ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ เพื่อยกระดับแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการกำกับดูแลการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ รวมทั้งตรวจจับธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย โดยเฉพาะธุรกรรมซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีปริมาณธุรกรรมสูงขึ้นมากผิดปกติ และเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินบาทด้านแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ด้าน ดังนี้
(1) การเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล ยกระดับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อปิดช่องว่างทางกฎหมาย โดยเน้นการระบุผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (Ultimate Beneficial Owner: UBO) ให้เข้มขั้นขึ้นขึ้น เพื่อป้องกันการใช้ตัวแทนอำพราง (Nominee) ในการซื้อขายทองคำปริมาณมาก และทำให้การติดตามบุคคคคลที่มีความเสี่ยงสูงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์มากขึ้น
(2) การวิเคราะห์พฤติกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย เพื่อกำหนดปัจจัยบ่งชี้พฤติกรรมผิดปกติ พร้อมทั้งเสนอแนวทางป้องกันและจัดการกับธุรกรรมที่ผิดปกติดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม
(3) การกำหนดแนวทางการกำกับดูแลและตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ โดยจัดทำแนวทางการยกระดับการกำกับดูแลและตรวจสอบติดตามธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำให้ครอบคลุม เข้มข้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้อำนาจตามกฎหมายของแต่ลงแต่ละหน่วยงาน
ที่ผ่านมา ธปท.ได้เพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัททองคำ และกำหนดให้กลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่รายงานข้อมูลการทำธุรกรรมการซื้อขายทองคำมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สำนักงาน ปปง.ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกในหลายมิติเพื่อป้องกันมีให้ผู้กระทำความผิดใช้ผู้ประกอบธุรกิจค้าทองคำเป็นช่องทางในการฟอกเงิน
สำหรับความร่วมมือระหว่าง ธปท. และ ปปง.ในครั้งนี้จะทำให้การกำกับดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น เป็นการปิดช่องว่างที่ไม่มีหน่วยงานเฉพาะในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจค้าทองคำ รวมทั้งป้องกันมีให้การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำถูกใช้เป็นเครื่องมืองมือในการสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย เพิ่มความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการลงทุนทองคำ อันจะนำไปสู่เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและการเงินในภาพรวม


