ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..เสียงเคาะประตูห้องพักรัวขึ้นอย่างดังตั้งแต่เช้ามืด ทำเอา"ผู้จัดการท่องเที่ยว" เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยอาการงัวเงียเมาขี้ตา รีบเดินมาเปิดประตูอย่างเร็ว
"เอ้า!! มัวแต่แคะขี้ตาอยู่ได้ รีบไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันเร็ว เดี๋ยวจะไปไม่ทันดูทะเลหมอก" เสียงของเพื่อนร่วมทริปที่เดินมาเคาะประตูห้อง รีบเร่งบอกถึงภารกิจที่ต้องรีบทำ
หลังจากที่ได้รับคำสั่งมาดังนั้น เราจึงรีบเร่งจัดการกับภารกิจส่วนตัวให้สรรพเสร็จ และพร้อมที่จะออกไปตะลุยท่องเที่ยวในทริปนี้ โดย"ผู้จัดการท่องเที่ยว" และผองเพื่อนนักเดินทางได้พากันเดินทางมาเที่ยวกันที่ บ้านนบ ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ที่นี่เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจ ถึงขนาดได้รับรางวัลหมู่บ้านหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (Otop Village Champion : OVC) จากกรมพัฒนาชุมชนในปี 2549 และได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยว จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในปี 2550
บ้านนบแห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นที่ราบสูงสลับกับภูเขา ชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ว่า "อ่าวกรุงชิง" โดยชื่อกรุงชิงนั้นมาจากชื่อของ "ต้นชิง" ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ตระกูลปาล์มที่พบมากในบริเวณนี้ ที่กรุงชิงแห่งนี้มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงามมาก โดยชาวบ้านนบได้รวมตัวกันและจัดตั้งเป็นกลุ่ม"ทะเลหมอกกรุงชิง"ขึ้นมา เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติและจัดกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้แก่นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวกัน
ดังโปรแกรมท่องเที่ยวในยามเช้านี้ที่พวกเราจะไปสัมผัสก็คือ การไปดูทะเลหมอกบนเขาเหล็ก ดินแดนที่ครั้งอดีตเคยเป็นเหมืองแร่เหล็กมาก่อน ก่อนจะปิดตัวลงไปเมื่อปี พ.ศ. 2512 เขาเหล็กเป็นภูเขาที่มีความสูงประมาณ 330 เมตร ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันพัฒนาให้กลายมาเป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่มีให้ชมเกือบตลอดทั้งปี
เมื่อมาถึงเขาเหล็กแล้วพวกเราต้องออกแรงเดินเท้าขึ้นเขาไปยังจุดชมทะเลหมอกด้านบน ที่เป็นลานโล่งกว้างราบเรียบที่ยังคงมีพวกเศษสนิมแร่เหล็กสีแดงให้เห็นอยู่ จากจุดด้านบนนี้เมื่อพวกเรามองไปยังขุนเขาเบื้องหน้าก็จะได้เห็นภาพของภูเขาลูกน้อยใหญ่ตั้งสลับลดหลั่นกันไปแบบสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับมีสายหมอกสีขาวบางๆ ลอยคลอเคลียอยู่ตามยอดเขาในอ่าวกรุงชิง เป็นภาพที่งดงามชวนให้เคลิบเคลิ้มไปกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์
พวกเราได้ดื่มด่ำชมทะเลหมอกพร้อมกับได้นั่งจิบชา กาแฟ และกินขนมอย่างสบายอารมณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการของกลุ่มทะเลหมอกกรุงชิงเขา บนเขาเหล็กนี้นอกจากจะเป็นจุดชมทะเลหมอกแล้ว ยังมีบ่อริง เป็นบ่อหลุมลึกกว่า 12-14 ม. ที่ถูกเจาะขึ้นเพื่อทดสอบดูคุณภาพของแร่บนเขานี้ และยังมีพรรณไม้ ให้ได้ชมกันด้วยไม่ว่าจะเป็นโชน (เป็นเฟินดินชนิดหนึ่ง) ต้นมังเร ต้นสามร้อยยอด และยี่โถปีนัง เป็นกล้วยไม้ดินออกดอกบานชูช่ออวดความงามแก่นักท่องเที่ยว
