สวิสเซอร์แลนด์ชื่อนี้เชื่อว่าคงเป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคน เพราะมีชื่อเสียงด้านแหล่งท่องเที่ยวที่งดงาม อากาศเย็นสบายบริสุทธิ์ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ก็เป็นหนึ่งคนที่ใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์สักหนเช่นกัน แต่เมื่อเงินในกระเป๋ามีไม่พอ เลยทำได้แค่เพียงไปสรรหาที่กินอาหารสวิสแทนไปพลางๆก่อน โดยเลือกมาที่ร้าน "Chesa" ที่ซอยสุขุมวิท 20
ร้านนี้เจ้าของร้าน คือ มร.โทมัส โนวัค เป็นชาวสวิสแท้ๆ ที่หลงเสน่ห์เมืองไทยอยู่มานานนับ10 ปี แต่ก็ไม่ลืมหอบหิ้วเอาอาหารสวิสแท้ๆตามมาด้วย เนื่องจากเห็นว่าที่เมืองไทยยังไม่มีอาหารสวิสแท้ๆกินกัน อาหารสวิสที่นี่จึงเป็นสูตรดั้งเดิมที่ให้รสชาติชวนกินไปอีกแบบ
Chesa ในภาษาสวิสแปลว่าบ้าน ซึ่งชื่อร้านดูเหมือนจะบอกตัวตนของร้านได้เป็นอย่างดี บรรยากาศการตกแต่งร้านโทนสีขาว-แดง ที่นี่ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น เป็นกันเอง เหมือนนั่งกินข้าวอยู่กันบ้านมากกว่ากำลังคิดว่าออกมานั่งกินอยู่ในร้านอาหาร
เมื่อหามุมเหมาะได้แล้ว ลำดับต่อมาก็คือการเลือกสั่งอาหาร เพื่อนที่มาด้วยอยากกินฟองดู แต่มื้อนี้ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ต้องขอผ่านด้วยเหตุผลที่ว่า เวลาเอ่ยถึงอาหารสวิส ทุกคนมักจะคิดถึงฟองดู แต่จริงๆแล้วอาหารสวิสไม่ได้มีดีแค่ฟองดูเท่านั้น จึงอยากลิ้มลองอะไรที่แปลกใหม่บ้าง
จึงประเดิมด้วยการสั่ง Fresh imported mache salad (280 บาท++) สลัดจานนี้นิยมมากในสวิส ใช้ผักสดที่นำเข้าจากสวิส มาคลุกเคล้าให้เข้ากันกับ ถั่ว ครีมสูตรเฉพาะ ไข่ต้ม ก่อนราดด้วยน้ำสลัดเดรซซิ่งสูตรเด็ด โรยหน้าด้วยเบค่อน ให้รสนวลเนียนมันๆลื่นคอดี
ตามด้วยอาหารสวิสแท้อย่าง Capuns (240 บาท++) ใช้ใบสวิสชาร์ด มาห่อเบคอน แป้ง ไข่ หัวหอม ที่ผ่านกระบวนผัดพร้อมด้วยกรรมวิธีอันเป็นสูตรลับพิเศษ การห่อต้องใช้ความชำนาญห่อให้มีลักษณะคล้ายกับติ่มซำ แล้วราดด้วยน้ำราด ที่มีส่วนผสมของน้ำสต็อกหมู มะเขือเทศ ก่อนโรยหน้าด้วยพาเมซานชีส จานนี้กลมกล่อม แป้งที่อยู่ข้างในใบสวิสชาร์ด นุ่ม มีรสหวาน มัน เค็ม
ต่อกันด้วย Berner senne rosti (350 บาท++) จานนี้มีลักษณะคล้ายพิซซ่า แต่พิเศษตรงที่ทางร้าน เปลี่ยนจากการใช้แป้งพิซซ่า มาเป็นการใช้มันฝรั่งใส่ชีสแทน พร้อมด้วยส่วนผสมอย่างหอมหัวใหญ่และเบคอน เวลากินหั่นเป็นชิ้นๆเหมือนพิซซ่าเสิร์ฟร้อนๆชีสเหนียวหนึบ ส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกลรสชาติมันๆ เค็มๆ
อีกหนึ่งจาน คือ Lammkarree mit knoblauch(620 บาท++) น่องแกะตุ๋นกับไวท์แดงจนเปื่อยนุ่ม และทางร้านได้นำซอสที่ได้จากการตุ๋นเนื้อแกะอันเข้มข้นนี้ นำมาทำน้ำราดเพื่อไว้ราดบนน่องแกะอีกที โดยนำมาผสมกับเครื่องเทศ ที่มีโรสแมรี่ ปาล์ม อาริกาโน โวยกรรมวิธีพิเศษอันซับซ้อน เมื่อสั่งแล้วต้องรอ 15-20นาที จึงจะได้ลิ้มรสน่องแกะตุ๋นไวท์แดงอันนุ่มหวาน เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งบด
รั้งท้ายขบวนด้วย Rhabarber kompot mit vanille eis (190 บาท++) ผักรูบาส์ท ที่มีก้านสีแดงเมื่อนำมาตุ๋นจนเปื่อยกับน้ำแอปเปิ้ลเติมน้ำตาลเล็กน้อย ตุ๋นประมาณ 20 นาที จะได้ผักสีแดงที่มีรสเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวนิลา เข้ากับรสชาติหวานเย็นของไอศกรีมวนิลาได้เป็นอย่างดี
และสำหรับคนรักฟองดูที่นี่เขาก็มีให้เลือกกินกันหลากหลายอย่าง Cheese fondue (480บาท++), Fondue bourguignon (540บาท++), สวิสช็อกโกแลต ฟองดู (260บาท++) ยังมีเมนูน่าลองอย่าง เนื้อตากแห้งแบบสวิส (340บาท++)และBarley soup(150บาท++) ไว้รอคอยเหล่านักกินอีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
การเดินทางมายังร้าน "Chesa" สามารถมาได้ด้วยรถไฟฟ้า บี ที เอส ลงสถานีอโศกแล้วเดินย้อนลงมาที่ ซอยสุขุมวิท 20 เดินเข้าซอยมาเล็กน้อยจะพบป้ายร้าน Chesa เป็นอักษรสีแดง อยู่ซ้ายมือ เดินเข้าไปอีกหน่อยไม่ถึง 50 เมตร ก็จะเห็นป้ายหน้าร้าน จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมวินเซอร์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา11.00 – 23.00น.ทุกวัน สามารถจอดรถได้หลังร้าน ยินดีรับบัตรเครดิตทุกชนิด โทร.0-2261-6650
คลิก!! อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน "Chesa"