โดย:มะเมี้ยะ
ตลอดเวลา 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ชื่อของดินแดน “แคชเมียร์” (Kashmir) เป็นที่รู้จักกันในประชาคมโลก ในฐานะดินแดนที่ถูกแย่งชิง เกิดสงครามระหว่างอินเดียและปากีสถานมาแล้วถึง 3 ครั้ง จัดเป็นดินแดนที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
แคชเมียร์ เป็นแคว้นที่อยู่ตอนเหนือสุดของประเทศอินเดีย มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศ ปากีสถานทางตะวันตก และที่ราบสูงทิเบตทางเหนือ ปัจจุบันนี้ถูกถือครองและผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย หลังจากเกิดข้อพิพาทแย่งชิงดินแดนแห่งนี้กับปากีสถานมาเป็นเวลานาน
ปัญหาการแย่งชิงดินแดนแห่งนี้ เริ่มต้นในยุคที่อินเดียและปากีสถานได้รับอิสรภาพจากอังกฤษใหม่ๆ ชาวแคชเมียร์ส่วนใหญ่กว่า 80 % เป็นมุสลิมเหมือนกับปากีสถาน แต่ท้ายที่สุดแล้วแคชเมียร์ก็ตกเป็นของอินเดีย เนื่องจากมหาราชาที่ปกครองแคชเมียร์เป็นชาวฮินดูแบบอินเดีย ซึ่งมหาราชเป็นผู้ที่มีอำนาจการตัดสินใจว่าจะขึ้นอยู่กับฝ่ายไหน แคชเมียร์จึงเป็นของอินเดียและกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างสองประเทศเรื่อยมา
คนที่ไม่เข้าใจในความเป็นแคชเมียร์ อาจจะมองว่าเป็นดินแดนแห่งสงครามที่รอวันปะทุ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลการเดินทาง กลับรู้จักแคชเมียร์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป แคชเมียร์สำหรับนักเดินทางแล้ว ไม่ได้มีความน่ากลัวสักนิด (เพราะช่วงนี้ไม่มีการสู้รบ) แคชเมียร์ คือ ดินแดนในฝันที่มีธรรมชาติงดงามพรั่งพร้อม ตั้งอยู่แนบชิดกับเทือกเขาหิมาลัย
แคชเมียร์ มีเมืองหลวงชื่อ “ศรีนาคาร์” (Srinagar) ตั้งอยู่ในหุบเขาแคชเมียร์ แคชเมียร์อยู่ในอินเดีย ดังนั้นใครอยากมาเที่ยวแคชเมียร์ ก็คือต้องมาอินเดียนั้นเอง การเดินทางที่สะดวกรวดเร็วที่สุด คือ หลังจากลงเครื่องที่สนามบินนานาชาติอินทิรา คานธีในกรุงเดลลี
สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศ มาลงยังเมืองศรีนาคาร์ เมืองหลวงของแคชเมียร์ได้ทันที ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาแคชเมียร์ที่ระดับความสูง 1,730 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง คุณก็จะได้เหยียบแผ่นดินแคชเมียร์สมใจ (งานนี้ไม่ต้องกราบแผ่นดิน เขาก็ให้เข้าเมือง)
สนามบินศรีนาคาร์เป็นสนามบินเล็กๆ และค่อนข้างเก่า แต่ก็ยังมั่นคงแข็งแรงดี อีกทั้งยังมีวิถีวิถีชีวิตแบบ อินเดี๊ย...อินเดีย ปรากฏให้เห็น ใครอยากรู้ว่าวิถีชีวิตแบบอินเดียเป็นอย่างไร แนะนำให้ลองไปพิสูจน์ดูสักหน
สิ่งหนึ่งที่ผู้มาเยือนแคชเมียร์ต้องเคยชิน คือ การที่มีทหารอินเดียหน้ามนยืนแบกปืน ถือปืน อยู่ประจำตามจุดต่างๆ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ถือเสียว่าเป็นอีกอรรถรสหนึ่งของการท่องเที่ยว