พอพระอาทิตย์เริ่มสาดแสงแรง พวกเราก็พากันเดินลงจากเขาเหล็ก เพื่อจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่เที่ยวต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญที่ไม่ไปเที่ยวก็เหมือนมาไม่ถึงกรุงชิง สถานที่เที่ยวที่ว่านั้นก็คือ น้ำตกกรุงชิง ที่ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขาหลวง และเดินทางมาเที่ยวน้ำตกกรุงชิงในทริป พวกเราได้พี่สุทธิเดช โฆษะ หรือพรานจ้อง อาสามาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ พาพวกเราเดินป่าศึกษาธรรมชาติ และพาไปชมน้ำตกกรุงชิงที่ลือชื่อว่าสวยงามมาก
เมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติเขาหลวง พรานจ้องพาพวกเราเดินเข้าสู่ป่า ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางกว่า 3.7 กม. ใช้เวลาในการเดินทางไปกลับก็ประมาณ 3 ชม. เส้นทางเดินป่าแห่งนี้ถือว่าเดินไม่ลำบากมากนัก เพราะทางอุทยานฯ ทำเป็นทางเดินปูนซีเมนต์ให้เดินสบายๆ จะมีบ้างบางช่วงเป็นทางชันที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินกันสักนิด
ระหว่างทางที่เดินเข้าป่า พรานจ้องได้เล่าให้พวกเราฟังว่า เมื่อก่อนพื้นที่ป่าแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์การต่อสู้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2524 ฝ่ายรัฐบาลก็สามารถยึดพื้นที่ป่ากรุงชิงคืนมาได้
พวกเราจึงได้พบกับร่องรอยประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ยังคงทิ้งไว้ให้ได้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็นหลุมขวาก ที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ทำขึ้นโดยขุดหลุมแล้วนำไม้แหลม หรือหนามต่างๆ ลงไปปักไว้ เพื่อขัดขวางฝ่ายตรงข้ามในการเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ มีบันไดสามขั้น ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของฝ่ายคอมมิวนิสต์ ตรงจุดนี้มีทหารฝ่ายรัฐบาลมาเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก มีศาลาประตูชัย ที่ ณ ตอนนี้กลายมาเป็นที่นั่งพักเหนื่อยได้เป็นอย่างดี และใกล้ๆ กันนั้นพรานจ้องได้ชี้ชวนให้พวกเราดูเถาวัลย์ยักษ์ ที่มีขนาดใหญ่มากๆ ขนาดที่ว่าพรานจ้องปีนขึ้นไปนั่งไปนอนบนเถาวัลย์ได้อย่างสบายๆ
พอได้นั่งพักขากันสักครู่ พวกเราก็เดินทางต่อและได้พบกับร่องรอยประวัติศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย อาทิ สนามบาสเก็ตบอล ถ้ำดอนเมือง (ใช้สำหรับหลบภัยทางอากาศ) ถ้ำเกลือ ศาลาฝนแสนห่า และก็ได้พบกับความอุดมสมบูรณ์ของป่าผืนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลุมพอยักษ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่ในป่า และได้เห็นต้นชิง เจอปูภูเขา เห็นร่องรอยของหมูป่า เจอทาก และได้ยินเสียงนกนานาพันธุ์ร้องตลอดทางที่เดินไป
หลังจากที่เดินเข้าป่ากันมาได้ไกลพอควร พวกเราก็เริ่มได้ยินเสียงน้ำตกกัน พรานจ้องให้ข้อมูลว่า น้ำตกกรุงชิงมีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีชื่อเรียกแต่ละชั้นคือชั้นที่1. หนานมัดแพ 2. หนานฝนแสนห่า 3. หนานปลิว 4. หนานจน 5. หนานโจน 6. หนานต้นตอ 7. วังเรือบิน
พวกเราได้เจอกับน้ำตกชั้นที่ 7 ก่อน และค่อยๆ เดินลงไปสู่น้ำตกชั้นต่อๆ ไป ซึ่งเส้นทางเดินลงสู่น้ำตกแต่ละชั้นนั้นช่างลาดชันและแคบเดินแล้วเสียวไส้เอาการและในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงยังน้ำตกชั้นที่ 2 ที่ชื่อว่า"หนานฝนแสนห่า"ที่ได้ชื่อว่าสวยงามเป็นที่สุด จนได้ถูกนำเอาภาพน้ำตกไปตีพิมพ์ลงในธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท (แบบเก่าที่เป็นใบใหญ่)
ชั้นน้ำตกหนานฝนแสห่าที่พวกเราได้เห็น งดงามจับใจมากๆ ภาพของสายน้ำสีขาว ที่พุ่งตกมาจากหน้าผาสูงชันกว่า 100 ม. ไหลลงมาตามชั้นหิน และแตกกระจายเป็นแผ่นกว้างไม่ต่างกับฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก และตกลงสู่แอ่งเบื้องล่าง เป็นชั้นน้ำตกที่สวยงามสมคำล่ำลือจริงๆ
