว่าเป็นตัวเด่นชูโรงของที่นี่เลยคือ ปลาฉลามวาฬ ที่มีขนาดใหญ่ตัวยาวกว่า 5.5 ม. และหนักกว่า 2 ตัน แหวกว่ายอวดโฉมอย่างสง่างามอยู่ในแทงก์น้ำขนาดใหญ่ที่มีความลึกถึง 9 ม.
นอกจากนี้ยังจัดแสดงสิ่งมีชีวิตต่างๆ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ไร้กระดูกสันหลัง และพืชกว่า 580 ชนิด เรียกว่ามาเที่ยวที่ไคยูคังฉันได้ชมปลา พืช และสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์ อย่างสนุกสนานบวกกับได้ความรู้เรื่องสัตว์น้ำติดตัวกลับบ้านไปด้วยอย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียว
พอหลังจากที่ฉันได้เดินทางออกจากพิพิธภัณฑ์ไคยูคังกันแล้ว ฉันก็รีบตรงรี่มาเที่ยวยังแหล่งเที่ยวที่โปรดปรานสำหรับสาวนักชอปอย่างฉัน นั่นคือที่ "ชินไซบาชิ" ย่านชอปปิ้งชื่อดังของโอซาก้า ที่เป็นแหล่งรวมความบันเทิง รวมสินค้าแฟชั่น ข้าวของเครื่องใช้ และร้านอาหาร และเป็นที่รวมพลของวัยรุ่นญี่ปุ่น ที่พามากันมาเดินเที่ยวชอปปิ้งอย่างสนุกสนาน
ฉันออกเดินเที่ยวและชอปเข้าห้างสรรพสินค้า และร้านค้าจำนวนมากมาย ที่ตั้งเรียงรายอยู่ไปตลอดแนวถนนที่มีความยาวกว่า 2 กม. แถมเดินชอปได้แบบสบายเพราะมีหลังคลุมไปตลอดทาง ได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอทีต่างๆ เสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้าสวยๆ มีขนมญี่ปุ่นขายแบบหลากหลบาย และขนมญี่ปุ่นชื่อดังอย่างกูลิโกะ ที่เกิดที่เมืองโอซาก้าก็มีขายมากมาย และมีร้านซานริโอที่ขายสินค้าของเฮลโหลคิดตี้ที่ฉันโปรดปรานเป็นอย่างมาก ฉันจึงใช้เวลาอยู่ที่ร้านนี้นานเป็นพิเศษ ก่อนที่จะเดินไปชมร้านอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ตามซอยแยกของถนน ซึ่งจะมีร้านอาหารขายอาหารญี่ปุ่นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารทะเล ที่ขายปูสดๆ ที่จะมีรูปปูใหญ่ยักษ์ติดอยู่หน้าร้านเป็นที่สะดุดตา มีร้านขายทาโกะยากิ ร้านขายราเมน และอีกสารพัดอาหารญี่ปุ่นที่ล้วนแล้วแต่ตกแต่งร้านอย่างมีสีสันชวนให้เข้าไปกินเสียเหลือเกิน
ทริปนี้แห่งการตะลุยเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ ของโอซาก้าสำหรับฉัน บอกได้เลยว่าโอซาก้าเป็นเมืองที่น่ารักทั้งผู้คน วิถีชีวิต วัฒนธรรม อันน่าเที่ยวเป็นอย่างมากเป็นอะไรที่ประทับใจจริงๆ ที่ได้มาเที่ยว แต่ว่าการเที่ยวญี่ปุ่นของฉันไม่ได้สิ้นสุดลงที่เมืองโอซาก้าเท่านั้นนะ เพราะว่าฉันจะเดินทางไปเที่ยวเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ อย่าง "โตเกียว" กันต่อ ต้องติดตามอ่านต่อในตอนต่อไป
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศเกาะ มีจำนวนเกาะกว่า 6,800 เกาะ มีเกาะใหญ่อยู่ 5 เกาะ คือ เกาะฮอกไกโด, ฮอนชู, ชิโคะคุ, คิวชู และโอกินาวา เวลาประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชม. ญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน (100 เยน ประมาณ 36 บาทขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน) ญี่ปุ่นใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาหลัก มีสายการบินทไปญี่ปุ่นหลายสาย อาทิ การบินไทย, ออลนิปปอนแอร์เวย์, เจแปน แอร์