มาเที่ยวแคชเมียร์แล้วที่อะไรให้ชม อย่างแรกที่ฉันจะพาไปดู คือ โรงแรมลอยน้ำ ที่เขาเรียกกันว่า “HOUSE BOAT”ซึ่งตั้งอยู่ริม “ทะเลสาบดาล” (Dal Lake) ทะเลสาบงามที่มีชื่อเสียงของเมืองศรีนาคาร์ HOUSE BOAT สร้างจากไม้เนื้อแข็งชั้นดี อย่างไม้ซีดัลที่มีกลิ่นหอม และแกะสลักลายไม้ด้วยศิลปะของแคชเมียร์ทั้งลำ ภายในมีทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องโถง ตลอดจนห้องน้ำ เรียกว่าครบครันทีเดียว
HOUSE BOAT ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยที่ดินแดนแถบนี้ ยังมีอังกฤษเป็นเจ้าประเทศอาณานิคมอยู่ แต่ชาวอังกฤษเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดิน พวกเขาจึงได้สร้างเรือเอาไว้เป็นที่พักอาศัยแทน เมื่อได้รับเอกราชแล้ว เรือเหล่านี้ก็ถูกแปรสภาพมาเป็นโรงแรมและบ้านพัก ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังแคชเมียร์จนถึงทุกวันนี้
ที่ทะเลสาบดาลแห่งนี้ยังมี ชิคารา (Shikara) หรือ “เรือแท็กซี่”ที่มีไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามภายในเขตทะเลสาบดาล ชิคารา เป็นที่ชื่นชอบเป็นอย่างมากของเหล่าคู่รักคู่ฮันนีมูน เพราะเป็นเรือที่ตกแต่งด้วยสีสันสวยงาม เบาะปูลาดด้วยพรมหนานุ่ม มีหลังคาสีสวยไว้บังแดด และนั่งได้เพียงสองคนต่อลำ
ยิ่งในยามที่สวนบัวกลางทะเลสาบดาลเบ่งบาน เรือแท็กซี่ลำน้อยดูจะเป็นหนทางเดียว ที่จะพาเราเข้าไปแนบชิดกับดอกบัวเหล่านั้นได้อย่างใกล้ชิด ที่ทะเลสาบดาลแห่งนี้ ในช่วงเช้าตรู่จะมีตลาดลอยน้ำ คล้ายคลึงกันตลาดน้ำในบ้านเรา จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนแคชเมียร์อย่างหลากหลาย ก็ที่ตลาดลอยน้ำในทะเลสาบดาล
จากที่พักแสนโรแมนติกในทะเลสาบดาล อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้มาเยือนแคชเมียร์ไม่ควรพลาดคือ การมาที่ “พาฮาแกม”(Pahalgam) หรือ หุบเขาแกะ หุบเขาที่ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,130 เมตร ไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่นี่ คือ การขี่ม้าชมป่าสน ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ขี่ม้าไม่เป็นไม่ต้องกลัว เพราะจะมีคนคอยจูงให้ เสน่ห์แห่งป่าสนที่ลดหลั่นกันไปตามระดับสูงต่ำของไหล่เขา สลับกันสีสันของบ้านเรือนที่แทรกซึมอยู่ บวกกับทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา เท่านี้ก็มากพอที่จะดึงดูดให้มาเยือนแล้ว
อ้อ...ใครชอบดูหนังแขก ขอบอกว่าไม่ควรพลาดที่นี่ เพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังอินเดีย ที่ชอบพากันวิ่งอ้อมเขาร้องเพลงหลายต่อหลายเรื่อง
จากทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ฉันจะพาไปเที่ยวภูเขาหิมะกันบ้าง ที่ “กุลมาร์ค” (Gulmarg) หรือเดิมเรียกเการิมาร์ค ภูเขาที่สวยงามที่สุดของแคชเมียร์ และที่นี่ยังเป็นสนามกอล์ฟ18 หลุม ที่รั้งตำแหน่งความสูงที่สุดในโลกอีกด้วย ที่สำคัญยังเป็นสถานที่เล่นสกีที่ขึ้นชื่อว่าถูกที่สุดในโลก อีกทั้งทัศนียภาพยังงดงามไม่แพ้แถบยุโรปเลย
วิวมุมสูงของที่นี่งดงามมาก ซึ่งการจะมองเห็นนั้น ก็ต้องอาศัยการนั่ง “เคเบิ้ลคาร์”หรือที่คนแคชเมียร์เขาเรียกว่า “กอนโดลา” เจ้ากระเช้าสีเหลืองจะพาเราลอยละลิ่วขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดของ กุลมาร์ค ภาพที่จะปรากฏแก่สายตา คือ ลานเล่นสกีสีขาว และสามารถมองเห็นยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสองของโลกอย่าง K2 บริเวณช่องเขา คาราโครัม (Karakorum Pass) ได้อีกด้วย
เล่นสกีแล้วก็ต้องแวะไปดู “ธารน้ำแข็งกราเซีย” (Thajiwas Glacier) ที่ “โซนามาร์ค”(Sonamarg) หรือ ทุ่งหญ้าทองคำ (Meadow of gold) ที่ได้สมญานามเช่นนี้ เนื่องจากระหว่างทางเราจะได้พบกับ ทุ่งดอกไม้สีเหลืองกว้างสุดหูสุดตา ดอกไม้ชนิดนี้คือ “ดอกมัสตาร์ด” ทุ่งหญ้าสีเหลืองมีฉากหลังเป็นหิมาลัยสวยงามจับตาต้องใจผู้พบเห็นยิ่งนัก
โซนามาร์ค อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,740 เมตร.เป็นที่รู้จักกันในนาม "ประตูสู่ลาดัคห์" จุดสุดท้ายก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเมือง เลห์ ของลาดัคห์ โดยข้ามภูเขา โซจิ ลา(Zoji La). เส้นทางที่ไปโซนามาร์คนี้จะขนานไปกับ แม่น้ำสินธุ(Sindhu River) ต้นกำเนิดของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์หลายสายในอินเดีย
ที่ โซนามาร์ค ในบรรยากาศดีๆเราสามารถเดินชมธรรมชาติและชมความงามของ ธารน้ำแข็งกลาเซียร์ ธารน้ำแข็งที่เกิดจากหิมะทับถมกันมานาน เพราะเป็นจุดที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี ถ้าไม่กลัวหนาวเขาก็มีบริการขี่ม้าชมความงามของกลาเซียร์อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ที่ แคชเมียร์ยังเป็นแคว้นที่มีชื่อเสียงในการจัดสวนยุคของราชวงศ์โมกุล เนื่องจากภูมิอากาศเย็นเหมาะสมในการเจริญเติบโตของต้นไม้ดอกไม้ จึงกลายเป็นที่ประทับพักผ่อนของกษัตริย์ราชวงศ์โมกุล ในอดีต เช่น สวนชาลิมาร์ สวนแห่งความรักที่สร้างโดย “มหาราชา ชาฮังคี” ไปชม สวนนิชาน สวนขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแคชเมียร์ ที่มีไฮไลต์เป็น ต้นเมเปิลอายุกว่า 400 ปี ต้นปอปลาร์ ต้นทิวลิป และดอกไม้นานาชนิดตามฤดูกาล
ทั้งโรงแรมลอยน้ำอันแสนโรแมนติก พาฮาแกรมทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างกลางหุบเขา นั่งเคเบิ้ลคาร์ชมหุบเขาหิมะและเล่นสกีหิมะที่แสนถูกที่กุลมาร์ค ยลโฉมทุ่งมัสตาร์ดและธารน้ำแข็งกราเซียที่ โซนามาร์ค และความงดงามอีกนานับประการ สิ่งเหล่านี้เพียงพอที่จะดึงดูดให้คุณหลงรักและตกอยู่ในห้วงแห่งฝันของดินแดนที่มีชื่อว่า “แคชเมียร์” หรือยัง.
