xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “หมัก” แก้เกี้ยวหยุด “ชิมไปบ่นไป”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายการ “สนทนาประสาสมัคร” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2551 เวลา 08.30-09.30 น.นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แจงเหตุยุติรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยงหกโมงเช้า” ชั่วคราวหวั่นมีปัญหา หลัง กกต.เตรียมสอบ ขัดกฎหมาย โวยเป็นแผนเขี่ยพ้นเก้าอี้นายกฯ ให้ได้ อ้างหารือนักกฎหมายแล้ว แก้เกี้ยวยื่นแจง กกต.

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ สนทนาประสาสมัคร


“สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ 08.30 น.สนทนาประสาสมัครมาเหมือนอย่างเคย วันนี้มีรายการค่อนข้างจะซ้อนกันไปซ้อนกันมานิดหน่อยครับ ที่จริงผมจะออกรายการของผม 1 ชั่วโมง ก็มีผู้มาขอบริจาคสมทบทุน ผมก็ว่า 1 ราย 2 รายก็โอเค จะมาต่อท้ายรายการผมหน่อย แต่ปรากฏว่า ทางทำเนียบบอกว่ามีตั้งเต็นท์บริจาคอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล เต็นท์จีน เต็นท์พม่า แล้วสำคัญสุดคือว่า รายการผู้บริจาคสำคัญจะมาทำที่ตรงนี้ต่อไป ครึ่งชั่วโมงหลังจากรายการผม

ผมที่จริงควรจะต้องอยู่บริจาคด้วย ผมเป็นหัวหน้าสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ ปรากฏว่า ต้องไปอ่านสุนทรพจน์ วันนี้มีประชุมสหประชาชาติเรื่องของวันวิสาขบูชา มาจากทุกสารทิศ นายกรัฐมนตรีจะต้องไปอ่าน นัดเขาไว้ ทีแรกเขาเชิญ 09.30 น.ต่อรองกับเขาว่าเป็น 10.00 น.มีเวลาครึ่งชั่วโมงจะขับรถไป ก็มาเจอรายการตรงนี้เข้า เลยจะต้องหดรายการของผมมาสัก 15 นาที แล้วจะหาคนมา Long weekend เขาไปไหนต่อไหนกันหมด เลยไปชวนท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด (พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์) บอกท่านมาช่วยหน่อยเถอะครับ เพราะท่านเป็นคนริเริ่ม วันแรกที่นั่นเลยว่าส่งเข้าไปก่อนเพื่อน ที่พม่ารับทันทีโดยไม่ต้องพูดจาอะไรกันเลย คือ ท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผมก็นึกถึงท่านเลยไปขอร้องท่านบอกว่า ท่านมารับช่วงต่อจากผมที ผมจัดรายการผมเหลืออีก 15 นาที ผมจะเข้าไปห้องส่งอีกห้องหนึ่ง และร่วมกับท่าน เพราะว่าทางนี้เขาเปิดศูนย์รับบริจาค บัญชี 067-0-04241-2 เดี๋ยวท่านดูทางหน้าจอคอยจด ท่านอ่านเถอะครับ เขามี 20 คู่สาย ท่านจะบริจาคสุดแท้แต่

ผมเองบอกตรงๆ ว่า ผมถอยออกไปห่าง เพราะเหตุว่า ขนาดเขาขอร้องมาบินไปวันเดียวครับ ไปพูดจาแล้วกลับมา โดนสับโดนโขกเสียไม่มีชิ้นดีเลย ไปดูแต่ต่างประเทศ ทางนี้น้ำท่วมไม่ไปดู เขาบริจาคขอเครื่องไถเดินตาม ผมก็อุตส่าห์ไปหาเครื่องไถเดินตามว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าจะเอาเงินบริจาคไปซื้อ เกิดเรื่องอีก ไม่ได้ทันใจหรอกครับ เงินบริจาคไปซื้อต้องประมูล ไม่ได้ใช้ ผมเลยใช้ไปขอให้เขาบริจาค ให้เขาซื้อมาให้เลยหมดเรื่อง คือเงินกองไว้จะใช้จะทำตามระเบียบราชการ แต่อันนี้เขาซื้อมาให้ เขาจะซื้อใครก็เรื่องของเขา เอามา เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

แต่ทีนี้มีอีกเรื่องหนึ่ง บังคับไว้เลย คุณลุงสมัครต้องตอบก่อนเพื่อนเลย เพราะข้องใจเหลือเกิน รายการหายไปทั้ง 2 วัน เมื่อวานนี้ก็ไม่มีช่อง 5 เวลา 16.30 น.ชิมไปบ่นไป เช้านี้ยกโขยงหกโมงเช้า ไม่มีอีก เกิดอะไรขึ้น ขอเรียนครับ จะตอบเรื่องนี้ก่อนเลย ความจริงวันนี้จะคุยเรื่องธรรมะธัมโมหน่อย เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันวิสาขบูชา แต่ตอบเสียก่อนเดี๋ยวจะเลย

คือว่า ผมมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นได้ 3 เดือนกว่า ตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรีเขาก็เริ่มล่า จะเอาออกจากตำแหน่งให้ได้ เริ่มต้นบอกเลยว่า ไปหาเสียงต่างจังหวัด ถูกใบเขียวใบแดง บอกว่าไปหาเสียงต่างจังหวัด ไปปราศรัยและเอาซีดีไปแจก กว่าจะชี้แจงกันเสร็จได้ ตกลงเรียบร้อย คณะกรรมการมาสอบเลยนะครับ 6 คน รอดตัวไปได้ เดี๋ยวเอาอีกแล้วครับ ไปแจ้งอีกแล้วบอกว่าเคยเป็นวุฒิสมาชิก ลาออกไม่ครบ 2 ปี ไม่ได้วันมาสมัคร ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บอกโอเค ไม่นั่น มาแจ้งอีกแล้ว เป็นนอมินีนายกรัฐมนตรีคนเก่า เสร็จเรียบร้อย กกต. บอกว่าไม่เป็น เขาบอกว่าเป็นนอมินีนะครับ แต่ไม่มีกฎหมาย เลยรอดตัวไปอีกที เอาอีกแล้วบอกเป็นคดีความ คดีหมิ่นประมาท หมิ่นประมาทว่าเรื่องเขานั่นละครับ ว่าเขาได้รถยนต์มา แค่นั้นหมิ่นประมาท ก็ลงโทษ 4 กระทง 2 ปี และไม่รอลงอาญา เขาบอกไม่ได้ต้องพ้นจากตำแหน่ง กกต.บอกไม่ใช่ ต้องสิ้นสุดก่อน รอดไป 4 หนแล้วนะครับ รอด

2-3 วันมาอีกแล้วครับ มีคน คณะนี้คณะที่จะหาคนมาแทนนายสมัครที่เป็นข่าวเอิกเกริกอยู่นี่ละครับ พวกนี้ละครับ ต้องเอาสมัครออกให้ได้ ค้นพบอีกแล้วว่าไปทำรายการ “ชิมไปบ่นไป” ผิดกฎหมาย เพราะว่าก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นรัฐมนตรีจะต้องเซ็นเอกสารยาวหลายหน้า ไม่เป็นนั่นไม่เป็นนี่ มากมายก่ายกอง ไปค้นพบมาว่าเป็นลูกจ้างบริษัท เขาบอกผมเป็นลูกจ้างบริษัท แล้วยังไงรู้ไหมครับ ลูกจ้างชั่วคราวก็ไม่ได้ ลูกจ้างประจำก็ไม่ได้ รับเงินหรือไม่รับเงินก็ไม่ได้ เป็นเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ กิตติมศักดิ์ ไม่ได้ทั้งนั้น ผิด เขาว่าอย่างนั้น เขียนไว้อย่างนั้นลูกจ้าง

แต่ต้องบอกให้ฟังนะครับ ผมที่ทำมา 3 เดือน ตอนเป็นนายกฯ ก็ยังทำ เพราะว่าได้ถามนักกฎหมายชั้นยอดเลยว่า ถามว่าตกลงเป็นอย่างไร ผมเป็นลูกจ้างบริษัทนี้ไหม เขาบอกว่า คุณทำทีหนึ่ง เขาก็ให้ค่าน้ำมันรถ ให้ค่าอะไรตอบแทนเป็นคราวๆ ไป ไม่ทำก็ไม่ได้ ใช่ไหม บอกถูกต้อง เขาบอกอย่างนี้เรียกว่า รับจ้าง ไม่เข้า ถ้าเป็นลูกจ้างเข้าตามนั้น ต้องลงทะเบียน มีบัญชี มีชื่อ ต้องเอาไปยื่นประกันสังคม นี่ไม่ต้อง เขาจ้างมาก็ทำ ไม่จ้างก็เลิกจ้าง เขาเรียกว่ารับจ้าง อย่างนั้นก็ทำได้ ผมบอกบริษัท คุณไปเตรียมหาไว้นะ เดี๋ยวมีใครมาเอาเรื่องผมอีก ทางคุณต้องหาพรีเซ็นเตอร์ใหม่

จริงๆ และครับ มาเลยครับ 2 พวกนี้ผมไม่ออกชื่อละครับ 2 เสือนี่ ไปจัดการเลยครับไปยื่น กกต. กกต.บอกว่า เขาจะสอบเรื่องนี้

ผมก็ชี้แจงให้ทราบเสียก่อนครับว่า ผมได้ตรวจสอบแล้วในแง่กฎหมาย ผมไม่ใช่ลูกจ้าง ผมเป็นรับจ้าง แต่อย่างไรก็ตามแต่ พอเล่นงานผมทันที ผมก็ไม่อยากให้มีเรื่อง เพราะตำแหน่งนี้ จะเอารายการนี้ เอานายกฯ ออกจากตำแหน่ง ผมก็บอกว่าจะถ่ายทำ หยุดไม่ถ่าย และมีรายการออกขอสั่งหยุดเลย สั่งหยุดรายการที่ช่อง 5 สั่งหยุดรายการที่ช่อง 3 แล้ววันจันทร์พรุ่งนี้ผมจะทำจดหมายไปถึง กกต.ว่าต้องวินิจฉัยเรื่องนี้ ผมจะบอกเลยว่าที่ผมทำเพราะผมแน่ใจ มาตรวจสอบทางกฎหมาย เขาบอกผมเป็นรับจ้าง ไม่ใช่ลูกจ้าง ในกฎหมายเขียนว่าลูกจ้าง ผมไม่ได้เป็นลูกจ้าง ผมรับจ้าง เขาบอกแยกกันไม่เหมือนกัน

ฉะนั้น ผมก็ทำแต่ผมจะบอกไว้เลยในกฎหมายจะเขียนบอกไปเลยว่า ถ้าหากว่าผิด จะลงโทษอย่างไร ทางผมก็ลองดูแล้วกันว่าท่านจะทำอย่างไรผม แต่ว่าถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนเริ่มต้น บอกไปก่อนเลยว่า ผมเข้าใจว่าผมมีหน้าที่ทำได้ ถ้าผมมีหน้าที่ผมไม่ได้ จะบอกจะตักเตือนว่ากล่าวอย่างไร โอเค ว่ามา แต่จะเอารายการนี้มาฆ่ากันตำแหน่งนายกฯ ท่านก็พิจารณาดูก็แล้วกันครับ

หลุดรอดมา 4 รายการนี้ สำนวนเขาเรียกว่า “ตายน้ำตื้น” ก็เอาสิครับ ถ้าเผื่อพิจารณาว่าดุเดือดเลือดพล่านขนาดนั้น แต่ท่านบอกว่าที่จริงไม่ผิด แต่ว่าไม่สมควร ก็บอกมา ผมจะได้หยุดยุติการทำเสีย แต่ผมยืนยันได้ว่าผมได้ตรวจสอบทางกฎหมายแล้ว เขาบอกว่าทำได้ ผมจึงทำ ผมจะยื่นไปนะครับ ผมรับจ้าง ไม่ได้เป็นลูกจ้างตามที่เขียนไว้ในนั้น เท่านั้นละครับ เพราะฉะนั้น ถ้า กกต.ช้า ก็คงยังออกอากาศไม่ได้ หรือถ้า กกต.บอกว่าผมผิด ผมก็ต้องออกอากาศไม่ได้แน่นอน เพราะที่ถ่ายไว้ก็ออกไม่ได้

