xs
xsm
sm
md
lg

ยลยุโรปในเอเชีย "มาเก๊า" เดินเท้าท่องมรดกโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล
เพียงสองชั่วโมงจากประเทศไทย บินลัดฟ้ามาแค่เดี๋ยวเดียวยังไม่ทันพ้นทวีปเอเชีย เราก็ได้สัมผัสกลิ่นอายแบบยุโรปกันได้แล้ว บรรยากาศเช่นนี้หาได้ที่ "มาเก๊า" เขตปกครองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน

เหตุที่ทำให้มาเก๊า ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของความเป็นเมืองแห่งคาสิโนกลับมีบรรยากาศเช่นนั้นไปได้ ก็เพราะในช่วงระยะเวลา 400 กว่าปีที่โปรตุเกสเข้ามาครอบครองมาเก๊า และบุกเบิกให้มาเก๊ากลายเป็นเมืองท่าทางการค้าที่สำคัญนั้น เป็นช่วงเวลานานมากพอที่จะทำให้เมืองเล็กๆ ริมทะเลของมณฑลกวางตุ้งมีบรรยากาศและกลิ่นอายของความเป็นยุโรปอยู่อย่างเต็มที่ เพราะตึกรามบ้านช่องต่างๆได้ปลูกสร้างขึ้นโดยมีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก แต่ความเป็นจีนที่ฝังรากลึกมานานก็ยังคงอยู่ แต่ได้ผสมกลมกลืนกันจนเกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ของชาวมาเก๊าขึ้น
จัตุรัสเซนาโด โดดเด่นด้วยลวดลายคลื่นบนพื้นถนน
ด้วยเสน่ห์อันน่าสนใจนี้เอง ที่ทำให้องค์การยูเนสโกขึ้นบัญชีให้มาเก๊าเป็น "มรดกโลก" เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก จนทำให้ทุกวันนี้ชื่อเสียงของมาเก๊าเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวในแง่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันมีเสน่ห์แบบ "ยุโรปในเอเชีย" ควบคู่กับชื่อเสียงที่เล่าลือมาแต่เดิมที่ว่ามาเก๊าเป็น "ลาสเวกัสในเอเชีย"

แหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในมาเก๊านั้นประกอบด้วยทัศนียภาพของถนนและจัตุรัสต่างๆ อาทิ จัตุรัสบาร์รา จัตุรัสลีเลา จัตุรัสเซนาโด เป็นต้น โดยในบริเวณจัตุรัสต่างๆ นี้ ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงอีกหลายแห่งด้วยกัน สำหรับผู้ที่ชอบการเดินชมบ้านเมืองแล้ว การได้เดินชมแหล่งมรดกโลกเหล่านี้ถือเป็นความเพลิดเพลินอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว ว่าแล้วก็เดินชมไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า
อนุสาวรีย์แห่งมิตรภาพระหว่างจีนและโปรตุเกส
เริ่มจากจุดที่เป็นสัญลักษณ์ของมาเก๊ากัน ที่ "ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล" ที่อยู่บริเวณจัตุรัสคอมพานี ออฟ จีซัส ซากประตูโบสถ์แห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกไฟไหม้ทำลายจนเหลือเพียงแค่ประตูด้านหน้าเท่านั้น แต่แม้จะมีเพียงซากประตู แต่ก็ยังเห็นความใหญ่โตงดงามอลังการได้อย่างเด่นชัด ตัวประตูโบสถ์นั้นตั้งอยู่บนเนินเขา มีบันไดกว้างนำสายตาขึ้นไปทำให้ยิ่งขับความอลังการของประตูโบสถ์ให้มากขึ้น จึงไม่แปลกเลยที่สถานที่แห่งนี้ถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของมาเก๊าแม้จะเหลือเพียงซากประตูก็ตาม