การเดินทางสู่แคชเมียร์ควรเริ่มต้นที่ เดลลี ก่อน ซึ่งสายการบินที่ให้บริการสู่ประเทศอินเดีย มีหลายสายการบิน อาทิ สายการบินอินเดียนแอร์ไลน์ การบินไทย ดรุ๊กแอร์ จากนั้นสามารถใช้สายการบินภายในประเทศของอินเดียบินตรงมายัง ศรีนาคาร์ เมืองหลวงของแคชเมียร์เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด หรือหากต้องการการผจญภัย ก็สามารถนั่งรถไฟมาที่แคชเมียร์ก็ได้ สกุลเงินที่ใช้คือ รูปี :1รูปี=1บาทไทย โดยประมาณ
ตลอดเวลา 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ชื่อของดินแดน “แคชเมียร์” (Kashmir) เป็นที่รู้จักกันในประชาคมโลก ในฐานะดินแดนที่ถูกแย่งชิง เกิดสงครามระหว่างอินเดียและปากีสถานมาแล้วถึง 3 ครั้ง จัดเป็นดินแดนที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
แคชเมียร์ เป็นแคว้นที่อยู่ตอนเหนือสุดของประเทศอินเดีย มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศ ปากีสถานทางตะวันตก และที่ราบสูงทิเบตทางเหนือ ปัจจุบันนี้ถูกถือครองและผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย หลังจากเกิดข้อพิพาทแย่งชิงดินแดนแห่งนี้กับปากีสถานมาเป็นเวลานาน
ปัญหาการแย่งชิงดินแดนแห่งนี้ เริ่มต้นในยุคที่อินเดียและปากีสถานได้รับอิสรภาพจากอังกฤษใหม่ๆ ชาวแคชเมียร์ส่วนใหญ่กว่า 80 % เป็นมุสลิมเหมือนกับปากีสถาน แต่ท้ายที่สุดแล้วแคชเมียร์ก็ตกเป็นของอินเดีย เนื่องจากมหาราชาที่ปกครองแคชเมียร์เป็นชาวฮินดูแบบอินเดีย ซึ่งมหาราชเป็นผู้ที่มีอำนาจการตัดสินใจว่าจะขึ้นอยู่กับฝ่ายไหน แคชเมียร์จึงเป็นของอินเดียและกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างสองประเทศเรื่อยมา
คนที่ไม่เข้าใจในความเป็นแคชเมียร์ อาจจะมองว่าเป็นดินแดนแห่งสงครามที่รอวันปะทุ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลการเดินทาง กลับรู้จักแคชเมียร์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป แคชเมียร์สำหรับนักเดินทางแล้ว ไม่ได้มีความน่ากลัวสักนิด (เพราะช่วงนี้ไม่มีการสู้รบ) แคชเมียร์ คือ ดินแดนในฝันที่มีธรรมชาติงดงามพรั่งพร้อม ตั้งอยู่แนบชิดกับเทือกเขาหิมาลัย
แคชเมียร์ มีเมืองหลวงชื่อ “ศรีนาคาร์” (Srinagar) ตั้งอยู่ในหุบเขาแคชเมียร์ แคชเมียร์อยู่ในอินเดีย ดังนั้นใครอยากมาเที่ยวแคชเมียร์ ก็คือต้องมาอินเดียนั้นเอง การเดินทางที่สะดวกรวดเร็วที่สุด คือ หลังจากลงเครื่องที่สนามบินนานาชาติอินทิรา คานธีในกรุงเดลลี
สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศ มาลงยังเมืองศรีนาคาร์ เมืองหลวงของแคชเมียร์ได้ทันที ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาแคชเมียร์ที่ระดับความสูง 1,730 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง คุณก็จะได้เหยียบแผ่นดินแคชเมียร์สมใจ (งานนี้ไม่ต้องกราบแผ่นดิน เขาก็ให้เข้าเมือง)
สนามบินศรีนาคาร์เป็นสนามบินเล็กๆ และค่อนข้างเก่า แต่ก็ยังมั่นคงแข็งแรงดี อีกทั้งยังมีวิถีวิถีชีวิตแบบ อินเดี๊ย...อินเดีย ปรากฏให้เห็น ใครอยากรู้ว่าวิถีชีวิตแบบอินเดียเป็นอย่างไร แนะนำให้ลองไปพิสูจน์ดูสักหน