ก็จนได้ละครับคือจะต้องเอานายสมัครออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ได้ ใครก็ตามแต่เป็นต้นคิดเรื่องนี้ ใครจะรับลูกมาทำ ก็เชิญเถอะครับ ดูสิว่าบ้านเมืองนี้จะเป็นอย่างไรกัน

เอาละวันนี้จะพูดกันเรื่องวันวิสาขบูชา ก็มาเริ่มต้นด้วยการพรรค์อย่างนี้เสียก่อน แต่ไม่พูดไม่ได้หรอกครับ ไม่พูดแล้วเสียตำแหน่งเรื่องนี้ เขาเอาผมทันที ผมต้องพูดให้เข้าใจเสีย หวังใจว่า กกต.รับจดหมายผมพรุ่งนี้แล้วท่านจะดำเนินการโดยเร็ว

**ร่ายยาว “วิสาขบูชา”

ทีนี้จะขอเรียนอย่างนี้ครับว่า วันนี้วันที่ 18 พฤษภาคม พรุ่งนี้วันที่ 19 พฤษภาคม เป็นวันเพ็ญเดือน 6 เรียกว่า วันวิสาขบูชา วันวิสาขบูชาแต่ก่อนเป็นของเราชาวพุทธธรรมดา ต่อมาไม่นานมานี้เอง สหประชาชาติบอกว่าเป็นวันสำคัญของโลก เพราะว่าเรามีคนหลายร้อยล้านคนที่นับถือพุทธศาสนา และผมเข้าใจของผมเองเลยครับว่า ที่สหประชาชาติรับเรื่องนี้เป็นสำคัญนั้น เพราะเห็นว่าพุทธศาสนานั้นเป็นศาสนาที่หนึ่งในโลกที่เป็นหลัก ๆ และเป็นศาสนาที่มีเหตุผล ผู้คนสนใจพุทธศาสนามากขึ้น เพราะความมีเหตุผลของศาสนาของเรา ฉะนั้น วันนี้จะพูดให้ฟังสักนิดหนึ่งว่า ถ้าเราเป็นชาวพุทธก็ควรจะต้องรู้จักศาสนาของเรา ไม่ใช่ศาสนาในใบกรอกรายการ สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ และไปอยู่ในใบกรอกรายการแค่นั้นเอง จะทำอะไรไม่รู้ จะถามว่าประวัติพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร ไม่รู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ไม่รู้ วันวิสาขบูชาเป็นอย่างไร ไม่รู้ วันมาฆบูชาเป็นอย่างไร ไม่รู้ วันอาสาฬหบูชาเป็นอย่างไร ไม่รู้ วันออกพรรษา วันเข้าพรรษาเป็นอย่างไร ไม่ตอบทั้งนั้น ไม่รู้ทั้งนั้น แต่บอกว่าเป็นพุทธศาสนิก อย่างนี้ไม่ควรครับ

อย่างน้อยที่สุด เราเป็นชาวพุทธ เราควรจะต้องรู้เลยครับว่าพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นศาสนาหลัก ๆ ศาสนาหนึ่งในโลก และเป็นศาสนาที่เราไม่บังคับ ที่อื่นเขาต้อง ๆ ๆ ๆ ของเราบอกว่าควร ต้องกับควรนี่ละครับ และควรนี่ละครับ อยู่มาได้ 2,500 กว่าปี แต่ว่าชาวพุทธควรจะต้องรู้ไหมครับว่า ศาสดาของศาสนาของเรานั้นท่านมีความเป็นมาอย่างไร อย่างน้อยอ่านประวัติพระพุทธเจ้าหน่อยครับ ท่านเป็นเชื้อกษัตริย์ และท่านได้แลเห็น อายุ 29 ท่านทรงผนวช เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทรงพยายามอยู่ 6 ปี ไม่สำเร็จ สุดท้ายมาท่านก็ตรัสรู้ เมื่อท่านตรัสรู้แล้ว ก็ทรงสั่งสอนเราอีก 45 ปี พอพระชันษา 80 ก็ดับขันธ์ ปรินิพพาน

เรื่องพรรค์นี้น่าศึกษาครับ ที่น่าศึกษาวันนี้คือว่าพระพุทธเจ้าท่านประสูติ วันเพ็ญเดือน 6 ท่านตรัสรู้ก็วันเพ็ญเดือน 6 ท่านปรินิพพานก็วันเพ็ญเดือน 6 เป็นอัศจรรย์นะครับ เรื่องของศาสนาต้องมีความอัศจรรย์ทั้งนั้น ไม่ว่าศาสนานั้นศาสนานี้ เขาทำให้มหัศจรรย์ทั้งนั้น คือเจ้าเสด็จออกมาแล้ว ประสูติออกมาแล้ว เดินไปมีดอกบัว 7ดอก ก็ว่ากันไปอย่างนั้นละครับ แต่ว่าหลัก ๆ แล้วพระพุทธเจ้านั้นถือว่าเป็นคนเหมือนอย่างเรานี่ละครับ จะมีอะไรเป็นพิเศษกว่าต้องไปศึกษาไปอ่านดู และเมื่อเรารู้จักพุทธศาสนาของเราแล้ว เราจะดูว่าที่น่าสนใจที่สุดคือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร แต่ก่อนที่จะพูดถึงพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไรนั้น เราบอกแล้วหลักศาสนาเป็นอย่างไรที่คนเขาว่าเชื่อถือ หลักศาสนาคือว่าทำดี ละเว้นชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว หนึ่ง สอง สาม แล้วพุทธศาสนามีอะไรเป็นหลัก เราก็มีเป็น 3 หลัก เราเรียกว่าพระรัตนตรัย อธิบายให้เขาฟังเลย พระรัตนตรัยคือแก้ว 3 ประการ คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธคือพระพุทธเจ้า มีองค์เดียวครับพระพุทธ ก็ศึกษาเรื่องพระพุทธ ก็ศึกษาประวัติพระพุทธเจ้าเรื่องราวต่าง ๆ พระพุทธรูปที่กราบคือพระพุทธ องค์ที่แทนพระพุทธนั่นละครับ ถ้าทำคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คือพระอานนท์ไปถามเลยว่าตอนจะปรินิพพานบอก ถ้าหากว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว แล้วใครจะมาแทนพระองค์ท่าน ท่านบอกไม่ต้อง พระองค์ท่านบอกว่าคำสอนของพระองค์ท่าน จะเป็นตัวแทนคือพระธรรมนี่ละครับ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา สำนวนเป็นอย่างนั้นนะครับ คือถ้าอ่านธรรมะแตกฉานจะมองเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นอย่างไร พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

