xs
xsm
sm
md
lg

รับปีหนู ด้วยเรื่องเที่ยวเกี่ยวกับ"หนู"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่ พระธาตุประจำคนเกิดปีหนู
ผ่านพ้นต้นปีหนูมาได้ครึ่งเดือน บ้านเมืองไทยยังดูอึมครึมไม่แน่ชัดกับรัฐบาลใหม่ๆ พร้อมๆกับคำทำนายจากหมอดูหลายสำนักว่าปีนี้จะเป็นปีหนูไฟที่คนไทยไม่ควรประมาทด้วยประการทั้งปวง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมองในแง่ดี ปีหนูปีนี้คนไทยก็ควรจะนำพฤติกรรมด้านดีของหนูในเรื่องของความคล่องแคล่วว่องไวมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งในปีหนูนี้ คอลัมน์"วาไรตี้ท่องเที่ยว" ได้ประมวลสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งเกี่ยวกับหนูๆมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังแก่มิตรรักนักอ่าน ซึ่งจะมีที่ไหนบ้างขอเชิญทัศนากันได้

ไหว้พระธาตุศรีจอมทอง สำหรับคนเกิดปีหนู

สำหรับปีหนูทองปีนี้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่คนเกิดปีหนูนิยมไปกราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมากก็คือ "พระธาตุศรีจอมทอง"ที่เชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีหนู(ปีชวด) ตามคติความเชื่อแบบล้านนา

พระธาตุศรีจอมทอง(พระธาตุจอมทอง) ประดิษฐานอยู่ใน วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 เชียงใหม่-ฮอดห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 58 กิโลเมตร
เจ้าพ่อหนู อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบางลำพู
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 21 แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรมในสมัยหลัง พุทธศตวรรษที่ 24 ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

ส่วนองค์พระธาตุศรีจอมทองนั้น เป็นที่ประดิษฐานพระทักษิณโมลีธาตุ หรือพระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สำหรับพระบรมธาตุศรีจอมทองนั้น ถือว่ามีความพิเศษ คือ เป็นพระบรมธาตุเพียงแห่งเดียวที่สามารถสักการะและสรงน้ำได้โดยตรง และเห็นองค์พระบรมสารีริกธาตุได้ เพราะแม้จะมีเจดีย์(พระธาตุ)อยู่ในวัด แต่พระบรมธาตุกลับประดิษฐานอยู่ภายในกู่ปราสาทปิดทอง ตั้งอยู่ในวิหารจัตุรมุขใกล้เคียงกับเจดีย์ เมื่อถึงวันวิสาขบูชา และวันมาฆบูชาของทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุศรีจอมทอง โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุออกมาให้คนทั่วไปได้สักการะและสรงน้ำ

ไหว้ศาลเจ้าพ่อหนู ให้สมหวังในโชคลาภ-ค้าขาย

อีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนที่เกิดปีหนู และผู้คนทั่วไปนิยมไปไหว้ขอพรในปีหนูก็คือ "ศาลเจ้าพ่อหนู" ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางลำพู ย่านบางลำพู กรุงเทพมหานคร ซึ่ง สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ ประธานที่ปรึกษางานประจำปีศาลเจ้าพ่อหนู เล่าว่า ศาลเจ้าพ่อหนูแห่งนี้มีมาประมาณ 35 ปีมาแล้ว มีการเล่าต่อๆกันมาว่า บริเวณริมคลองนี้เดิมเป็นตลาดนานามีผู้คนอาศัยอยู่เป็นชุมชน ในอดีตมีคนพบรูปหล่อเด็กไม่ใหญ่มากลอยน้ำมาตามคลอง ชาวบ้านจึงอัญเชิญขึ้นมาสักการะโดยที่ยังไม่ได้รู้ถึงความเป็นมา

