ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (CREDIT) เผยผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1,013.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 9.5% จากไตรมาสก่อน ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจำนวน 114.0 ล้านบาทหรือร้อยละ 2.6 ประกอบกับธนาคารมีกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมสำหรับสินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนเท่ากับ 84.8 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้วกำไรสุทธิลดลง 11%
ขณะที่ผลประกอบการงวดเก้าเดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 2,841.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 16.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.82 บาทในไตรมาส 3 ปี 2568 และ 2.30 บาท ในงวดเก้าเดือนแรก สะท้อนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจากการดำเนินงานที่มีความรอบคอบและการบริหารความเสี่ยงที่แข้มแข็งพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโต ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 มาจากการขยายตัวของสินเชื่อรวมอยู่ที่ 177,670.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารยังคงรักษาการเติบโตของพอร์ตหลักได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อธุรกิจ Micro SME ที่ขยายตัว 14.6%, สินเชื่อที่มีบ้านเป็นหลักประกันเพิ่มขึ้น 11.3%, และสินเชื่อบุคคลเติบโตโดดเด่น 55.3%
ขณะเดียวกัน ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลงถึง 24.1% จากปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพของการบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่ออย่างรอบคอบ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ช่วยยกระดับคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (Gross NPLs Ratio) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.2% ถึงแม้ว่าอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) จะปรับลดลงจากปีก่อน แต่ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 7.6%
นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เปิดเผยว่า ธนาคารไทยเครดิตยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างรอบคอบ ภายใต้กรอบการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง พร้อมพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทุกกลุ่ม และสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ธนาคารยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโต โดยตั้งเป้ารักษาอัตราการขยายตัวของสินเชื่อในระดับเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง พร้อมควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ให้อยู่ต่ำกว่า 4.5%
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ธนาคารไทยเครดิตได้ขยายเครือข่ายสาขาเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดให้บริการเพิ่มอีก 3 สาขาในทำเลศักยภาพ ได้แก่ สาขาถนนนิมมานเหมินท์ จังหวัดเชียงใหม่ สาขาวี วรรณ ทาวเวอร์ และสาขาเซ็นทรัล พาร์ค เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม อีกทั้งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์การเติบโตของธนาคาร ทั้งในด้านการขยายฐานลูกค้าและการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการอย่างครบวงจร