พระสงฆ์คือผู้สืบต่อพระพุทธศาสนา มีหน้าที่จะศึกษาอะไรต่าง ๆ ต้องเรียนครับ แล้วเขาเป็นภาษาอะไรครับ สมัยโบราณภาษาบาลี บาลีก็มี สันสกฤตก็มี มคธยังมีเลยครับ คำพระธรรมทั้งหมดเรียกว่าพระไตรปิฎก คือมีปิฎกทั้ง 3 เป็นหมวดเป็นหมู่ ทั้งหมดมี 45 เล่ม แต่ก่อนนี้เป็นภาษีบาลีอยู่ในที่เก็บ อยู่อย่างนั้นละครับ ต้องบวชเป็นพระและไปเรียนบาลีถึงจะไปอ่าน ไปแตกฉานก็จะได้รู้ มองทะลุปรุโปร่งหมดเลยนะครับ 45 เล่ม แต่ว่าบัดนี้ แปลเป็นภาษาไทยธรรมดา ๆ หมดแล้ว เวลาจะสวดมนต์ต่าง ๆ นั้น ไปอ่าน เขียนเป็นบาลี เขียนตัวหนังสือไทยแต่แบบบาลี อ่านไม่ออกครับ ตรงโน้นเป็นอย่างนั้น ๆ เป็นอย่างนี้ เดี๋ยวนี้เรียกธรรมดาเลยครับ นะโมตะสะ ภะคะวะโต อาระหะโต สัมมา สัมพุทธสะ อย่างนี้อ่านได้เลยครับ ยังไงก็อ่านได้ คือเขียนเป็นภาษาอ่านให้คนอ่านได้ และถ้าแตกฉานแล้วก็เห็นมีตัวข้างบน มีจุดข้างล่าง มีอะไรต่าง ๆ ก็อ่านได้เลย มีคนบอกภาษาบาลียาก ครับ คงไม่ง่ายหรอกครับ ท่านที่เป็นพุทธศาสนิกท่านรู้จักเยอะครับภาษาบาลี รู้จักอย่างไร ท่านดูพุทธศาสนสุภาษิตสิครับ พุทธศาสนสุภาษิต ท่านรู้จักทั้งนั้นละครับ พอบอกไปอ๋อ อโรคยา ปรมา ลาภา นี่ละครับบาลีทั้งแท่งเลยครับ อะ แปลว่า ไม่ โรคะ แปลว่า โรค อโรคยา ปรมา แปลว่าใหญ่ ปรมินทร์ ปรเมนทร์ ปรเมษฐ์ ใหญ่ทั้งนั้น โรคาก็โรค ลาภา ลาภ อโรคยา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง นี่บาลีเห็นไหมครับ มีอีกเยอะแยะเลยครับ

หน้าหนังสือพิมพ์สยามรัฐ นิคฺคณฺเห นิคฺคหาร หํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหาร หํ (อ่านว่า นิคคัณนะเห นิคคะหาระหัง ปัคคัณนะเห ปัคคะหาระหัง) แปลว่า ชมคนที่พึงชม ข่มคนที่พึงข่ม นี่ก็บาลีครับ กรรมมุนา วัตตะตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม นี่ก็บาลี จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำมาซึ่งความสุข อย่างนี้ก็ภาษาบาลี เห็นไหมครับเรื่องพรรค์อย่างนี้ ไปดูเถอะครับ ธรรมโม หเว รักขติ ธรรมะ จาริง ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ท่านรู้จักทั้งนั้นละครับ

พูดไปเดี๋ยวจะยาว แต่ผมตั้งใจจะพูดเรื่องว่าพระรัตนตรัย คือ 4 พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ตรัสรู้อริยสัจ 4 มีตัวเลขกำกับ อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ นิโรธคือดับทุกข์ และจะปลอดโปร่งอย่างไร แล้วมรรคคือหนทางที่ไปสู่ความดับทุกข์ เรื่องนี้ละครับในชีวิตของคนเรา ถ้าไปเทียบกับสมัยพระพุทธเจ้า หรือที่ใครจะเป็นพระ พุทธเจ้าท่านเป็นพระนะครับ เพราะฉะนั้น เมื่อท่านตรัสรู้ ลองไปอ่านดูสิครับ เมื่อหลังจากทนมา 6 ปีแล้ว ท่านก็ตรัสรู้ คือเห็นได้ชัดคือตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง และสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นั้น ก็ยังเอามาใช้ได้ในชีวิตประจำวันทุกวันนี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เพราะท่านเป็นพระ ท่านเห็นอะไรครับ ท่านเห็นทุกข์ ท่านรู้ว่าท่านมีสมุทัยคือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ท่านดับมันก็ได้จะพบกับความสุข และหนทางไปสู่ความดับทุกข์ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นี่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร แต่ทว่าเมื่อเวลาที่เราศึกษาเรื่องนี้ เราต้องรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นพระ เพราะฉะนั้น ท่านต้องการให้พ้นไปเลยไม่กลับมาอีก พุทธศาสนาเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด แต่ว่าปรินิพพานความหมายความไปถึงแล้วไม่กลับมาอีกครับ คือว่ามีทุกข์และถ้าจะไม่ให้เกิดทุกข์ คือถึงปรินิพพานแล้วไม่เกิดทุกข์ แปลว่าไม่ต้องเวียนกลับมาอีก ไม่กลับมาเกิดอีกทำนองอย่างนั้น การเกิดเป็นทุกข์ครับ แก่เป็นทุกข์ เจ็บเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย พุทธองค์ไปเห็นเข้าครับ ไปเห็นเข้าถึงได้ตรัสรู้เรื่องนี้ การเกิดเป็นทุกข์ ฟังแล้วอะไรเกิดเป็นทุกข์ เป็นทุกข์ครับเพราะว่าเกิดแล้วก็แก่ แก่ก็เป็นทุกข์ครับ เจ็บก็เป็นทุกข์ ตายก็เป็นทุกข์ ไปดูเถอะครับทุกข์นั้น เพราะฉะนั้น ท่านตรัสรู้แล้ว ท่านก็ไปหาสู่ปรินิพพาน เมื่อทรงมีพระชมมายุ 80 ก็เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน แปลว่าไม่กลับมาเกิดอีก แล้วคนแสวงหาปรินิพพานแสวงทั้งนั้นครับ จะไปสู่นิพพานกันทั้งนั้น แต่ไปได้ไหม ก็ไปได้บ้าง ไม่ได้บ้าง สุดแท้แต่ แต่ทว่าคนเราธรรมดา รับพุทธศาสนามาแล้ว ไปไม่ได้หมดหรอกครับ

แต่ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เราเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ชัดเจนแน่นอน ทำอะไรบ้างครับ ไม่มีเงินก็เป็นทุกข์ครับ ไม่มีข้าวกินก็เป็นทุกข์ ข้าวสารราคาแพงก็เป็นทุกข์ จราจรติดขัดก็เป็นทุกข์ รถติดเป็นทุกข์ ทั้งนั้นละครับ สอบได้ ความจริงก็เป็นสุข ไม่ได้ที่ตั้งหวังไว้เป็นทุกข์อีก เห็นไหมครับมีเงินมากเป็นทุกข์ไหม ทุกข์ ไม่รู้จะไปฝากธนาคารไหน เดี๋ยวจะไปแจ้งใครอย่างไร กกต.ไปตรวจเจอที่ไหนอย่างไรถ้าเล่นการเมือง มีความทุกข์ทั้งนั้นละครับ เพราะฉะนั้น ทำอย่างไร ในชีวิตประจำวันยกตัวอย่างว่า การจราจรติดขัดเป็นความทุกข์ จริงนะครับ แน่นอนครับ จราจรติดขัดเป็นความทุกข์ เราบอกจราจรกรุงเทพฯ ติดขัดเป็นความทุกข์ ใครมาเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.)แล้วทำอย่างไร ก็ต้องหาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์

ผมเคยเป็นผู้ว่า กทม.มาแล้ว แต่ก่อนมาเป็นผู้ว่า กทม. ผมได้เห็นเรื่องนี้ ไม่ใช่ตรัสรู้นะครับ เอาสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาดู จราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เป็นทุกข์ ต้องไปหาสมุทัย ถูกไหมครับ สมุทัยย้อนไปเท่าไร ต้องดูย้อนไป 50-60 ปี 50 ก่อนกรุงเทพฯ มีคน 85,000 แล้วยังไง กรุงเทพฯ เพิ่งมีถนนเมื่อ 70 ปีที่แล้วนี่เองครับ แต่ก่อนไม่มีนะครับรอบกรุงเทพฯ ถนนเพิ่งตัดออกไป 70 ปีโดยประมาณ มีทางเข้ามากรุงเทพฯ มาจากทางเหนือ ทางพหลโยธินมาจากเชียงราย ทางใต้มาจากสุไหงโก-ลก แล้วมาจากทางตะวันออกสุขุมวิท มี 3 ทิศครับ มาจากตะวันออก มาจากทางเหนือไปทางใต้ ถนน 3 ทิศเข้ามา กิโลเมตร 0 กรุงเทพฯ อยู่ไหน ขอบกรุงเทพฯ รึ เปล่าครับ อยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กิโลเมตร 0 อยู่นั่น เพราะฉะนั้น ใครจะไปเหนือ ใต้ ออก ตก ต้องเข้ามากรุงเทพฯ ก่อน อยู่ตะวันออกจะไปเหนือก็เข้ากรุงเทพฯ ก็ขึ้นเหนือ อยู่ทางใต้ขึ้นมาผ่านกรุงเทพฯ ขึ้นเหนือ ขึ้นมาใต้ไปตะวันออก ต้องผ่านกรุงเทพฯ มีคนอยู่ 85,000 กรุงเทพฯ ก็ใหญ่เหมือนเดิมนี่ละครับ แต่มีเขตเทศบาลอยู่เพียง 240 ตารางกิโลเมตร กิโลเมตร 0 อยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

และทีนี้อย่างไร ทีนี้ก็ดู กท รถ ที่เรียกว่า กท ในกรุงเทพฯ มีเลข 5 ตัวครับ เหมือนกับโทรศัพท์ครั้งแรกมี 5 ตัว กท ก็ 5 ตัว คือว่ามีรถหลักแสนเท่านั้นครับ 99999 รถไม่เกิน เขาใช้ 5 ตัวอย่างนั้น เห็นไหมครับ และเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรครับ เดี๋ยวนี้ต้องทำหมวด หมวดไม่พอ ทำตัว 2 ตัว เดี๋ยวนี้ต้องแก้ไขกัน เพื่อให้ใช้ได้สัก 30 ล้านคัน กรุงเทพฯมีประชากรจดทะเบียน 6 ล้าน ไม่จดอีก 4 ล้าน กรุงเทพฯ ขยายจากเขตเทศบาล 240 ตารางกิโลเมตร เป็น 1,568 ตารางกิโลเมตร หมดกรุงเทพฯ เลยครับ เป็นเทศบาลหมดทั้งกรุงเทพฯ เลย แล้วยังไงประชากร 10 ล้าน รถยนต์หลายล้านครับ ทั้งรถเก๋ง รถบรรทุก รถปิกอัพ รถมอเตอร์ไซค์ หลายล้านคัน เข้าออกกรุงเทพฯ นี่ละครับรถติดก็เลยเป็นทุกข์ พอเป็นทุกข์แล้วทำอย่างไร มาวิธีจะทำจะแก้ทุกข์ เราไปหาสมุทัย สมุทัยรู้แล้ว กรุงเทพฯ มีทางเข้าออกอยู่ 3 ทางเท่านั้นครับ 50 ปีก่อนมีเท่านั้นครับ 3 เส้น แล้วเป็นไงทุกคนก็ไหลมาเข้ากรุงเทพฯ และออกไปจากกรุงเทพฯ ต่อมามีอีก 3 เส้นครับ มีถนนสุวินทวงศ์ ถนนบรมราชชนนี ถนนธนบุรี-ปากท่อ มี 6 เส้นเท่านั้นเองครับ แต่ว่าวันหนึ่งเราจะเป็นคนมีหน้าที่

