xs
xsm
sm
md
lg

DSI ทลายเหมืองบิทคอยน์เครือข่ายจีนเทา ลักไฟหลวง 3 พันล้าน ยึดของกลาง 300 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายก ฯ ‘อนุทิน’ ผนึกกำลัง ยุติธรรม-ดีอี-ดีเอสไอ เปิดปฏิบัติการ ‘Operation Copperhead’ บุกทลายเหมืองขุดบิทคอยน์ผิดกฎหมายเครือข่ายยักษ์ใหญ่ ยึดแท่นขุดกว่า 3,600 เครื่อง มูลค่ารวม 300 ล้านบาท แฉพฤติการณ์สุดแสบใช้นวัตกรรมตู้คอนเทนเนอร์เก็บเสียง-ระบายความร้อนด้วยน้ำ ตบตาเจ้าหน้าที่ ลักลอบใช้ไฟหลวงนาน 3 ปี ทำรัฐสูญรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท พบเส้นทางเงินโยงใยกลุ่มทุน ‘จีนเทา’ และฐานแก๊งสแกมเมอร์ในพม่า ใช้คริปโตเป็นท่อฟอกเงินหมุนเวียนสะพัด 5,000 ล้าน

วันนี้ (3 ธ.ค. 2568) เวลา 15.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยหน่วยงานด้านยุติธรรมและเศรษฐกิจดิจิทัลระดับสูง ประกอบด้วย พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม, นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจาก ดีเอสไอ และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ร่วมกันแถลงผลสำเร็จของปฏิบัติการกวาดล้างเหมืองบิตคอยน์เถื่อนภายใต้รหัส “Operation Copperhead” คดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจครั้งประวัติศาสตร์


เจาะปฏิบัติการ ‘Copperhead’ ยึดอุปกรณ์ขุดบิทคอยน์เถื่อนเหรียญกว่า 300 ล้าน

ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการสืบสวนเชิงลึก เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้สั่งการให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ สนธิกำลังกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และ กฟภ. เขต 3 (ภาคกลาง) ปูพรมเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 7 จุด ในจังหวัดสมุทรสาคร (6 จุด) และอุทัยธานี (1 จุด)

ผลการตรวจค้นพบภาพที่น่าตกตะลึง เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดและอายัดเครื่องขุดบิทคอยน์ (ASIC Miners) ได้รวมทั้งสิ้น 3,642 เครื่อง มูลค่าประมาณ 270 ล้านบาท รวมกับระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบอีก 30 ล้านบาท เบ็ดเสร็จมูลค่าการลงทุนของเครือข่ายเถื่อนนี้สูงกว่า 300 ล้านบาท


แฉ ‘นวัตกรรมโจร’ ดัดแปลงตู้คอนเทนเนอร์เก็บเสียง-ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำบังตา

สิ่งที่น่าสนใจในเชิงเทคนิคคือ กลุ่มคนร้ายได้ยกระดับการกระทำความผิดด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าที่ผิดปกติ โดยส่วนใหญ่มีการซุกซ่อนเครื่องขุดไว้ภายใน “ตู้คอนเทนเนอร์” ที่ถูกดัดแปลงพิเศษด้วยนวัตกรรมเก็บเสียง และใช้ “ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ” (Water Cooling System) แทนพัดลมแบบเดิม ทำให้เหมืองทำงานเงียบเชียบและลดความร้อนสะสม ยากต่อการตรวจจับด้วยกล้องความร้อนหรือเสียงรบกวน


แกะรอย ‘จีนเทา-สแกมเมอร์’ ท่อน้ำเลี้ยงอาชญากรรมข้ามชาติ

จากการขยายผลเส้นทางการเงินและข้อมูลดิจิทัล พบความเชื่อมโยงที่น่ากังวลระดับความมั่นคง โดยผู้บงการรายใหญ่ของเครือข่ายนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “กลุ่มทุนจีนเทา” ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศพม่า ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับ “ขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ”

เครือข่ายนี้ลักลอบดำเนินการมานานกว่า 3 ปี สร้างความเสียหายจากการขโมยกระแสไฟฟ้า (Losses) ให้กับรัฐคิดเป็นมูลค่ามหาศาลกว่า 3,000 ล้านบาท โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบเครือข่ายมากกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเส้นทางเงินบางส่วนไหลเข้าสู่ระบบสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Bitcoin ชี้ชัดว่าเหมืองขุดเหล่านี้คือหนึ่งในเครื่องจักรผลิตเงินและฟอกเงินให้กับกลุ่มจีนเทาและแก๊งคอลเซ็นเตอร์


รัฐประกาศสงคราม จ่อประสาน ‘ปักกิ่ง’ ยึดทรัพย์-ล้างบาง

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ยืนยันว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลไปสู่การฟอกเงินและการยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดทั้งหมด โดยเตรียมยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ ประสานงานกับทางการจีน ซึ่งได้มีการหารือเบื้องต้นแล้ว เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีและสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติไม่ให้ใช้ไทยเป็นฐานการฟอกเงิน

ทั้งนี้ ปฏิบัติการ “Operation Copperhead” ถือเป็นการขยายผลต่อเนื่องจากยุทธการ “Bitforge Operation” (รื้อเหมืองขุดบิทคอยน์ลับ) เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ที่เคยตรวจยึดเครื่องขุดได้ 1,788 เครื่อง ในสมุทรสาคร โดยปฏิบัติการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กัดกินทรัพยากรของชาติและคุกคามความมั่นคงของประชาชน




















































กำลังโหลดความคิดเห็น