ที่ชั้นหนานฝนแสนห่านี้สามารถลงไปเล่นน้ำได้ แต่พวกเราขอแค่ได้นั่งชื่นชมกับความงามและดื่มด่ำกับธรรมชาติอันพิสุทธิ์ และมีละอองของสายน้ำตกเย็นๆ มากระทบผิวกายสร้างความชุ่มฉ่ำใจ ก็ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง และสุขใจเป็นที่สุดแล้วที่ได้มาชมน้ำตกกรุงชิงที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกแห่งนี้ด้วยตาตัวเอง
หลังจากได้ชื่นชมกับความงามของน้ำตกกรุงชิงกันจนเต็มอิ่มแล้ว พรานจ้องก็พาพวกเราเดินทางออกจากน้ำตกกรุงชิงมาตามเส้นทางเดิม จนกระทั่งออกมายังที่ทำการอุทยานฯ อีกครั้ง พรานจ้องก็ขอตัวลาจากการเป็นไกด์
แต่ใช่ว่าทริปเที่ยวของพวกเราจบลงแค่นี้นะ เพราะว่าพวกเรายังมีจุดหมายที่เที่ยวสุดท้ายที่รอให้พวกเราไปผจญภัยกับสายน้ำ ด้วยการล่องแก่งคลองกลาย หรือแก่งหินดาน
เมื่อพวกเราไปถึงยังจุดล่องแก่งก็มีชาวบ้านที่เป็นเจ้าหน้าที่มารอรับอยู่แล้ว การล่องแก่งคลองกลายจะมี 2 ระยะทางให้เลือก คือมีระยะทางยาว 6 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. กับระยะทางสั้นที่พวกเราเลือกผจญภัยในทริปนี้ คือ ล่องตั้งแต่ปากคลองพิตำไปถึงลานหินดาน ระยะทาง 2.5 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
พวกเราจัดแจงใส่เสื้อชูชีพเรียบร้อย และก็ขึ้นรถกระบะเพื่อนเดินทางไปยังจุดล่องแก่ง ซึ่งมีเรือยางลำเล็ก และลำใหญ่ จอดคอยท่าพร้อมฝีพายประจำลำเรือ พวกเราแยกย้ายกันขึ้นเรือยาง จากนั้นก็พร้อมใจกันพายเรือล่องไปตามเกาะแก่งของสายน้ำคลองกลายที่มีอยู่มากมายหลายสิบแก่ง บางแก่งที่ล่องไปก็ได้เจอกับสายน้ำไหลเชี่ยวแรง พาเรือยางลัดเลาะผ่านแก่งไปได้อย่างหวาดเสียว เรียกเสียงกรี๊ดสนุกสนาน บางช่วงก็เป็นแก่งเล็กๆ เรือยางไหลล่องไปอย่างสบายๆ และยังมีจุดจอดเรือให้พวกเราได้พักเหนื่อย เล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลิน
และตลอดเส้นทางของการล่องแก่ง นอกจากพวกเราจะได้สนุกสุดมันกับการฝ่าแก่งมากมาย พร้อมกับได้ชื่นฉ่ำกับสายน้ำคลองกลายอันใสเย็นแล้ว ยังได้สัมผัสกับทัศนีย์ภาพสองข้างทางของเส้นทางที่ล่องแก่งไปครึ้มเขียวขจีไปด้วยแนวป่าแมกไม้ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้เมืองใต้ ที่รอให้นักท่องเที่ยวได้ลองหาโอกาสเดินทางมาเที่ยวกันดู แล้วจะได้รู้ว่าพวกเราไม่ได้....ขี้ฮก อยากชวนให้มาเที่ยวกันจริงๆ ที่ "กรุงชิง" แห่งนี้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สถานที่ท่องเที่ยวใน ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมาก อาทิ น้ำตกกรุงนาง เป็นน้ำตกขนาดกลางมี 3 ชั้น รายล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม ถ้ามาเที่ยวที่น้ำตกกรุงนางไม่ควรพลาดกิจกรรมการโรยตัวจากชั้นที่ 2 ของน้ำตกซึ่งมีความสูง 30 ม. และถ้าใครชอบเที่ยวถ้ำก็มีถ้ำให้เที่ยวอย่าง ถ้ำหงส์ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขานัน เป็นถ้ำที่มีความยาวประมาณ 300 ม. มีธารน้ำไหลผ่านตลอดถ้ำ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตาที่สวยงาม มีค้างคาวอาศัยอยู่มาก และมีน้ำตกมากกว่า 5 ชั้นไหลลงสู่แอ่งน้ำเล็กๆ อยู่ภายในถ้ำ และยังมีถ้ำตลอด ถ้ำขุนคลัง ถ้ำหนุมาน และมีบ่อน้ำร้อน เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สามารถมานั่งแช่เท้าแช่ตัวเพื่อสุขภาพ
นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มทะเลหมอกกรุงชิง ติดต่อคุณกาญจนา นนทามิตร โทร. 08-1080-1441 กิจกรรมโรยตัวที่น้ำตกกรุงนาง ติดต่อคุณเอกรินทร์ จันทร์ชุม โทร. 08-2271-7817