ผมเคยเล่าให้ฟัง ผมไปทำงานอยู่ลอนดอนอยู่ 2 เดือน ผมทำงานที่ Birmingham เช้าไปเย็นกลับอยู่ลอนดอน กลับทางโน้นก็ได้กลับทางนี้ก็ได้ ถามคนขับว่าทำไมไม่กลับทางเมื่อวาน เขาบอกว่าลอนดอนมีทางเข้าเมือง 29 ทาง ทำไมทำอย่างนั้น เขาบอกมีถนนวงแหวน นั่นละครับกลับมาจากเมืองนอก ผมเอาแผนที่กรุงเทพฯ ขาวดำมา แล้วขีดวง ๆ ดูเลย แล้วนับดู ขีดวงที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ละครับ วงแหวนรอบนอก 148 กิโลเมตร ที่ใครต่อใครบอกผมว่า สมัครนี่เซลล์แมนฝันเฟื่อง นี่ละครับผมเป็นคนขีดเอง รูปร่างเหมือนพระขุนแผนนี่ละครับ สูงขึ้นไปอย่างบนถึงประตูน้ำพระอินทร์ ลงมาข้างล่างถึงสุขสวัสดิ์ รูปร่างเหมือนพระขุนแผนนี่ 148 กิโลเมตร มีทางเข้ากรุงเทพฯ 19 ทาง 19 เส้นทางจาก 6 เป็น 19 เห็นไหมครับ จะสะดวกขึ้นอย่างไรรู้ไหมครับ สะดวกขึ้นแน่ พ

ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 36 พรรษา พระราชทานให้ว่า ทำถนนถวายเป็นวงแหวนรอบใน รัชดาภิเษกนั่นไงครับ รัชดาแปลว่าเงินนะครับ 36 พรรษา รัชดาภิเษก ถนนวงแหวนรอบใน 40 กิโลเมตร รอบกลางมีไหมครับ รอบกลางมีครับ ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรี กรมทางหลวงไม่ค่อยจะทำ เขาทำแต่ทางออก แต่ข้างในนั้น ตรงไหนที่ไม่ใช่กรมทางหลวงรับผิดชอบ กรมโยธาธิการขอทำสะพานนครอินทร์ กรมโยธาฯ สร้างสะพาน เพราะไม่มีหัวไม่มีท้าย พอไม่มีหัวไม่มีท้าย กรมโยธาฯ เขาก็ขอทำถนน แต่ก่อนนี้เขาทำสะพานพระนั่งเกล้าที่เมืองนนท์ ทำเสร็จไม่มีหัวไม่มีท้าย เขาเลยขอทำถนนให้อำเภอเมือง 4 กิโลเมตรออกไปที่รัตนาธิเบศร์ 8 กิโลเมตร ได้ทำทาง 12 กิโลเมตร กรมโยธาฯ เลยมันนะครับ ผมก็ขีดเลยครับวงแหวนรอบกลางออกจากสะพานนครอินทร์ ลากยาวตรงโน้น ชัยพฤกษ์ ยาวไปเลย แล้วไปดูเถอะครับขาดอยู่อีกตอนเดียวเท่านั้นเอง เพราะว่าไปเอาสุขสวัสดิ์ไปถึงปู่เจ้าสมิงพราย ลากปู่เจ้าสมิงพรายข้ามฟากไป และไปถนนยังไม่ต่อกันนะครับ ขยักนิดหนึ่งอยู่หน้าศาลเจ้าอยู่ที่เทพารักษ์ เทพารักษ์เลี้ยวขวามาถนนศรีนครินทร์ลากมาถึงนั่น ถนนศรีนครินทร์มาจนถึงถนนไปต่อเชื่อมกับเวลานี้แต่ก่อนชื่อสุขาภิบาล 1 เดี๋ยวนี้ชื่อ นวมินทร์ ศรีนครินทร์ต่อเชื่อมกับนวมินทร์ พัวะเมื่อไรก็จะครบวงจรเป็นวงแหวนรอบกลาง เห็นไหมครับ วนรอบนอก รอบกลาง รอบใน ลองควั่นกันสิครับ ควั่นยังไง ถนนบรมราชชนนีก็เป็นถนนควั่นครับ ถนนที่กำลังนี้ออกไปจากสามแยกไฟฉายก็เป็นถนนควั่น และก็ตรงไหนควั่น ๆ ถ้าควั่นหมดเป็นใยแมงมุม

นี่ไงละครับว่า เมื่อรู้สมุทัยแล้ว เราก็มาถึงมรรค คือนิโรธ ปัจจุบันนี้พอสบายไหมครับ พอสบายไม่ถึงกับนิโรธ แต่ว่าสบายกว่าเดิมไม่ติดขัด มรรคคือหนทาง พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ มรรคมีองค์ 8 มี 8 หนทางที่ไปสู่ความดับทุกข์ เห็นไหมครับ ที่ทำถนนจริงๆ มีมากกว่า 8 อีกครับ มี 19 เส้นทาง และมีวงแหวนใส่เข้าไป 3 วง จะมีถนนควั่น ๆ เป็นใยแมงมุม นี่ละครับพุทธศาสนาของเรา พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ไว้ วันเพ็ญเดือน 6 เมื่อพระชนมายุ 29 บวก 6 ก็ 35 ตรัสรู้เมื่ออายุ 35 เสร็จแล้วก็ทรงสั่งสอนบรรดาทั้งหลายทั้งปวงไป 45 ปี พุทธศาสนาเจริญก้าวหน้ามาเพราะเหตุว่า ในที่สุดหลังจากอ่านแล้ววิเคราะห์วิจารณ์แล้ว ทำไมอยู่ยืนยงคงกระพันอย่างนี้ ไม่บังคับขู่เข็ญใครเลย ไม่ต้อง ๆ ต้องบวชไหม ควรจะบวช ต้องนั่นไหม ไม่ต้อง ต้องไปวัดไหม ควรจะไป ควรทั้งนั้นละครับ อยู่มาได้ 2,500 ปี เพราะศาสนาของเรานั้นมีการวิเคราะห์วิจารณ์ และมีหลักฐานด้วย เป็นวิทยาศาสตร์ ก็เป็นความจริง ของเราเชื่อเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ชีวิตเวียนว่ายเวียนวน

ฝรั่งอังกฤษเพิ่งจะค้นพบมา 150 ปีเท่านั้นครับ Evolution of Life ชีวิตวัฒนา เกิดจากตัวยิบ ๆ ๆ ขึ้นมา จากตรงนั้นขึ้นมายิบ ๆ สัตว์เซลล์เดียวขึ้นมา ต่อมาเป็นลูกอ๊อด ต่อมาเป็นสัตว์หางหายไปเป็น 4 เท่า กระโดดขึ้นมาครึ่งบกครึ่งน้ำ ขึ้นมามือไปเกาะข้างบนเป็นลิง ลิงก็กลายเป็นคน เป็นคนเสร็จเจริญก้าวหน้า ตายลงไป ๆ ก็เป็นยิบ ๆ เป็นสัตว์เซลล์เดียวอยู่ในน้ำอีก เรียกว่า Evolution of Life ปรากฏว่าในพระไตรปิฎกได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ครับ ตัวยิบ ๆ นี่พระพุทธเจ้าเรียกว่า กล (กะละ) สัตว์เซลล์ยิบ ๆ ก็วัฒนาขึ้นมาจนกระทั่งไป และกลับไปเป็นวงจร นี่เป็นวิทยาศาสตร์ครับ แน่นอนถ้าใครอยากจะอ่านเข้าใจง่าย ๆ ไปอ่านหนังสืออาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ชื่อ “ห้วงมหรรณพ” อาจารย์คึกฤทธิ์เล่าถึงเรื่องนี้ไว้เลยครับ อยู่ยงคงกระพันมาได้ พระพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์และยังเป็นประชาธิปไตยอีก เป็นอย่างไรประชาธิปไตย ประชาธิปไตยเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานเท่าไร อังกฤษก็ 750 ปี ไทยเพิ่ง 76 ปี แต่ประชาธิปไตยนั้นเทียบได้กับหลักกาลามสูตร หลักกาลามสูตรบอกอย่าเชื่อ 10 อย่าง อย่าเชื่อเพราะบอกเล่ากันมา อย่าเชื่อเพราะคนบอกเป็นครูบาอาจารย์ อย่าเชื่อเพราะพ่อแม่ ให้ใช้วิจารณญาณของตัวเองเสียก่อน ก่อนจะเชื่อ เห็นไหมครับนี่เป็นประชาธิปไตยครับ ให้ใคร่ครวญให้ดีเสียก่อนถึงจะเชื่อ ไม่ให้เชื่อทันที หลักอย่างนี้ครับ เพราะฉะนั้น พุทธศาสนาของเรานั้น ที่สหประชาชาติรับเอามาไว้เป็นสากล วันพรุ่งนี้เป็นวันฉลอง วันนี้มีประชุมที่สหประชาชาติ ผมเสร็จผมจะต้องเลิกรายการเร็วกว่า ประเดี๋ยวผมจะต้องไปช่วยเขารับบริจาคหน่อย แล้วผมจะต้องไปอ่านสุนทรพจน์ มาจากนานาชาติทั่วไปเลยครับ ชาติไหนกำลังเท่าไรไม่ทราบได้ มากันแล้วมาประชุม ต้องไปอ่านสาร

เพราะฉะนั้นจะเรียนท่านที่เคารพว่า วันนี้เอาเรื่องธรรมะธรรมโมอย่างเดียวเท่านั้นครับ เริ่มต้นด้วยเรื่องเมื่อสักครู่นี้ก่อน ตอนนี้เรื่องจริง ๆ ก็คือว่าขอเชิญชวนท่านที่เคารพว่า วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของเรามีไม่กี่วันหรอกครับ แต่ว่าคนไทยร้อยละ 95 นับถือศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ใคร ๆ ในโลกเขาหันมาสนใจ แต่คนเราเองนั้น แน่นอนครับใคร ๆ ก็เคารพนับถือพุทธศาสนา แต่ว่าไม่ศึกษา วันนี้ถ้าจะชักชวนกันหน่อยคือว่าอยากให้ศึกษาครับ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของพระศาสดาของเรา ก็อ่านประวัติของท่านหน่อยสิครับ แล้วดูว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้อะไร อย่างที่ผมว่า แล้วดูว่าของดีในพระพุทธศาสนามีอย่างไรบ้าง ถ้ารายการนี้มีได้พูดถึงเที่ยงก็ยังไม่จบครับ หมายความว่าจะเล่าให้ฟังพอสมควรเท่าที่ผมรู้นะครับ คือเมื่อเวลานี้ 3 พระรัตนตรัย อริยสัจ 4 ศีล 5 แล้วถัดไปมีทิศ 6 พระพุทธเจ้าสอนเรื่องทิศ 6 คุยกันได้เยอะ มีโภชชงค์ 7 โภชชงค์นี่ยากหน่อยครับต้องอธิบายกันพอสมควรทีเดียว มีมรรค 8 อย่างเมื่อสักครู่นี้ มีนวโกวาท เวลาที่พระบวชใหม่ต้องมีนวโกวาท มีทศพิธราชธรรม มีธรรม 10 ประการที่พระราชาพึงปฏิบัติ