"ท่านผู้โดยสารคะ ขณะนี้เราได้พาท่านมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น แล้วค่ะ" เสียงใสๆ ของแอร์โฮสเตสประกาศแจ้งผู้โดยสารทุกคน
ฉันออกอาการตื่นเต้นเอาการ เพราะในที่สุดตลอดระยะของการเดินทางกว่า 4 ชม. จากสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ในที่สุดฉันก็มาถึงยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะมาเที่ยวตั้งแต่เด็ก เพราะว่าชื่นชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นเอามาก อย่างโดเรมอน อิคคิวซัง ชินจัง ฯลฯ รวมถึงชอบตัวการ์ตูนน่ารักๆ อย่างเฮลโหลคิตตี้เป็นที่สุด และพิสมัยอาหารญี่ปุ่นมากเช่นกัน
และนั่นก็เป็นเหตุผลส่วนตัวด้วยหลายประการทั้งปวงที่ทำให้ฉันอยากจะเดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้ได้ แล้วความฝันไม่ไม่ต้องฝันอีกต่อไป เพราะว่าฉันได้มายืนอยู่บนแผ่นดินแดนอาทิตย์อุทัยแล้ว ที่ "เมืองโอซาก้า" (Osaka) เมืองใหญ่รองจากโตเกียว ที่ได้รับรับสมญานามว่า เมืองแห่งสายธาร เพราะเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง หรือนครพันสะพาน เนื่องจากมีสะพานเกือบพันแห่ง เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านธุรกิจการค้าของญี่ปุ่น
สายลมหนาวเย็นยามเช้าของเมืองโอซาก้า พัดผ่านมากระทบร่างกายฉันขณะก้าวออกมาจากสนามบิน เสมือนจะเอ่ยทักทายแขกผู้มาเยือนด้วยไมตรีจิตร ฉันจึงเอ่ยทักทายกลับไปอยู่ในใจเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "โอฮาโยะ" (สวัสดีตอนเช้า) และพอปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศได้แล้ว ฉันก็ไม่รีรอขอตะลุยเที่ยวโอซาก้ากันทันที
ฉันนั่งรถออกจากสนามบินคันไซ ตรงมาเที่ยวที่ "ปราสาทโอซาก้า" (OSAKA JO) เป็นที่แรก ปราสาทโอซาก้า ได้รับฉายาว่าปราสาทนกกระสาขาว ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของโอซาก้า ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1585 โดยโชกุนโตโยะโตมิ ฮิเดโยชิ
แต่ด้วยเวลาอันยาวนานหลายร้อยปีทำให้ปราสาททรุดโทรมผุกร่อนไปตามกาลเวลา ดังนั้นปราสาทหลังงามนี้ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมนี้ จึงเป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ยังคงสถาปัตยกรรมความงดงามของปราสาทญี่ปุ่นสมัยโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี
ปราสาทโอซาก้านั้นตั้งอยู่บนเนินเขา ตัวปราสาทสร้างเป็นป้อมปราการมีความสูง 5 ชั้น และถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินขนาดมหึมาที่ดูแข็งแกร่ง และมีคูน้ำขนาดใหญ่รายล้อมเพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก ทำให้เห็นได้ถึงความยิ่งใหญ่ของปราสาทจริงๆ ส่วนด้านในปราสาทจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเอกสารเก่าแก่เกี่ยวกับที่ตั้งของเมือง เกี่ยวกับผู้สร้างปราสาทนี้ มีวัตถุโบราณ และข้าวของให้ดูหลายอย่าง อาทิ เสื้อเกาะนักรบโบราณ ชุดนินจา เครื่องแต่งตัวออกรบสงคราม และถ้าขึ้นไปยังชั้นบนสุดของปราสาทก็จะได้ชมวิวมุมสูงที่มองเห็นบรรยากาศเมืองโอซาก้าอันสวยงาม
