นักลงทุนรายใหญ่ระดับวาฬเปิดสถานะชอร์ตบิทคอยน์กว่า 122 ล้านดอลลาร์ บนแพลตฟอร์ม DeFi “Hyperliquid” หลังเพิ่งฟันกำไรไป 200 ล้านจากการดิ่งรอบก่อน สะท้อนแรงเทขายและความผันผวนที่ยังปกคลุมตลาดคริปโตทั่วโลก ด้านนักวิเคราะห์ชี้เป็น “สัญญาณเตือนความเชื่อมั่น” ที่สั่นคลอน ก่อนการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของราคา
ตามข้อมูลจาก Arkham Intelligence ระบุว่าตลาดบิทคอยน์กลับมาร้อนระอุอีกครั้งเมื่อ “วาฬคริปโต” รายใหญ่ได้เปิดสถานะชอร์ตบิทคอยน์มูลค่าสูงถึง 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,600 ล้านบาท) ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายแบบกระจายศูนย์ Hyperliquid
แหล่งข่าวระบุว่าวาฬรายนี้ได้โอนเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ในเหรียญ USDC เข้าสู่ Hyperliquid เพื่อเป็นทุนเปิดสถานะ โดยคาดว่าใช้เลเวอเรจระดับ 10 เท่า ที่ราคาเฉลี่ยราว 109,762 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ โดยหากราคาพุ่งขึ้นถึง 135,320 ดอลลาร์ จะถูกบังคับปิดสถานะ (liquidation)
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนรายเดียวกันเพิ่งทำกำไรไปกว่า 200 ล้านดอลลาร์ จากการเปิดชอร์ตบิทคอยน์ในรอบการร่วงครั้งใหญ่ ที่ราคาลงไปแตะระดับประมาณ 105,000 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในดีลที่สร้างแรงสะเทือนต่อตลาดอนุพันธ์คริปโตทั่วโลก
ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วาฬรายนี้ยังได้เคลื่อนย้ายบิทคอยน์มูลค่ารวมกว่า 540 ล้านดอลลาร์ เข้าสู่กระเป๋าใหม่หลายใบ โดยมีบางส่วนกว่า 220 ล้านดอลลาร์ ถูกโอนไปยัง Coinbase ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าอาจเป็นการเตรียม “ขายทำกำไร” เพิ่มเติม
จากข้อมูลของ Arkham พบว่า วาฬรายนี้มีพอร์ตสินทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 4.8 พันล้านดอลลาร์โดยส่วนใหญ่ถือครองใน บิทคอยน์และ USDC ทำให้การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งส่งผลโดยตรงต่อภาวะอารมณ์ของตลาด
ณ เวลาที่เผยแพร่ข่าว บิทคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ 109,544 ดอลลาร์ ลดลง 1.4% ในรอบ 24 ชั่วโมง สะท้อนแรงขายที่ยังครอบคลุมตลาดคริปโต ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเริ่มชะลอการเข้าสะสม
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การชอร์ตครั้งนี้อาจเป็นเพียง “การป้องกันความเสี่ยง (hedging)” จากผู้ถือครองรายใหญ่ แต่อีกฝ่ายเชื่อว่าเป็นสัญญาณของ “แรงเทขายรอบใหม่” ที่อาจทำให้บิทคอยน์เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน ความผันผวนในตลาดอนุพันธ์ยังทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากการปรับฐานราคาในเดือนที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนสถาบันบางส่วนเริ่มทยอยลดพอร์ตสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรอดูทิศทางใหม่
ขณะที่ในภาพรวม เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงบรรยากาศ “หวาดระแวง” ในตลาดคริปโต ที่แม้บิทคอยน์ยังเป็นสินทรัพย์หลักของนักลงทุนรายใหญ่ แต่ความไม่แน่นอนของราคาและแรงเก็งกำไรสูง กำลังกลายเป็นสมรภูมิเดิมพันที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและแรงกระเพื่อมมหาศาล.