เดินกันต่อมาที่จัตุรัสเซนต์ โดมินิค ซึ่งมีสถานที่สำคัญอย่าง "โบสถ์เซนต์ โดมินิค" โบสถ์ที่ได้รับยกย่องว่ามีศิลปกรรมทางศาสนาที่งดงามที่สุด เมื่อเราเข้าไปชมด้านในก็พบว่าเงียบสงบและสวยงามสมเป็นศาสนสถานจริงๆ ระหว่างทางจากซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลมายังจัตุรัสเซนต์ โดมินิคนี้ก็จะมีร้านขายของฝากประเภทขนมอยู่หลายร้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้อัลมอนด์ ทาร์ตไข่ หรือหมูแผ่นอันเป็นของกินขึ้นชื่อของมาเก๊าก็มีให้เลือกซื้ออยู่หลายร้าน แต่ละร้านก็จะมีคนคอยหยิบยื่นขนมให้ชิม ชอบใจร้านไหนก็เลือกซื้อกันได้เลย
สำนักแห่งความเมตตา ใกล้กับจัตุรัสเซนาโด
แต่หากยังไม่อยากเสียเงินหรือถือของพะรุงพะรัง ก็เดินกันต่อมาที่จัตุรัสเซนาโด ซึ่งเป็นศูนย์รวมของชาวเมืองเวลามีเทศกาลต่างๆ มาช้านาน จนมาถึงปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่เช่นเดิม เมื่อรวมจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปด้วยก็ยิ่งมีผู้คนพลุกพล่านเข้าไปใหญ่ โดยความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของจัตุรัสเซนาโดนี้ก็อยู่ที่พื้นถนนที่ปูด้วยกระเบื้องเป็นลวดลายลอนคลื่น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในท้องทะเล และอาคารต่างๆ ที่อยู่รายล้อมจัตุรัสนั้นก็เป็นอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคสีสันสดใส ทำให้จัตุรัสแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ความงดงามภายในโบสถ์เซนต์ โดมินิก
และอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้จัตุรัสเซนาโดเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวก็เนื่องจากในย่านนี้ยังเป็นย่านช้อปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าเสื้อผ้าแฟชั่น ของที่ระลึก รวมไปถึงร้านเฟอร์นิเจอร์ต่างๆด้วยเช่นกัน

แวะพักกินกาแฟ หรือหาขนมอร่อยๆกินจนหายเหนื่อยแล้ว ก็เดินกันต่อมาอีกหน่อยก็จะเจอจัตุรัสคาธีดรัล ซึ่งมี "มหาวิหาร" (Cathedral) ที่สร้างเพื่ออุทิศให้พระแม่มาเรีย และเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่สำคัญที่สุดในมาเก๊า ตัวมหาวิหารดูเรียบๆ ประดับด้วยกระจกสี แลดูสง่างาม ภายในโบสถ์มีกระดูกของบิชอปอยู่หลายคนด้วยกัน
วัดอาม่า ศูนย์รวมจิตใจของคนมาเก๊า
ที่ "จัตุรัสเซนต์ ออกัสติน" ใกล้ๆกันนั้น ก็เป็นจัตุรัสเล็กๆ แต่น่ารักด้วยพื้นถนนที่ปูเป็นลวดลายดอกไม้ดอกใหญ่ บริเวณรอบจัตุรัสก็มีอาคารสวยงามอย่างโบสถ์เซนต์ ออกัสติน โรงละครดอม เปโดร ที่ห้า โรงเรียนนักธรรมและโบสถ์เซนต์โยเซฟ รวมไปถึงห้องสมุดเซอร์โรเบิร์ต โฮ ตุง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่น่าสนใจทั้งสิ้น