ฉันเดินเที่ยวชมความงามของปราสาทโอซาก้าจนสมแก่ใจแล้ว ก็เดินทางออกจากปราสาท เพื่อตรงไปยังที่เที่ยวต่อไปคือที่ "Matsushita House of History" เป็นพิพิธภัณฑ์ของบริษัทมัตสุชิตะ อิเล็คทริค อินดัสเตรียล จำกัด หรือที่คนไทยรู้จักในนามบริษัทพานาโซนิค ที่เป็นหนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียง การที่ฉันมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็เพราะว่าจะได้มาศึกษาถึงประวัติและการต่อสู้อันยอดเยี่ยมของ คุณโคโนสุเกะ มัตสุชิตะ (Konosuke Matsushita) ผู้ก่อตั้งและบุกเบิกจนทำให้บริษัทพานาโซนิคเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
เมื่อมาถึงยังพิพิธภัณฑ์จะเห็นอนุสาวรีย์ของโคโนสุเกะ มัตสุชิตะ ยืนต้อนรับแขกผู้มาเยือนอยู่ด้านหน้า จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านใน ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของโคโนสุเกะฯ ปรัชญาและแนวทางการดำเนินธุรกิจให้ได้ศึกษา ไร่เรื่อยไปถึงประวัติของการก่อตั้งบริษัทฯ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอจากรูปถ่าย วีดีโอ โปสเตอร์ และมีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ที่ผลิตให้ได้ชม อาทิ ถ่านไฟฉาย ตู้เย็น พัดลม เครื่องซักผ้า วิทยุ และสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่บริษัทฯ ได้ผลิตขึ้นซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ แคปซูลที่ทางบริษัทฯ ทำขึ้นเมื่อครั้งงาน EXPO ปี1970 ภายในแคปซูลจะบรรจุพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่อยากใส่ๆลงไป แล้วอีก 100 ปี ถึงจะนำมาเปิดเพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าคนในสมัยก่อนมีประวัติศาสตร์เช่นไร ถือว่าเป็นไอเดียที่เก๋ไก๋และดีจริงๆ
หลังจากได้ชื่นชมและแถมได้ความรู้เล็กๆ น้อยๆ ติดตัวออกมาจากพิพิธภัณฑ์พานาโซนิคแล้ว ฉันก็เดินหน้าเที่ยวต่อ โดยตรงไปที่ "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า-ไคยูคัง" (Osaka Aquarium Kaiyukan) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง เพียงแค่ฉันมาถึงก็ได้เห็นถึงความสวยงามแปลกตาของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ที่เชิญชวนให้เข้าไปเที่ยวชมเสียเหลือเกิน และเมื่อเข้ามาชมด้านในก็ไม่ผิดหวัง ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีการจัดแสดงที่ดีเยี่ยม จัดแสดงสิ่งแวดล้อมธรรมชาติของพื้นที่ 10 แห่ง ที่อยู่ล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยแทงก์น้ำขนาดใหญ่จำนวน 14 แทงก์ โดยจัดแสดงในหัวข้อที่ว่าวงแหวนแห่งไฟ และ วงแหวนแห่งชีวิต
ฉันเริ่มเดินชมพิพิธภัณฑ์ไคยูคัง ไปตามแนวทางเดินเรื่อยๆ ผ่านอุโมงค์ปลาสั้นๆ ที่มีปลาสวยงามแหวกงว่าย และก็เดินไร่เรียงชมตู้ปลาต่างๆ จำนวนมากมายที่จัดแสดงไว้ ไม่ว่าจะเป็น ปลากระเบน ปลานกแก้ว ปลาปักเป้า ปลาผีเสื้อ ปลาเทวดา ปลาทูน่า ปลาพระอาทิตย์ ปลาเทราท์ ปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ กุ้งล็อบสเตอร์ แมงกะพรุน โลมา แมวน้ำ นากทะเล สิงโตทะเล เต่าทะเล เพนกวิน ฯลฯ และที่ไคยูคังนี้มีสัตว์น้ำที่ถือว่าเป็นตัวเด่นชูโรงของที่นี่เลยคือ ปลาฉลามวาฬ ที่มีขนาดใหญ่ตัวยาวกว่า 5.5 ม. และหนักกว่า 2 ตัน แหวกว่ายอวดโฉมอย่างสง่างามอยู่ในแทงก์น้ำขนาดใหญ่ที่มีความลึกถึง 9 ม.
นอกจากนี้ยังจัดแสดงสิ่งมีชีวิตต่างๆ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ไร้กระดูกสันหลัง และพืชกว่า 580 ชนิด เรียกว่ามาเที่ยวที่ไคยูคังฉันได้ชมปลา พืช และสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์ อย่างสนุกสนานบวกกับได้ความรู้เรื่องสัตว์น้ำติดตัวกลับบ้านไปด้วยอย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียว
พอหลังจากที่ฉันได้เดินทางออกจากพิพิธภัณฑ์ไคยูคังกันแล้ว ฉันก็รีบตรงรี่มาเที่ยวยังแหล่งเที่ยวที่โปรดปรานสำหรับสาวนักชอปอย่างฉัน นั่นคือที่ "ชินไซบาชิ" ย่านชอปปิ้งชื่อดังของโอซาก้า ที่เป็นแหล่งรวมความบันเทิง รวมสินค้าแฟชั่น ข้าวของเครื่องใช้ และร้านอาหาร และเป็นที่รวมพลของวัยรุ่นญี่ปุ่น ที่พามากันมาเดินเที่ยวชอปปิ้งอย่างสนุกสนาน
ฉันออกเดินเที่ยวและชอปเข้าห้างสรรพสินค้า และร้านค้าจำนวนมากมาย ที่ตั้งเรียงรายอยู่ไปตลอดแนวถนนที่มีความยาวกว่า 2 กม. แถมเดินชอปได้แบบสบายเพราะมีหลังคลุมไปตลอดทาง ได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอทีต่างๆ เสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้าสวยๆ มีขนมญี่ปุ่นขายแบบหลากหลบาย และขนมญี่ปุ่นชื่อดังอย่างกูลิโกะ ที่เกิดที่เมืองโอซาก้าก็มีขายมากมาย และมีร้านซานริโอที่ขายสินค้าของเฮลโหลคิดตี้ที่ฉันโปรดปรานเป็นอย่างมาก ฉันจึงใช้เวลาอยู่ที่ร้านนี้นานเป็นพิเศษ ก่อนที่จะเดินไปชมร้านอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ตามซอยแยกของถนน ซึ่งจะมีร้านอาหารขายอาหารญี่ปุ่นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารทะเล ที่ขายปูสดๆ ที่จะมีรูปปูใหญ่ยักษ์ติดอยู่หน้าร้านเป็นที่สะดุดตา มีร้านขายทาโกะยากิ ร้านขายราเมน และอีกสารพัดอาหารญี่ปุ่นที่ล้วนแล้วแต่ตกแต่งร้านอย่างมีสีสันชวนให้เข้าไปกินเสียเหลือเกิน
ทริปนี้แห่งการตะลุยเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ ของโอซาก้าสำหรับฉัน บอกได้เลยว่าโอซาก้าเป็นเมืองที่น่ารักทั้งผู้คน วิถีชีวิต วัฒนธรรม อันน่าเที่ยวเป็นอย่างมากเป็นอะไรที่ประทับใจจริงๆ ที่ได้มาเที่ยว แต่ว่าการเที่ยวญี่ปุ่นของฉันไม่ได้สิ้นสุดลงที่เมืองโอซาก้าเท่านั้นนะ เพราะว่าฉันจะเดินทางไปเที่ยวเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ อย่าง "โตเกียว" กันต่อ ต้องติดตามอ่านต่อในตอนต่อไป
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศเกาะ มีจำนวนเกาะกว่า 6,800 เกาะ มีเกาะใหญ่อยู่ 5 เกาะ คือ เกาะฮอกไกโด, ฮอนชู, ชิโคะคุ, คิวชู และโอกินาวา เวลาประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชม. ญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน (100 เยน ประมาณ 36 บาทขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน) ญี่ปุ่นใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาหลัก มีสายการบินทไปญี่ปุ่นหลายสาย อาทิ การบินไทย, ออลนิปปอนแอร์เวย์, เจแปน แอร์