xs
xsm
sm
md
lg

ขบวนการรากหญ้าก่อตัวทั่วโลก ชวน‘อันปลั๊ก’พักสมองจากไฮเทค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชารอน ซาร์เมียนโต รู้ว่าถึงเวลาต้องถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์แล้ว เมื่อเธอเขียนบล็อกวุ่นวายในฝัน และหูแว่วได้ยินเสียงข้อความด่วน

สำหรับเอเรียล สตัลลิง หลังจากนั่งท่องเน็ตเป็นชั่วโมงๆ เธอรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนคลับคล้ายอาการเมาค้าง

ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการรากหญ้า ที่ซึ่งจอมยุทธ์ไฮเทค ผู้เสพติดเน็ต คอแบล็กเบอร์รี กำลังตัดสินใจที่จะเรียกอำนาจการควบคุมชีวิตของตัวเองกลับคืนมาจากอุปกรณ์สื่อสารเหล่านั้น อย่างน้อยสักหนึ่งวันในรอบสัปดาห์หรือรอบเดือน

“เหมือนความคิดของเราแตกออกเป็นล้านเสี่ยง เพราะฉะนั้น การตัดขาดจากเทคโนโลยีตลอดทั้งวันเต็มๆ จะทำให้คุณกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง” ซาร์เมียนโต เจ้าของธุรกิจเสมือนจริงและบล็อกเกอร์มืออาชีพวัยเลขสามนำหน้า กล่าว

บางคนเรียกว่า ‘วันซับบาท (วันประกอบพิธีและวันพักผ่อนของศาสนาคริสต์) ทางโลก’ บ้างเรียก ‘วันถอดปลั๊ก’

ขณะที่เดนิส บิสทรอฟ และแอชชูทอช ราจีการ์ นักพัฒนาโปรแกรมในแคนาดา กำลังรณรงค์โครงการ ‘วันปิดเครื่อง’ ในเดือนหน้า

สตัลลิง นักเขียน บล็อกเกอร์ และผู้จัดการฝ่ายการตลาดนอกเวลาของไมโครซอฟท์วัย 33 ปี ตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่เดือนมกราคมว่า ปีนี้จะไม่เล่นคอมพิวเตอร์ 52 คืน

“ฉันบ้าเทคโนโลยี แต่ก็รู้ว่านี่เป็นปัญหาเมื่อฉันนั่งเช็คเมลก่อนนอน เพียงเพื่อจะตื่นขึ้นมานั่งดูคลิปลูกหมาในยูทิวบ์ในอีกหกชั่วโมงให้หลัง

“ฉันลองนึกดูว่าทำอะไรไปบ้างเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วแต่นึกไม่ออก บางครั้งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเมาค้าง”

ดังนั้น สตัลลิงจึงจัดการถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ ปิดโทรศัพท์มือถือและทีวีทุกคืนวันพุธ

แต่วันรุ่งขึ้นและวันอื่นๆ เธอจะรีบร้อนเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อกระจายผลผ่านบล็อกของตัวเอง (http://52nightsunplugged.ning.com) และเชื่อมต่อกับคนนับพันทั่วโลกที่ติดนิสัยชอบพิมพ์ข้อความสั้นระหว่างขับรถ หิ้วโน้ตบุ๊กเข้าห้องน้ำด้วย หรือเช็คเมลระหว่างดินเนอร์

“ฉันเคยคิดว่านี่เป็นปัญหาของฉันและพวกบ้าคอมพิวเตอร์เหมือนกันเท่านั้น แต่ไม่นานก็เริ่มได้ยินเสียงบ่นเรื่องเดียวกันนี้จากอิตาลี โปแลนด์ เช็ก หรือแม้แต่โคลอมเบีย ฉันถึงได้ตระหนักว่านี่ไม่ใช่แค่ปัญหาของคนอเมริกัน แต่เป็นปัญหาระดับโลกเลยทีเดียว” สตัลลิงสำทับ

ดร.เดฟ กรีนฟิลด์ ผู้บริหารศูนย์พฤติกรรมอินเทอร์เน็ตในคอนเน็กติกัต สหรัฐฯ รับลูกว่าคนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าเป็นเรื่องตลกเมื่อตนเตือนเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปในหนังสือ ‘เวอร์ชวล แอ็ดดิกชัน’ ที่ออกมาเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว

กรีนฟิลด์เสริมว่า จากผลศึกษาหลายฉบับมีการประเมินว่าประชากรอเมริกัน 1-10% ใช้เทคโนโลยีในวิถีทางที่อาจส่งผลกระทบแง่ลบต่อชีวิต ความสัมพันธ์ สุขภาพ และการงาน

กระนั้น การเสพติดระบบดิจิตอลต่างจากการติดยา เหล้า การพนัน เพราะคนที่ติดสารเสพติดเหล่านี้ส่วนใหญ่มักตัดใจลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือก็ต่อเมื่อถูกครอบครัวหรือคนรักชักจูงแกมรบเร้า หรือไม่เช่นนั้นก็จำยอมเพราะมีปัญหาด้านกฎหมายหรือปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ไม่เหมือนขบวนการอันปลั๊กที่แต่ละคนริเริ่มละวางและเปลี่ยนพฤติกรรมการเสพติดด้วยตัวเอง

ซาร์เมียนโตจากอลาบามา สหรัฐฯ เจ้าของบล็อก ‘อีซุป’ (http://www.esoupblog.com/) บอกว่าตอนนี้เธอกลับมาวาดรูปอีกครั้ง รวมถึงเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครต่างๆ หลังจากเริ่มต้น ‘วันพักดิจิอล’ เมื่อสองเดือนที่แล้ว

เธอเสริมว่า บางครั้งเธอพักจากกิจกรรมไฮเทคตลอดช่วงสุดสัปดาห์ โดยมาตรการริเริ่มนี้เกิดขึ้นหลังจากเธอฝันว่าเล่นเน็ต และได้ยินเสียงเตือนว่ามีเมลเข้ามาทั้งที่อยู่ในสนามหลังบ้าน ซึ่งทำให้รู้ว่าตัวเองใช้เวลาออนไลน์พร่ำเพรื่อไปแล้ว

ด้านสตัลลิงชวนสามีไปเรียนลีลาศ หาเวลาพบปะเพื่อนฝูงบ่อยขึ้น และเขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเอง

“หลายครั้งที่คุณไม่ได้อะไรเป็นเนื้อเป็นหนังเลย นอกจากการนั่งหลังแข็งและก้นระบมเพื่อออนไลน์”
กำลังโหลดความคิดเห็น