เห็นไหมครับทุกอันมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ลองย้อนกลับไปดูสิครับว่าศีล 5 เป็นอย่างไร เรื่องศีล 5 นี้ไม่น่าเชื่อ ถ้าศีล 5 มีศีลมากกว่านี้ มีครับ ผมเรียกว่ารัฐธรรมนูญพระ เวลาที่ใครจะบวชใครจะเป็นศิษย์ตถาคตต้องถือศีล 227 ข้อ นี่ละครับรัฐธรรมนูญพระ 227 ข้อ 2,500 กว่าปีไม่เคยมีใครเปลี่ยนแปลง สังคายนากันมา 3 หนแล้ว ก็ยังไม่ต้องไปแก้ไข ยังไม่เอาอันนี้ออก ยังไม่เพิ่มมาตรา มี 227 มาตรานี่ละครับ ยังเหมือนเดิมครับ เป็นศิษย์ตถาคตต้องถือ 227 ถ้าบวชเณร 10 ก็เอา 10 ถ้าเผื่อว่าเป็นอุบาสกอุบาสิกา เอา 8 และถ้าคนธรรมดา 5 เห็นไหมครับ ศีลแปลว่าปกติ พระพุทธเจ้าท่านนึกอย่างไรของท่านที่ใช้ภาษาชาวบ้านหน่อย ท่านทรงคิดอย่างไรนะครับ ว่าเมื่อ 2,500 กว่าปีนั้นชีวิตคนเราไม่เหมือนชีวิตปัจจุบันนี้เลย แต่ท่านลองดูสิครับ ศีล 5 นี้ ศีลข้อ 1 ศีลปาณาติปาตา ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ ศีลข้อ 2 ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของเราเอง ศีลข้อ 3 ไม่ผิดลูกผิดเมียคนอื่นเขา ศีลข้อ 4 รักษาวาจาสัตย์ ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุรายาเมาทางประมาท ศีล 5 ข้อนี่ละครับ คนไทยอย่างน้อยที่สุดควรจะว่าบาลีได้ ศีลเรื่องปาณาติปาตาเวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ อทินนา ทานา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ กาเมสุมิจฉา จารา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ มุสาวาทา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี เสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ 55 ข้อนี่ละครับ

ถ้าท่านถือศีล 5 ข้อ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านให้ไว้ว่าคนธรรมดาควรจะมี ลองหลับตานึกสิครับ ท่านลองไปดูหนังสือพิมพ์ จะหัวเขียวหัวแสดหัวม่วงต่าง ๆ ไปเปิดดูเช้า ๆ สิครับ ศีลข้อ 1 นี้ถ้าเราถือศีลข้อ 1 คือไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไปดูสิครับ มันฆ่ากันทุกวันไหม ฆ่ากันทุกวันครับ ถ้าเราถือศีลข้อ 1 ซวยจริง ๆ ก็ถูกเขาฆ่า แต่เราจะเป็นคนฆ่าเขาไม่มี จะไปนั่งเป็นจำเลยอยู่ที่โรงพักไม่มีละครับถ้าถือศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ศีลข้อ 2 ละครับ ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ไม่ลักไม่วิ่งไม่ชิงไม่ปล้น ลักก็ลักทรัพย์ วิ่งก็วิ่งราวทรัพย์ ชิงก็ชิงทรัพย์พร้อมกับปล้นทรัพย์ ถ้าเราไม่ไปประพฤติอย่างนั้นถือศีลข้อ 2 ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเราเอง ซวยจริง ๆ ก็ถูกเขากระชากสร้อยคอ มองอย่างนั้น ถูกขโมยของลักทรัพย์ แต่ถ้าเราประพฤติศีลข้อ 2 ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของเรา เราก็ไม่เป็นจำเลย ไม่ต้องไปนั่งอยู่บนโรงพัก ไม่ต้องไปถูกขังอยู่อย่างนั้น เห็นไหมครับศีลข้อ 2 ศีลข้อ 3 ไม่ไปผิดลูกผิดเมียใครเขา อย่างไรครับ หน้าหนังสือพิมพ์มีทุกวันครับ ฆ่ากันตายมีทุกวัน ลักขโมยทรัพย์มีทุกวัน ศีลข้อ 3 มีไหมครับ มีครับ มี 3 คน มีชู้ มีผัว มีเมีย ชู้ผัวเมีย 3 คนไม่ล่อใครก็ใครล่อกันทุกวันครับเพราะว่าไม่ถือศีลข้อ 3 เห็นไหมครับ ศีลข้อ 4 ละครับ มีไหม มีครับ เดี๋ยวนี้เพลาไปหน่อย เขียนเช็คครับ เอาเงินเขามา เอาเช็คเข้า ถึงเวลาไม่เข้า ไม่รักษาวาจาสัตย์ที่ตกลงกันไว้ นั่นละครับมีเป็นข่าวเกือบทุกวันเหมือนกันศีลข้อ 5 ก็แปลว่าประมาท พอประมาทก็ไปดื่มสุรายาเมา ไปนอนตายอยู่ข้างถนน แต่ก่อนถ้าใครไปดมดูก็เหล้าคลุ้ง เดี๋ยวนี้ดมไม่มี ผ่าท้องมาดูมียาม้ายาหมาอยู่ข้างใน อย่างนั้นละครับ เสพสุรายาเมาแล้วตั้งอยู่ในความประมาท

วันนี้ไม่ตั้งใจจะเทศน์นะครับ วันนี้มาถึงแค่เขาเรียกว่าเบญจศีลครับ จริง ๆ จะต้องไปเบญจธรรมต่อ เขายกป้ายทำสัญญาณ 15 นาที เหลือ 10 นาทีแล้วครับ ผมจะต้องย้ายห้องไปห้องรับบริจาคหน่อยครับ ทำหน้าที่ให้ครบถ้วน เดี๋ยวจะไปอ่านสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ ท่านรับทางโน้นนะครับ ตัดกล้องไปทางห้องโน้นเลย เดี๋ยวผมจะตามไปครับ



กำลังโหลดความคิดเห็น