ยูโร 2008 ปีนี้ แม้ทีมชาติอิตาลีจะโชว์ฟอร์มไม่สมราคาทีมเต็งอันดับต้นๆของทัวร์นาเม้นท์ แต่ว่าพลพรรคทีมอัซซูรีก็ยังครองใจกองเชียร์สาวไทยอยู่ดี เนื่องจากทีมนี้มีทั้งฝีเท้าและหน้าตาดีควบคู่กันไป
สำหรับ"ผู้จัดการตระเวนกิน"นั้นรู้สึกเฉยๆ เพราะไม่ชอบบอลตั้งรับและบอลตีหัวเข้าบ้าน ซึ่งหากเปรียบเทียบทีมอัซซูรีกับอาหารอิตาเลียนแล้ว เรานิยมชมชอบอย่างหลังมากกว่า และยิ่งเมื่อมากินอาหารอิตาเลียนที่ร้านคาเฟ่ บอนจอร์โน่ (Cafe' Buongiorno) มันก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความพิสมัยในรสชาติเมนูอิตาเลียนไปอีกหลายเท่าตัว
คาเฟ่ บอนจอร์โน่ ร้านนี้เป็นการนำบ้านเก่ามาดัดแปลงเป็นร้านอาหารท่ามกลางบรรยากาศสวนอันร่มครึ้ม มีมุมนั่งสบายๆรับลมเย็นๆดูอบอุ่นที่เฉลียงทางเข้าด้านหน้า ส่วนด้านในตกแต่งอย่างสวยงามมีสไตล์และหลากหลายไปด้วยรูปภาพเกี่ยวกับอีตาลีมากมายดูปานประหนึ่งแกลลอรีกลายๆยังไงยังงั้น
คาเฟ่ บอนจอร์โน่ นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของเมนูอิตาเลียนรสชาติแท้ๆดั้งเดิมที่ทำสืบต่อกันมาจากต้นตระกูลแล้ว ร้านนี้ยังมีเสน่ห์ตรงคอนเซ็ปต์ร้านที่คุณเพโรนี(Cav Enzo Peroni) เจ้าของร้านที่เดินทางไปชิมมาทั่วโลกวางไว้ให้เป็นจุดแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ในวัฒนธรรมอิตาเลียน
โดยเฉพาะวัฒนธรรมด้านอาหารการกินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งคุณเพโรนีถือว่าอาหารคือหนึ่งในตัวเชื่อมทางวัฒนธรรม ประเพณี จากอดีตถึงปัจจุบันไปสู่อนาคตข้างหน้า
เอาล่ะเมื่อทำความรู้จักเบื้องต้นกับคาเฟ่ บอนจอร์โน่แล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาหม่ำอาหารอิตาเลียนดับความหิวกันแล้ว ซึ่งเราเลือกเปิดประเดิมมื้อด้วย Anti Pasto Haliano (620++) ที่เป็นผสมกันอย่างลงตัวระหว่างผักกับเนื้อ ไม่ว่าจะเป็น ผักสลัด แคนตาลูป มะเขือเทศ แตงกวา แซลมอน แฮม เบคอน ที่กินแล้วกลมกลืนเข้ากันดีนัก
Spaghetti Al Mare (560++) อ่านชื่อแบบอิตาเลียนอาจไม่คุ้น แต่ถ้าเป็นชื่อแบบไทยๆก็คือ พาสต้ากุ้ง เมนูนี้ชวนกินตั้งแต่แรกเห็น เป็นพาสต้าโรยหน้ากุ้งสีสันจัดจ้านวางมาบนตัวกุ้งแม่น้ำที่ชูก้ามเด่นหรา ตักกินแล้วให้รสชาติเข้มข้นสมกันดีกับกุ้งเนื้อแน่นและเส้นพาสต้าอันนุ่มเหนียว
จานต่อมาเป็น Braised Pork Ribs with Tomato Sauce (520++) เป็นซี่โครงหมูราดหน้าซอสมะเขือเทศสีแดงสด แนมด้วยผักและเฟรนซ์ฟราย จุดเด่นของเมนูนี้อยู่ตรงเนื้อซี่โครงที่หมักตุ๋นจนเนื้อเปื่อยนุ่มแต่คงความแน่นอยู่ในตัวแถมกระดูกอ่อนยังเคี้ยงได้กรุบกรับ ตักกินเคียงคู่กับซอสมะเขือเทศให้รสชาติเพลินปากนัก
อีกเมนูหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ Snow Fish With Lemon and rosemary (640++)ปลาหิมะเนื้อขาวเนียน เสิร์ฟพร้อมผักโขมและมะนาว ราดครีมสูตรเฉพาะของทางร้าน เนื้อปลาให้รสหวาน นุ่มซุย กินแล้วเหมือนละลายหายไปในปาก แซมด้วยรสขมนิดๆของผักโขม ถือเป็นผสมของ 2 รสชาติที่ลงตัวไม่น้อยเลย
อาหารคาว 4 อย่างของคาเฟ่ บอนจอร์โน่หมดไปไวเหมือนโกหก ซึ่งหากใครยังไม่อิ่ม หรืออยากจะลิ้มลองเมนูนอกเหนือจากที่เรากล่าวมา ที่นี่ยังมีเมนูชวนกินอย่าง PARMA Ham With Melon (380++บาท),Minestrone (145++บาท),Alla Spinaci (245++บาท),Penne in Rosa (200++บาท)
สำหรับ"ผู้จัดการตระเวนกิน" มื้อนี้ยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะที่คาเฟ่ บอนจอร์โน่ ยังมีบุพเฟ่ต์เค้กเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เปิดโอกาสให้คนไม่กลัวอ้วนเลือกกินกันอย่างจุใจ ในขณะที่คนกลัวอ้วนนานๆกินทีก็ถือว่าดีเหมือนกัน(แต่"ผู้จัดการตระเวนกิน"กลัวว่าจะกินและติดใจ จนกลายเป็นผู้ติดบุพเฟต์เค้กของร้านนี้ไปนะสิ)
บุพเฟ่ต์เค้กของร้านนี้ มีกว่า 15 ชนิด หมุนเวียนเปลี่ยนมาให้ลิ้มลองกันทุกวัน ในราคาหัวละ (129++บาท) ซึ่งที่เด่นๆก็มี ทีรามิสุเค้ก ที่มีเนื้อเค้กนุ่ม ชุ่มกาแฟ อวลกลิ่นเหล้านิดๆ, ออเร้นส์เค้ก เค้กส้มหนึ่งในความลงตัวของรสเปรี้ยวและความหวาน,
โอรีโอเค้ก เค้กเนื้อนุ่มที่นี่ส่วนผสมขอขนมปังกรอบสีดำอย่างโอรีโอและช็อกโกแลต, มาร์สเมโรเค้ก เหนียวนุ่มหนึบๆกับเนื้อมาร์สเมโรที่ลงตัวกับเนื้อเค้กเป็นที่สุด,ราสเบอรี่ชีสเค้ก นุ่มละมุนด้วยเนื้อเค้กผสมชีสเรียงเป็นชั้นๆสลับกันกินกับหน้าเค้กที่เป็นราสเบอรี่เชื่อมให้รสเปรี้ยวอมหวาน เป็นต้น
และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของจุดเด่นแห่ง คาเฟ่ บอนจอร์โน่ ร้านอาหารอิตาเลียนรสดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งใครเป็นผู้พิสมัยเมนูอิตาเลียนหากมีโอกาสก็สามารถแวะเวียนไปตระเวนกินกันได้ตามใจชอบ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
คาเฟ่ บอนจอร์โน่ ตั้งอยู่ที่ สุขุมวิท33 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.10110 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.- 23.00 น.ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ หยุดวันจันทร์ ทางร้านยินดีรับบัตรเครดิตทุกชนิด สามารถจอดรถได้ภายในร้าน โทร. 0-2662-3471
คลิก!! อ่านรายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "คาเฟ่ บอนจอร์โน่"