ต่อมาผู้ที่อัญเชิญได้ฝันว่ารูปหล่อเด็กองค์นี้คือลูกของพระนางเรือล่มในรัชกาลที่ 5 ชาวบ้านจึงได้เชื่อเช่นนั้น จากนั้นก็มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น มีการเข้าฝันบ่อยๆแล้วก็ให้โชคให้ลาภ จึงมีการตั้งศาลขึ้นและมีการเฉลิมฉลองทุกปี ต่อมาได้มีเหตุการณ์ไฟไหม้โรงหนังบุษยพรรณ โรงหนังในละแวกชุมชนตรงศาล ทั้งโรงหนังและชุมชนรอบๆโดยไฟไหม้หมด เหลือแต่เพียงศาลเท่านั้นที่ไม่ถูกไฟไหม้

"มีคนเล่าว่า ในขณะเกิดเพลิงไหม้เห็นเด็กคนหนึ่งขึ้นไปอยู่บนหลังคาถือธงโบกให้ลมพัดไฟไปที่อื่น ข่าวลือต่างๆจึงได้แพร่ออกไป มีผู้คนมากราบไหว้ขอพรแล้วได้โชคได้ลาภเรื่อยมา ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2547 ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันสร้างศาลถาวรขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ติดกับอาคารไดมอนด์ ริมคลองบางลำพู เชิงสะพานนรรัตน์ จนปัจจุบัน และในทุกๆเดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะมีการจัดงานประจำปีของศาลเจ้าพ่อหนูโดยมีประชาชนในละแวกย่านบางลำพูเข้าร่วมมากมาย" สุรัตน์เล่าเพิ่มเติม

สำหรับศาลเจ้าพ่อหนูนั้นมีความเชื่อว่า ผู้ที่มาขอพรจะประสบความสำเร็จสมหวังในเรื่องการค้าขาย โชคลาภ โดยศาลเจ้าพ่อหนู บางลำพู จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาไหว้ขอพรได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.30-18.00 น.

นอกจากศาลเจ้าพ่อหนูบางลำพูแล้ว ในบริเวณของกองทัพเรือฝั่งธนบุรี ใกล้กับศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และป้อมวิไชยประสิทธิ์หรือป้อมบางกอก ทางด้านทิศใต้เป็นที่ประดิษฐานศาลเจ้าพ่อหนู ซึ่งทางกองทัพเรือนั้นไม่มีผู้รู้ประวัติความเป็นมาที่แน่นอนของศาลแห่งนี้ แต่หากผู้ที่ต้องการจะเข้ามาสักการะกราบไหว้ก็สามารถเข้ามาได้โดยแลกบัตรที่ตรงบริเวณทางเข้ากองทัพเรือเท่านั้น

เกาะหนูคู่เกาะแมว

ตามตำนานในสมัยอดีตกาลนานมาแล้ว คนโบราณเชื่อว่าจังหวัดสงขลายังไม่มีเกาะและภูเขาเหมือนเช่นทุกวันนี้ จนครั้งหนึ่งมีพ่อค้าจีนคนหนึ่งคุมเรือสำเภาจากเมืองจีนมาค้าขายที่เมืองสงขลา เมื่อขายสินค้าหมดแล้วจะซื้อสินค้าจากสงขลากลับไปเมืองจีนเป็นประจำ วันหนึ่งขณะที่เดินซื้อสินค้าอยู่นั้น พ่อค้าได้เห็นหมากับแมวคู่หนึ่งมีรูปร่างหน้าตาน่าเอ็นดูจึงขอซื้อพาลงเรือไปด้วย
ศาลเจ้าพ่อหนู บริเวณป้อมวิไชยประสิทธิ์ภายในกองทัพเรือ
หมากับแมวเมื่ออยู่ในเรือนาน ๆ ก็เกิดความเบื่อหน่ายและอยากจะกลับไปอยู่บ้านที่สงขลา จึงปรึกษากันหาวิธีการที่จะกลับบ้าน หมาได้บอกกับแมวว่าพ่อค้ามีดวงแก้ววิเศษที่ใครเกาะแล้วจะไม่จมน้ำ แมวจึงคิดที่จะได้แก้ววิเศษนั้นมาครอบครองจึงไปข่มขู่หนูให้ขโมยดวงแก้วให้และอนุญาตให้หนูหนีขึ้นฝั่งไปด้วย

ครั้นเมื่อเรือกลับมาที่สงขลาอีกครั้งหนึ่ง หนูก็เข้าไปลอบเข้าไปลักดวงแก้ววิเศษของพ่อค้าโดยอมไว้ในปาก แล้วทั้งสามได้แก่ หมา แมว และหนู จึงหนีลงจากเรือว่ายน้ำจะไปขึ้นฝั่งที่หน้าเมืองสงขลา ขณะที่ว่ายน้ำมาด้วยกัน หนูซึ่งว่ายน้ำนำหน้ามาก่อนก็นึกขึ้นได้ว่าดวงแก้วที่ตนอมไว้ในปากนั้นมีค่ามหาศาล

เมื่อถึงฝั่งหมากับแมวคงแย่งเอาไป จึงคิดที่จะหนีหมากับแมวขึ้นฝั่งไปตามลำพัง ดวงแก้วจะได้เป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป แต่แมวที่ว่ายตามหลังมาก็คิดจะได้ดวงแก้วไว้ครอบครองเช่นกัน จึงว่ายน้ำตรงรี่เข้าไปหาหนู ฝ่ายหนูเห็นแมวตรงเข้ามาก็ตกใจกลัวแมวจะตะปบจึงว่ายหนีสุดแรงและไม่ทันระวังตัวดวงแก้ววิเศษที่อมไว้ในปากก็ตกลงจมหายไปในทะเล
เจ้าพ่อหนู อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบางลำพู
เมื่อดวงแก้ววิเศษจมน้ำไปทั้งหนูและแมวต่างหมดแรงไม่อาจว่ายน้ำต่อไปได้ สัตว์ทั้งสองจึงจมน้ำตายกลายเป็น "เกาะหนู-เกาะแมว" ปรากฏอยู่ใกล้ๆชายฝั่งทะเล ณ แหลมสมิหลา ที่อ่าวหน้าเมืองสงขลา

ส่วนหมาก็ตะเกียกตะกายว่ายน้ำไปจนถึงฝั่ง แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจึงขาดใจตายกลายเป็นหินเรียกว่า "เขาตังกวน" เป็นภูเขาตั้งอยู่ริมอ่าวสงขลา ส่วนดวงแก้ววิเศษที่หล่นจากปากหนูก็แตกแหลกละเอียดเป็นหาดทราย เรียกสถานที่นี้ว่า "หาดทรายแก้ว" ตั้งอยู่ทางเหนือของอ่าวสงขลานั่นเอง หากมองจากหาดสมิหลาไปในทะเลจะเห็นเกาะหนูและเกาะแมว ที่อยู่ห่างกันไม่มากนัก

และนี่ก็คือตำนานแห่งเกาะหนู-เกาะแมว ซึ่งบางคนอาจจะมองเห็นรูปร่างของเกาะหนู-เกาะแมวเป็นรูปร่างอื่นๆก็สุดแท้แต่จินตนาการของแต่ละคน
ประเพณีการละเล่นลูกหนูในงานสงกรานต์ จ.ปทุมธานี(ภาพ :www.pathum.go.th)
ประเพณีลูกหนู ชาวรามัญ

หากกล่าวถึงประเพณีการละเล่นจุดลูกหนู หลายคนอาจจะไม่รู้จัก เนื่องจากประเพณีนี้เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวมอญรามัญ ปรากฏในบางพื้นที่ของ จ.นนทบุรี และจ.ปทุมธานี โดยลูกหนู นั้นเป็นดอกไม้เพลิงชนิดหนึ่งที่ในอดีตชาวรามัญจะใช้จุดในตอนมีศึกสงคราม เพื่อเป็นการข่มขวัญและสร้างความวุ่นวายแก่ข้าศึก ต่อมาได้นำไปใช้ในพิธีจุดไฟเผาศพพระสงฆ์แทนการจุดไฟเผาศพด้วยมือ เนื่องจากพระสงฆ์เป็นสถาบันที่ชาวมอญให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก

แต่เนื่องจากแรงวิ่ง ของลูกหนูบางครั้งทำให้ ศพกระจัดกระจายเป็นที่อุจาดตา ปัจจุบันจึงเปลี่ยนแปลง ให้เหมาะสม โดยสร้างเมรุจำลอง สำหรับทำพิธีขึ้นต่างหาก มีปราสาทโลงศพเช่นกัน ส่วนศพจริงๆ นั้นตั้งไว้ที่เมรุสำหรับเผาจริง เวลาจุดลูกหนูก็จะจุดไปที่เมรุจำลอง เนื่องจากดอกไม้เพลิงชนิดนี้ต้องใช้พื้นที่ท้องนาเป็นสนามจุด เมื่อลูกหนูหลุดจากสายไปแล้วบางลูกกระทบพื้นดินแล้วกลิ้งไปตามท้องนาดูเหมือนลูกหนูวิ่ง

ต่อมาการจุดลูกหนูพัฒนากลายมาเป็น การละเล่นแข่งขันกัน โดยจะมีการส่งตัวแทนของวัดประมาณ 5-8 วัด หรือมากกว่านั้นสุดแต่ความใหญ่โตของงาน การแข่งขันนี้จะจุดทีละสายๆละตัว จนครบทุกสาย สายใดลูกหนูวิ่งไปชนยอดปราสาท ถือว่าชนะเลิศ ผู้ชนะจะมีกรแห่ยอดปราสาท กันอย่างครึกครื้น และมีรางวัลให้ตาม ความสามารถ ลดหลั่นกันไป เมื่อแข่งขันเสร็จแล้ว จึงมีการเผาจริงอีกครั้งหนึ่ง พิธีจุดลูกหนูนี้จะทำกันในตอนบ่าย ของวันเผาจริง วัดที่เคยมีชื่อเสียง ในการจุดลูกหนู ได้แก่ วัดสนามเหนือ ใกล้ท่าเรืออำเภอปากเกร็ด

ทั้งนี้อุปกรณ์ในการจัดทำลูกหนู แต่เดิมใช้ไม้ไผ่ตัดเป็นท่อนๆ บรรจุดินปืนไว้ข้างใน เรียกว่า"ตัวลูกหนู" แต่เนื่องจากลูกหนูไม้ไผ่มีกำลังวิ่งน้อย ปัจจุบันจึงมีการเปลี่ยนมาทำด้วยไม้มะม่วงบ้าง ไม้ขนุนบ้าง ตัดเป็นท่อนๆ(ยาวประมาณ 80 เซนติเมตร) เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร เจาะรูตรงกลางเพื่อบรรจุดินปืนแล้วอุดหัวและท้าย แล้วเจาะรูด้านหนึ่ง สำหรับใส่สายชนวน แขวนตัวลูกหนูไว้กับลวดสลิง เส้นใหญ่ ซึ่งขึงเป็นสายยาวประมาณ 200 เมตร สายหนึ่งมีลูกหนูประมาณ 6-12 ตัว ต้นสายผูกติดไว้กับต้นไม้ส่วยปลายสาย จะทำเขื่อน ด้วยไม้ปักเป็น ขาทรายตรึง ไว้ส่วนมากจะมีหาบพาดกลาง ให้ลูกหนูทุกสายได้ผูกเล็งตรงยังโลงศพที่อยู่ในปราสาท ตัวเขื่อนนี้ห่างจากเมรุ ประมาณ 20-30 เมตร การจุดลูกหนูครั้งหนึ่งจะใช้กี่สายก็ได้ แต่สายหนึ่งต้องจุดทีละตัว
นอกจากนี้การละเล่นจุดลูกหนู ยังใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ โดยส่วนใหญ่นิยมเล่นกันในประเพณีสงกรานต์ ปัจจุบันประเพณีการละเล่นลูกหนูค่อนข้างหาชมได้ยาก แต่จะพอมีให้ชมบ้างอย่างเป็นทางการก็ในงานสืบสานประเพณีสงกรานต์ของจังหวัดประทุมธานี ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าในอนาคตหากไม่มีการอนุรักษ์ไว้ ประเพณีการละเล่นลูกหนูอาจจะเลือนหายไปจากเมืองไทยก็เป็นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น