ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักลงทุนไทยจับมือร่วมพันธมิตรทางธุรกิจต่างชาติ ทุ่มเม็ดเงินกว่า 2.5 พันล้านบาท เนรมิตพื้นที่ว่างเปล่ากว่า 6 ไร่ย่านพัทยาใต้ ให้เป็นแหล่งธุรกิจเชิงวัฒนธรรม ที่มีทั้งโรงแรม พื้นที่จำหน่ายสินค้าและโรงละครเล็กนาฏยศาลา (โจหลุยส์) ภายใต้แนวคิดผุดป่าหิมพานต์กลางป่าแสงสี หวังดึงดูดความสนใจจากทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เห็น คุณค่าของศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่มีความสวยงาม และตระการตามากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าอนาคตจะผลักดันให้เป็นจัตุรัสวัฒนธรรมสำคัญของไทยเพื่อเผยแพร่ประเพณีและวัฒนธรรมไทยสู่เวทีโลก
ดร.กีรติ ธนศรีวนิชชัย เจ้าของและผู้อำนวยการ โครงการพัทยาซิตี้วอล์ก โครงการที่เกิดจากการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศภายใต้เม็ดเงินกว่า 2.5 พันล้านบาท เพื่อเนรมิตพื้นที่ว่างเปล่ากว่า 6 ไร่ใจกลางธุรกิจของเมืองพัทยาในเขตพัทยาใต้ ให้เป็นศูนย์กลางพื้นที่ใช้สอยและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกรวมทั้งจุดขายใหม่ทางการท่องเที่ยวให้แก่เมืองพัทยา ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างและพัฒนานานถึง 4 ปีและพร้อมเปิดให้บริการแล้วในปัจจุบัน เผยว่าโครงการดังกล่าวประกอบด้วย โรงแรมพัทยาเบย์วอล์ก เรสซิเด้นท์ โรงแรมเฟร์เซอร์ เรสซิเด้นท์ โรงละครนากยศาลาหุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) และพื้นที่จำหน่ายสินค้าซิตี้วอล์ก
โรงแรมพัทยาเบย์วอล์ก เรสซิเด้นท์ เป็นโรงแรมที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวทั่วไปและมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือนักท่องเที่ยวในแถบเอเชียและยุโรป ประกอบด้วยห้องพักรวม 80 ห้อง โรงแรมแห่งนี้ใช้นักบริหารมืออาชีพเป็นผู้ดูแลด้านธุรกิจและกำหนดทิศทางตลาด
ส่วนโรงแรมเฟร์เซอร์เรสซิเด้นท์ มีกลุ่มนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเครื่องดื่มภายใต้ชื่อซาสี่และไทเกอร์เบียร์ เป็นผู้บริหารและได้จัดแบ่งโซนร้านค้าและที่พักสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์เป็นหลัก
ขณะที่พื้นที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นโซนจำหน่ายสินค้า หรือ พัทยาซิตี้วอล์ก จะมีการเปิดบูทจำหน่ายสินค้าที่ระลึกหลากหลาย โดยพบว่าหลังเปิดให้เจ้าของสินค้าเข้าจับจองพื้นที่ก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างดี และในอนาคตยังมีแผนที่จะก่อสร้างห้องพักรายวันอีกกว่า 40 ห้อง โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นลูกค้าหลัก
