"ฟองดู" (Fondue) เป็นอาหารที่ชาวสวิสฯ นิยมกินกันในฤดูหนาว โดยการนำเอาเศษชีสมาตั้งไฟและหลอมละลายรวมกับไวน์ขาว และก็จะมีส้อมหรือเหล็กแหลมเสียบขนมปังแล้วจุ่มชีสร้อนๆ กินกัน เพื่อเสริมสร้างพลังงานและให้แคลอรีที่สูงมากๆ
ในเมืองไทยบ้านเราแม้ไม่ได้หนาวเหน็บอย่างสวิตเซอร์แลนด์แต่ก็มี "ฟองดู" ให้เลือกกินกันอยู่ไม่น้อย โดยหนึ่งในนั้นก็คือร้าน "Fondooz" (ฟองดูซ) ที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ได้เดินทางมาตระเวนกินในมื้อนี้
สำหรับฟองดูที่ ร้าน Fondooz เป็นฟองดูสไตล์สวิส ที่วัตถุดิบและภาชนะที่ใช้ในการกินฟองดูล้วนแต่นำเข้ามาจากสวิตเซอร์แลนด์โดยเฉพาะ โดยมีการเสริมอาหารบางอย่างเข้าไปให้เข้ากับความต้องการของคนไทยบ้าง อย่างเช่นพวกเนื้อสัตว์และน้ำจิ้มที่มีเพิ่มเติมมาจากต้นตำรับ
ฟองดูที่นี่ มีให้เลือกลองลิ้มชิมรสหลากหลายรูปแบบ โดยฟองดูอย่างแรกที่ทางร้านแนะนำว่าชวนกินเป็นอย่างมาก และถือว่าเป็นต้นตำรับของฟองดูแบบสวิสแท้ๆ ก็คือ Traditional Swiss Cheese Fondue Emmental and Gruyere Cheese (310 บาท++) เป็นฟองดูชีสแบบต้นตำรับที่ชาวสวิสฯ นิยมกินกัน เป็นการนำเอาชีส 2 ตัว คือ Emmental และGruyereละลายรวมกันพร้อมกับใส่ไวน์ขาวลงไปด้วย (สามารถสั่งได้ว่าจะใส่มากน้อยแค่ไหน) มาอยู่ในหม้อชีสร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมกับขนมปัง การกินไม่ยุ่งยาก แค่เอาส้อมฟองดูจิ้มขนมปังและก็จุ่มลงไปในหม้อชีสร้อนๆ แล้วก็ส่งเข้าปาก (แนะนำว่าเป่าสักเล็กน้อย เพราะว่ามันร้อนมาก)จะได้กลิ่นหอมของชีสและกลิ่นไวน์อ่อนๆ ขนมปังเนื้อนุ่มชุ่มด้วยชีสเนื้อเนียนนุ่ม เค็มๆ มันๆ ละมุนลิ้น ชนิดที่ว่าจิ้มๆจุ่มๆ กันจนเพลินปาก
อีกหนึ่งเป็นฟองดูที่คนไทยนิยมกินกันอยู่ไม่น้อยก็ต้องเป็น Fondue Bourguignon (ฟองดูบัวร์กินยอง) หรือเรียกว่าฟองดูน้ำมันเป็นจิ้มจุ่มสไตล์สวิสที่มีความพิเศษอยู่ตรงที่จะจุ่มในน้ำมันพืชร้อนๆ พร้อมกับให้เลือกเนื้อสัตว์ได้ตามใจชอบที่จะเอามาจุ่มกินกัน มีเนื้อและอาหารทะเลชนิดต่างๆ มากมาย อาทิ เนื้อสันใน (150 บาท++) ไก่ (50 บาท++) นกกระจอกเทศ (170 บาท++) หมู (60 บาท++) ฮันนี่แฮม (90 บาท++) กุ้ง (120 บาท++) เนื้อติดมันนำเข้าจากอาร์เจนติน่า (220 บาท++) ไก่งวงนำเข้าจากอเมริกา (140 บาท++) เนื้อโคขุนนำเข้าจากออสเตรเลีย (330 บาท++) ซึ่งเนื้อแต่ละชนิดจะเสิร์ฟมาอย่างละ 1 ขีด พร้อมกับมีซอสต่างๆ ที่เสิร์ฟมาทีเดียวครบชุด คือ มีค็อกเทลซอส เคอรี่ซอส มายองเนสผสมกระเทียม บาร์บีคิว น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว และมีมะเขือเทศราชินี แตงกวาดอง และกระเทียมดองมาให้กินแกล้มด้วย
การกินฟองดูน้ำมัน ก็แค่เอาส้อมฟองดูจิ้มเนื้อสัตว์ (ต้องจิ้มลึกๆ และแน่นๆ เพราะจะได้ไม่หลุดลงไปในหม้อ) แล้วจุ่มลงไปในหม้อน้ำมันร้อนๆ และรอให้เนื้อสุกตามที่ต้องการ ก็นำออกจากส้อม จิ้มกินคู่กับซอสต่างๆ ได้ตามชอบใจ กินแกล้มกับผักที่ให้มาสนุกและอร่อยกันไป และนอกจากฟองดูน้ำมันแล้วยังมี Fondue Chinnoise ฟองดูชินัว เป็นฟองดูที่เปลี่ยนจากน้ำมันเป็นน้ำซุปไก่ ให้ได้กินแบบซดน้ำซุปร้อนๆ หอมหวาน
สุดท้ายเป็นฟองดูของหวานที่ถูกอกถูกใจใครหลายๆ คน นั่นคือ Chocolate Fondue ที่สามารถเลือกขนาดของช็อคโกแลตตามใจชอบได้ โดยมีขนาด Small Pot เป็นช็อคโกแลตฟองดูถ้วยเล็กๆ ขนาดสำหรับ 1-3 คน (160 บาท++) และFamily Fountain Individual ช็อคโกแลตฟองดูที่มาในรูปของน้ำตกสำหรับ 4-8 คน (400 บาท++) ซึ่งช็อคโกแลตนั้นเป็นช็อคโกแลตจากเบลเยี่ยมแท้ๆ ที่มีความเข้มข้น เอามาละลายตั้งไฟให้ร้อนประมาณ 40 องศาเซลเซียส และให้เลือกผลไม้มาจิ้มจุ่มได้ตามชอบใจ อาทิ กล้วย-มะละกอ-สับปะรด (40 บาท++) ลิ้นจี่-ขนุน-แก้วมังกร-เงาะ (50 บาท++) มะม่วง (60 บาท++) ผลไม้รวม (150 บาท++) กีวี (120 บาท++) แอปเปิล (50 บาท++) และมีมาร์ชเมโลว์ (45 บาท++) บัตเตอร์เค้ก (50 บาท++) ให้เลือกมาจิ้มจุ่มลงไปในช็อกโกแลตที่อุ่นพอประมาณ ได้รสชาติช็อคโกแลตที่หอมหอมเข้มข้น เข้ากันกับผลไม้ต่างๆ ที่จุ่มช็อคโกแลตโดนใจปากเอามากๆ
และนอกจากฟองดู 3 แบบ นี้แล้วที่ร้านนี้ยังมีอาหารสวิสบริการอีกด้วย อาทิ Traditional Capuns (210 บาท++) หรือติ่มซำสวิส ลักษณะเป็นผักสวิสชาร์ทใบใหญ่ที่ข้างในห่อด้วยไส้เบคอนและหัวหอม แล้วก็ราดด้วยซอสครีมรสละมุน และยังมี Imported Cold Cuts (280 บาท++) เป็นสแน็คแฮมและไส้กรอกชนิดต่างๆ สลัดก็มี Swiss Sausage and Cheese Salad (180 บาท++) Black Ink Spaghetti สปาเก็ตตี้ที่ชวนกิน (180 บาท++) ส่วนสเต็กก็มี Australian Meltique Sirloin Steak (620 บาท++) และยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมายที่ชวนให้ลองมาสัมผัสรสชาติที่ร้าน "Fondooz" ที่ได้ทั้งความอร่อยและความสนุกไปในตัวกับการ จิ้มๆ จุ่มๆ ฟองดู
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"Fondooz" (ฟองดูซ) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 7 โซนบี เซ็นทรัลเวิร์ด ถ.ราชดำริ ปทุมวัน กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. โทร. 0-2613-1382
คลิก!! อ่านรายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "Fondooz" (ฟองดูซ)