สิ่งหนึ่งที่ผู้มาเยือนแคชเมียร์ต้องเคยชิน คือ การที่มีทหารอินเดียหน้ามนยืนแบกปืน ถือปืน อยู่ประจำตามจุดต่างๆ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ถือเสียว่าเป็นอีกอรรถรสหนึ่งของการท่องเที่ยว
มาเที่ยวแคชเมียร์แล้วที่อะไรให้ชม อย่างแรกที่ฉันจะพาไปดู คือ โรงแรมลอยน้ำ ที่เขาเรียกกันว่า “HOUSE BOAT”ซึ่งตั้งอยู่ริม “ทะเลสาบดาล” (Dal Lake) ทะเลสาบงามที่มีชื่อเสียงของเมืองศรีนาคาร์ HOUSE BOAT สร้างจากไม้เนื้อแข็งชั้นดี อย่างไม้ซีดัลที่มีกลิ่นหอม และแกะสลักลายไม้ด้วยศิลปะของแคชเมียร์ทั้งลำ ภายในมีทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องโถง ตลอดจนห้องน้ำ เรียกว่าครบครันทีเดียว
HOUSE BOAT ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยที่ดินแดนแถบนี้ ยังมีอังกฤษเป็นเจ้าประเทศอาณานิคมอยู่ แต่ชาวอังกฤษเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดิน พวกเขาจึงได้สร้างเรือเอาไว้เป็นที่พักอาศัยแทน เมื่อได้รับเอกราชแล้ว เรือเหล่านี้ก็ถูกแปรสภาพมาเป็นโรงแรมและบ้านพัก ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังแคชเมียร์จนถึงทุกวันนี้
ที่ทะเลสาบดาลแห่งนี้ยังมี ชิคารา (Shikara) หรือ “เรือแท็กซี่”ที่มีไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามภายในเขตทะเลสาบดาล ชิคารา เป็นที่ชื่นชอบเป็นอย่างมากของเหล่าคู่รักคู่ฮันนีมูน เพราะเป็นเรือที่ตกแต่งด้วยสีสันสวยงาม เบาะปูลาดด้วยพรมหนานุ่ม มีหลังคาสีสวยไว้บังแดด และนั่งได้เพียงสองคนต่อลำ
ยิ่งในยามที่สวนบัวกลางทะเลสาบดาลเบ่งบาน เรือแท็กซี่ลำน้อยดูจะเป็นหนทางเดียว ที่จะพาเราเข้าไปแนบชิดกับดอกบัวเหล่านั้นได้อย่างใกล้ชิด ที่ทะเลสาบดาลแห่งนี้ ในช่วงเช้าตรู่จะมีตลาดลอยน้ำ คล้ายคลึงกันตลาดน้ำในบ้านเรา จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนแคชเมียร์อย่างหลากหลาย ก็ที่ตลาดลอยน้ำในทะเลสาบดาล
จากที่พักแสนโรแมนติกในทะเลสาบดาล อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้มาเยือนแคชเมียร์ไม่ควรพลาดคือ การมาที่ “พาฮาแกม”(Pahalgam) หรือ หุบเขาแกะ หุบเขาที่ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,130 เมตร ไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่นี่ คือ การขี่ม้าชมป่าสน ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ขี่ม้าไม่เป็นไม่ต้องกลัว เพราะจะมีคนคอยจูงให้ เสน่ห์แห่งป่าสนที่ลดหลั่นกันไปตามระดับสูงต่ำของไหล่เขา สลับกันสีสันของบ้านเรือนที่แทรกซึมอยู่ บวกกับทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา เท่านี้ก็มากพอที่จะดึงดูดให้มาเยือนแล้ว
อ้อ...ใครชอบดูหนังแขก ขอบอกว่าไม่ควรพลาดที่นี่ เพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังอินเดีย ที่ชอบพากันวิ่งอ้อมเขาร้องเพลงหลายต่อหลายเรื่อง
จากทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ฉันจะพาไปเที่ยวภูเขาหิมะกันบ้าง ที่ “กุลมาร์ค” (Gulmarg) หรือเดิมเรียกเการิมาร์ค ภูเขาที่สวยงามที่สุดของแคชเมียร์ และที่นี่ยังเป็นสนามกอล์ฟ18 หลุม ที่รั้งตำแหน่งความสูงที่สุดในโลกอีกด้วย ที่สำคัญยังเป็นสถานที่เล่นสกีที่ขึ้นชื่อว่าถูกที่สุดในโลก อีกทั้งทัศนียภาพยังงดงามไม่แพ้แถบยุโรปเลย
วิวมุมสูงของที่นี่งดงามมาก ซึ่งการจะมองเห็นนั้น ก็ต้องอาศัยการนั่ง “เคเบิ้ลคาร์”หรือที่คนแคชเมียร์เขาเรียกว่า “กอนโดลา” เจ้ากระเช้าสีเหลืองจะพาเราลอยละลิ่วขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดของ กุลมาร์ค ภาพที่จะปรากฏแก่สายตา คือ ลานเล่นสกีสีขาว และสามารถมองเห็นยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสองของโลกอย่าง K2 บริเวณช่องเขา คาราโครัม (Karakorum Pass) ได้อีกด้วย
เล่นสกีแล้วก็ต้องแวะไปดู “ธารน้ำแข็งกราเซีย” (Thajiwas Glacier) ที่ “โซนามาร์ค”(Sonamarg) หรือ ทุ่งหญ้าทองคำ (Meadow of gold) ที่ได้สมญานามเช่นนี้ เนื่องจากระหว่างทางเราจะได้พบกับ ทุ่งดอกไม้สีเหลืองกว้างสุดหูสุดตา ดอกไม้ชนิดนี้คือ “ดอกมัสตาร์ด” ทุ่งหญ้าสีเหลืองมีฉากหลังเป็นหิมาลัยสวยงามจับตาต้องใจผู้พบเห็นยิ่งนัก
โซนามาร์ค อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,740 เมตร.เป็นที่รู้จักกันในนาม "ประตูสู่ลาดัคห์" จุดสุดท้ายก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเมือง เลห์ ของลาดัคห์ โดยข้ามภูเขา โซจิ ลา(Zoji La). เส้นทางที่ไปโซนามาร์คนี้จะขนานไปกับ แม่น้ำสินธุ(Sindhu River) ต้นกำเนิดของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์หลายสายในอินเดีย
ที่ โซนามาร์ค ในบรรยากาศดีๆเราสามารถเดินชมธรรมชาติและชมความงามของ ธารน้ำแข็งกลาเซียร์ ธารน้ำแข็งที่เกิดจากหิมะทับถมกันมานาน เพราะเป็นจุดที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี ถ้าไม่กลัวหนาวเขาก็มีบริการขี่ม้าชมความงามของกลาเซียร์อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ที่ แคชเมียร์ยังเป็นแคว้นที่มีชื่อเสียงในการจัดสวนยุคของราชวงศ์โมกุล เนื่องจากภูมิอากาศเย็นเหมาะสมในการเจริญเติบโตของต้นไม้ดอกไม้ จึงกลายเป็นที่ประทับพักผ่อนของกษัตริย์ราชวงศ์โมกุล ในอดีต เช่น สวนชาลิมาร์ สวนแห่งความรักที่สร้างโดย “มหาราชา ชาฮังคี” ไปชม สวนนิชาน สวนขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแคชเมียร์ ที่มีไฮไลต์เป็น ต้นเมเปิลอายุกว่า 400 ปี ต้นปอปลาร์ ต้นทิวลิป และดอกไม้นานาชนิดตามฤดูกาล
ทั้งโรงแรมลอยน้ำอันแสนโรแมนติก พาฮาแกรมทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างกลางหุบเขา นั่งเคเบิ้ลคาร์ชมหุบเขาหิมะและเล่นสกีหิมะที่แสนถูกที่กุลมาร์ค ยลโฉมทุ่งมัสตาร์ดและธารน้ำแข็งกราเซียที่ โซนามาร์ค และความงดงามอีกนานับประการ สิ่งเหล่านี้เพียงพอที่จะดึงดูดให้คุณหลงรักและตกอยู่ในห้วงแห่งฝันของดินแดนที่มีชื่อว่า “แคชเมียร์” หรือยัง.
การเดินทางสู่แคชเมียร์ควรเริ่มต้นที่ เดลลี ก่อน ซึ่งสายการบินที่ให้บริการสู่ประเทศอินเดีย มีหลายสายการบิน อาทิ สายการบินอินเดียนแอร์ไลน์ การบินไทย ดรุ๊กแอร์ จากนั้นสามารถใช้สายการบินภายในประเทศของอินเดียบินตรงมายัง ศรีนาคาร์ เมืองหลวงของแคชเมียร์เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด หรือหากต้องการการผจญภัย ก็สามารถนั่งรถไฟมาที่แคชเมียร์ก็ได้ สกุลเงินที่ใช้คือ รูปี :1รูปี=1บาทไทย โดยประมาณ