เดินถัดมาอีกหน่อยก็จะเจอ "โบสถ์เซนต์ ลอเรนซ์" ซึ่งเป็นหนึ่งในสามโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของมาเก๊า แต่โบสถ์หลังที่เห็นปัจจุบันนี้ได้บูรณะขึ้นใหม่เมื่อ ค.ศ.1846 เป็นอาคารแบบนีโอคลาสสิคผสมกับสไตล์บาร็อก
ประภาคารเกียสูงโดดเด่น
จากโบสถ์เซนต์ ลอเรนซ์ ห่างออกมาหน่อย เป็นที่ตั้งของจัตุรัสลีเลา ซึ่งมีความหมายว่า "น้ำพุบนภูเขา" เพราะที่นี่เคยมีน้ำพุธรรมชาติแหล่งใหญ่ของมาเก๊า มีคำพูดกล่าวไว้ว่า ผู้ใดที่ได้ดื่มน้ำจากลีเลาแล้วจะไม่มีวันลืมมาเก๊า บริเวณใกล้เคียงยังมี "คฤหาสน์ขุนนางจีน" (Mandarin’s House) ซึ่งเคยเป็นที่พักอาศัยของเฉิง กวน ยิง นักคิดชาวจีนผู้มีชื่อเสียง เป็นบ้านที่สร้างในสไตล์จีนโบราณแต่ก็มีกลิ่นอายของสไตล์ต่างประเทศอยู่นิดๆ และมี "ค่ายทหารชาวมัวร์" ที่เคยใช้เป็นที่พักอาศัยของกองทหารชาวอินเดียจากเมืองกัว ตัวอาคารเองก็มีอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามในการออกแบบด้วย
ก้อนหินแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณที่วัดอาม่า
มาถึงสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีตำนานที่มาของชื่อ "มาเก๊า" อยู่ด้วย นั่นก็คือ "วัดอาม่า" (A-Ma Temple) ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสบาร์รา วัดแห่งนี้ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมาเก๊า สร้างขึ้นเพื่อเป็นการถวายสักการะแด่อาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล โดยมีตำนานเล่าว่ามีหญิงสาวชื่อ "หลิงม่า" เป็นชาวฟูเจี้ยน ต้องการข้ามฝั่งมายังคาบสมุทรเอ้าเหมิน จึงขอโดยสารมากับเรือประมงลำเล็กๆลำหนึ่ง แต่ระหว่างที่เรือล่องอยู่ก็กลับมีพายุเกิดขึ้นทำให้เรือลำอื่นๆอับปางลง แต่ด้วยปาฏิหาริย์ก็ทำให้เรือของหลิงม่าเดินทางมาถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อก้าวเท้าขึ้นบนฝั่ง เธอก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและหายลับไป ชาวประมงทั้งหลายจึงเชื่อกันว่าเธอเป็นธิดาแห่งท้องทะเล และนับแต่นั้นดินแดนแห่งนี้ก็ได้รับการขนานนามว่า "อ่าวของอาม่า" อ่านเป็นภาษาจีนว่า "อามา เกา" และเพี้ยนมาเป็นมาเก๊าในปัจจุบัน โดยภายในวัดอาม่านั้นในมีก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่า เป็นจุดที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ผืนดินมาเก๊าอีกด้วย
โบสถ์เซนต์ โดมินิก
ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ (Mount Fortress) ปราการทางทหารที่สำคัญของเมือง อยู่ไม่ห่างจากโบสถ์เซนต์ แอนโทนีเท่าไรนัก แล้วก็ยังมีปราการเกีย ป้อมปราการสำคัญซึ่งมีทั้งหอสวดเกีย (Guia Chapel) ซึ่งมีภาพเขียนแบบเฟรสโกอยู่ภายใน และมีประภาคารเกีย ประภาคารทันสมัยที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกๆ บนชายฝั่งจีน และสิ่งละอันพันละน้อยอีกมากมายที่เดินเที่ยวชมกันได้แบบเพลินๆ

นอกจากในส่วนของพื้นที่ที่เป็นมรดกโลกนี้แล้ว มาเก๊ายังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เพราะยังมีอีกสองเกาะคือเกาะไทปา และเกาะโคโลอาน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอีกเช่นกัน
ทิวทัศน์เมื่อมองจากด้านบนซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"มาเก๊า" อยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ในอดีตมาเก๊าตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสนานถึง 400 ปี และกลับคืนสู่การปกครองของจีนเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1999

นักท่องเที่ยวสัญชาติไทย สามารถเดินทางเข้ามาเก๊าโดยไม่ต้องทำวีซ่า และเมื่อไม่นานมานี้สายการบินบางกอกแอร์เวย์ได้เปิดเส้นทางบินจากกรุงเทพไปถึงมาเก๊าให้บริการแล้ว สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเที่ยวบินโทร.1771 หรือ 0-2265-5555

กำลังโหลดความคิดเห็น