xs
xsm
sm
md
lg

บิทคอยน์จ่อ Supply Squeeze ครั้งใหญ่ สัญญาณของขาดหลังเหรียญไหลออกจากตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดคริปโตฯ ส่งสัญญาณ “ของขาด” ครั้งใหญ่! Santiment แฉข้อมูล On-chain พบ Bitcoin กว่า 4.03 แสนเหรียญ ถูกโอนย้ายออกจากศูนย์ซื้อขายเกลี้ยงนับตั้งแต่ปลายปีก่อน คิดเป็น 2% ของอุปทานทั้งโลก มูลค่ามหาศาลไหลเข้าสู่ “Cold Storage” และกองทุน ETF ที่หิวกระหาย กูรูชี้ภาวะ “Supply Squeeze” กำลังก่อตัวเงียบๆ เมื่อเหรียญในมือนักเทรดลดฮวบ สวนทางความต้องการสถาบันที่พุ่งสูง ย้ำชัดยุค “เก็งกำไรระยะสั้น” กำลังจบลง แทนที่ด้วยการ “ถือยาว” ของรายใหญ่ที่ไม่ง้อกระดานเทรด

Santiment แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ ได้เปิดเผยรายงานที่น่าจับตามองผ่านแพลตฟอร์ม X เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยระบุถึงการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินครั้งมโหฬารในโลกคริปโทเคอร์เรนซี ข้อมูลบ่งชี้ว่านับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2567 เป็นต้นมา มี Bitcoin (BTC) จำนวนกว่า 403,000 เหรียญ ถูกโอนย้ายออกจากกระดานเทรด (Exchanges) ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งปริมาณดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนราว 2% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมด

การลดลงของปริมาณ Bitcoin บนกระดานเทรดถือเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญ (Key Indicator) ในเชิงบวกสำหรับภาพรวมระยะยาว ตามทฤษฎีแล้ว เมื่อนักลงทุนโอนสินทรัพย์ออกจากกระดานเทรดไปเก็บไว้ในกระเป๋าเงินส่วนตัว (Cold Storage) หรือสถาบันรับฝากทรัพย์สิน นั่นหมายความว่าพวกเขามีแผนที่จะ “ถือครองระยะยาว” (HODL) มากกว่าที่จะเทขายทำกำไรในระยะสั้น

“โดยทั่วไปแล้ว นี่คือสัญญาณบวกในระยะยาว ยิ่งเหรียญคงเหลือบนกระดานเทรดน้อยลงเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดการเทขายครั้งใหญ่ (Major Sell-off) จนราคาร่วงหนักก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น” Santiment วิเคราะห์ พร้อมเสริมว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ราคา Bitcoin ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 90,000 ดอลลาร์

เมื่อปีที่แล้ว มี Bitcoin ในตลาดแลกเปลี่ยนประมาณ 1.8 ล้านเหรียญ ที่มา: Santiment
เปลี่ยนมือสู่ ‘สถาบัน’ เมื่อ ETF กลายเป็นวาฬตัวจริง

แม้ส่วนหนึ่งของ Bitcoin ที่ไหลออกจะเข้าสู่มือนักลงทุนรายย่อยที่เก็บเหรียญเอง แต่ เจียนนิส อังเดร (Giannis Andreou) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Bitmern Mining ชี้ให้เห็นอีกมิติที่สำคัญกว่า นั่นคือบทบาทของ กองทุน Spot Bitcoin ETF ที่กำลังทำหน้าที่เป็น “เครื่องดูดฝุ่น” ดูดซับอุปทานส่วนเกินออกจากตลาด

อังเดรอ้างอิงข้อมูลจาก BitcoinTreasuries.Net ซึ่งเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจว่า ปัจจุบัน กองทุน ETF และบริษัทมหาชน (Public Companies) ถือครอง Bitcoin รวมกัน “มากกว่า” ปริมาณ Bitcoin ที่เหลืออยู่บนกระดานเทรดทั้งหมดเสียอีก นี่คือจุดเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญหลังจากที่กระแสเงินทุนไหลออกจากกระดานเทรดมานานหลายปี ในขณะที่ ETF ได้ซุ่มเก็บสะสม (Accumulate) อย่างเงียบเชียบ

“การถือครองโดยสถาบันได้ก้าวเข้าสู่เฟสใหม่แล้ว และแน่นอนว่าอุปทานที่มีสภาพคล่องลดน้อยลง, ผู้ถือระยะยาวเพิ่มมากขึ้น, การตอบสนองของราคา (Price Reflexivity) แข็งแกร่งขึ้น ตลาดกำลังถูกขับเคลื่อนโดยยานพาหนะทางการเงินที่ถูกกำกับดูแล (Regulated Vehicles) ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มเทรดอีกต่อไป” อังเดรกล่าว

จำนวนบิทคอยน์ที่ถืออยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา ที่มา: CoinGlass
วิกฤต Supply Squeeze ภาวะ ‘ของมีน้อย’ ที่กำลังก่อตัว

ข้อมูลจาก CoinGlass แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลคริปโตฯ อีกแห่ง ยืนยันแนวโน้มเดียวกัน โดยระบุว่า ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ปริมาณ Bitcoin ที่เหลืออยู่บนกระดานเทรดทั่วโลกเหลือเพียงประมาณ 2.11 ล้านเหรียญ เท่านั้น

ในทางกลับกัน ข้อมูลจาก BitBo ระบุว่า กองทุน ETF ต่างๆ ถือครอง Bitcoin รวมกันกว่า 1.5 ล้านเหรียญ และเมื่อรวมกับบริษัทมหาชนที่ถือครองอีกกว่า 1 ล้านเหรียญ ทำให้สัดส่วนการถือครองของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้พุ่งสูงถึงเกือบ 11% ของอุปทานทั้งหมด

อังเดร ทิ้งท้ายด้วยบทวิเคราะห์ที่เฉียบคมว่า “การเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่คนส่วนใหญ่คิด Bitcoin ไม่ได้ไหลเข้ากระดานเทรดอีกต่อไป แต่มันกำลังไหลออกจากกระดานเทรดตรงเข้าสู่มือสถาบันที่ไม่คิดจะขายออกง่ายๆ ภาวะบีบตัวของอุปทาน (Supply Squeeze) กำลังก่อตัวขึ้นแบบเรียลไทม์”

สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดกำลังเข้าสู่สภาวะความตึงตัวของอุปทาน (Supply Shock) ซึ่งหากความต้องการ (Demand) ยังคงหลั่งไหลเข้ามาผ่าน ETF อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ “ของ” ในตลาดมีจำกัด ราคาของ Bitcoin อาจมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้อย่างรุนแรงและยั่งยืนในอนาคตอันใกล้