ไฮไลต์สุดท้าย คือ โรงละครนาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) พัทยาใต้ ถือเป็นจุดขายหลักสำคัญของโครงการพัทยาซิตี้วอล์ก เนื่องจากใช้งบประมาณร่วมในการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ป่าหิมพานต์กลางป่าแสงสี ที่จะนำศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีและความงดงามของอารยธรรมไทยที่วิจิตรงดงามมานำเสนอสู่สายตานักท่องเที่ยว เพราะเมืองพัทยาเป็นเมืองที่ทั่วโลกรู้จักและมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนอย่างต่อเนื่อง
“พัทยาใต้ ถือเป็นไข่แดงทางธุรกิจของเมืองพัทยาที่ในแต่ละปีสร้างเม็ดเงินให้แก่เมืองพัทยามหาศาล แต่คนไทยกลับมองว่า พัทยา เป็นเมืองที่มีแต่ฝรั่งจนไม่มีพื้นที่ให้คนไทยด้วยกันยืน ดังนั้นการเนรมิตโครงการแห่งนี้ขึ้นมาจุดประสงค์สำคัญของกลุ่มพันธมิตรที่ลงทุนร่วมกับเราก็คือต้องการที่จะดึงศิลปะของไทยเข้ามายังเมืองท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความภูมิใจในความเป็นไทย ขณะเดียวกันก็ต้องการมีสถานที่ที่คนไทยและคนต่างชาติสามารถที่จะเที่ยวด้วยกันได้ และด้วยความเหมาะสมของพื้นที่และบรรยากาศติดชายทะเล จึงทำให้โครงการพัทยาซิตี้วอล์กเป็นโครงการถนนคนเดินในฝันของนักท่องเที่ยว”
ทั้งนี้ โครงการพัทยาซิตี้วอล์ก ถือเป็นโครงการที่เกิดจากการผสมผสานความสวยงามของบรรยากาศเมืองท่องเที่ยว ร่วมกับการแสดงดนตรีไทยและอาหารระดับ 5 ดาว ภายใต้งานบริการที่เน้นความเป็นไทย ซึ่งพนักงานภายในโรงละครก็จะใช้การพูดจาด้วยภาษาไทยโบราณและแต่งตัวด้วยชุดไทยโบราณเพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือน
“ดูเหมือนว่าการลงทุนก่อสร้างโรงละครจะเป็นการลงทุนที่สวนกระแสเศรษฐกิจแต่ผู้บริหารโครงการก็เล็งเห็นถึงอนาคต และเชื่อว่าเมืองพัทยาจะกลับมามีสีสันในฤดูกาลองเที่ยวที่จะถึงนี้ และหากมองในรูปกำไรแล้วโครงการไม่ได้มุ่งหวังจะเติบโตมากมายเท่าไร เพียงแต่ต้องการให้โครงการพัทยาซิตี้วอล์ก เป็นพื้นที่สำหรับแสดงออกทางวัฒนธรรมและด้วยพันธมิตรทางธุรกิจที่มีคุณภาพประกอบกับจุดขายที่เรามีความแตกต่าง ทำให้เชื่อว่าอนาคตของโครงการจะเดินไปได้อย่างมั่นคง และในปีหน้ากลุ่มทุนจากประเทศสิงคโปร์ก็จะเข้ามาเพิ่มเติมในส่วนของร้านค้าและแบรนด์สินค้าชั้นนำอีกด้วย” ดร.กีรติ กล่าว
ด้าน นายสะคริษฐ์ ไพชยนต์ สถาปนิกผู้ออกแบบอาคารโรงละครนาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) พัทยาใต้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แรงบันดาลใจในการออกแบบและการก่อสร้างมาจากป่าหิมพานต์ในวรรณคดีย โดยได้คัดสรรนักก่อสร้างและนักปั้นมืออันดับหนึ่งของไทย เป็นผู้สร้างความวิจิตรบรรจงที่แปลกใหม่และตื่นตา ซึ่งก็สามารถเนรมิตป่าหิมพานต์ให้ผุดขึ้นกลางป่าคอนกรีตและป่าแสงสีของเมืองท่องเที่ยวได้สำเร็จ
ในอนาคตยังจะผลักดันให้โครงการพัทยาซิตี้วอล์กเป็นจัตุรัสของเมืองพัทยาเละจัตุรัสวัฒนธรรมของประเทศ รวมทั้งเป็นเวทีในการเผยแพร่ประเพณีและวัฒนธรรมไทยสู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาคณะผู้บริหารยังได้พูดคุยกับคณะผู้บริหารเมืองพัทยาซึ่งก็ได้รับความสนใจ ทั้งนี้ พัทยาซิตี้วอล์กให้ความสำคัญในการสืบทอดศิลปวัฒนธรรม และการสร้างความแปลกใหม่ทางธุรกิจ
