บิทคอยน์เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 116,200 ดอลลาร์ ท่ามกลางการจับตาการประชุม FOMC ครั้งแรกของปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% ลงสู่ 4.25% ท่าทีและถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด อาจเป็นตัวจุดชนวนสำคัญ กำหนดทิศทางราคาบิทคอยน์ว่าจะพุ่งทะยานสู่ 130,000 ดอลลาร์ หรือถอยกลับสู่โซน 114,000 ดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ และความเคลื่อนไหวของตลาดอนุพันธ์ยังคงเป็นตัวเร่งบรรยากาศลงทุนที่ร้อนแรง
ราคาบิทคอยน์ (BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบบริเวณ 116,200 ดอลลาร์ในวันพุธ ก่อนหน้าการประกาศผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ที่นักวิเคราะห์เกือบทั้งหมดคาดตรงกันว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.25% ซึ่งถือเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2568
ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่เพียงแค่ตัวเลขดอกเบี้ย แต่ยังรวมถึงถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งนักลงทุนเชื่อว่า จะกำหนดทิศทางตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น หากเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายต่อเนื่อง บิทคอยน์มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้านใหม่ที่ 130,000 ดอลลาร์ แต่หากถ้อยแถลงยังคงระมัดระวัง ตลาดอาจถอยกลับไปสู่ระดับรับ 114,000 ดอลลาร์
จับสัญญาณ "Rising Wedge" แนวรับ - แนวต้านสำคัญ
ในเชิงเทคนิค บิทคอยน์กำลังเผชิญจุดชี้ขาด โดยราคาถูกกดไว้ใต้ระดับ 117,300 ดอลลาร์ โครงสร้างกราฟระยะ 30 นาที แสดงให้เห็นการก่อตัวของ “rising wedge” ซึ่งมักสะท้อนแรงซื้อที่เริ่มอ่อนตัว ขณะเดียวกัน RSI หลุดต่ำกว่า 50 ตอกย้ำว่าพลังฝั่งกระทิงกำลังลดลง
จุดที่นักลงทุนต้องจับตา คือโซน 115,800–114,900 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับหลักที่มีค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (200-MA) และขอบล่างของช่องราคา หากหลุดต่ำกว่าแนวนี้ การปรับฐานอาจลึกลงไปสู่ 114,400 หรือแม้กระทั่ง 113,200 ดอลลาร์ ซึ่งเคยเป็นระดับซื้อสำคัญ ขณะที่หากยืนเหนือ 115,800 ดอลลาร์ได้ ยังมีโอกาสกลับไปทดสอบแนวต้าน 117,300–119,350 ดอลลาร์
นอกจากนี้โมเมนตัมราคายังคงอยู่ในแดนกลาง โดยเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 50 วันอยู่เหนือราคา ทำให้ภาพระยะสั้นเป็นลบ แต่หากเกิดแท่งเทียนรูปแบบ bullish engulfing หรือ hammer ใกล้แนวรับ อาจพลิกกลับเป็นสัญญาณเชิงบวก
"บริบทเศรษฐกิจ-การเมือง" กดดันเฟด
การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่การเมืองสหรัฐฯ กำลังร้อนแรง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันเฟดให้เร่งลดดอกเบี้ย และเพิ่งแต่งตั้งสตีเฟน มิแรน อดีตที่ปรึกษาทำเนียบขาวเข้าสู่บอร์ดเฟด แม้ความพยายามถอดถอนผู้ว่าการ ลิซา คุก จะล้มเหลวก็ตาม ซึ่งสะท้อนแรงกดดันต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง
“ดอทพลอต” หรือแนวโน้มดอกเบี้ยที่เฟดเผยแพร่ จะเป็นตัวกำหนดความเชื่อมั่นรอบนี้ ก่อนหน้านี้เฟดประเมินว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ แต่ตลาดเริ่มคาดว่าจะเห็นมากถึง 3 ครั้ง หากตัวเลขแรงงานอ่อนแอกว่าคาด
สำหรับบิทคอยน์ หากเฟดแสดงท่าทีผ่อนคลายเกินคาด จะหนุนให้ราคาพุ่งสู่แนวต้านใหม่ได้ทันที แต่หากเฟดยังคงระมัดระวัง ตลาดคริปโตอาจเคลื่อนไหวสะสมพลังใกล้ระดับปัจจุบันไปก่อน
โปรเจกต์ใหม่ "Bitcoin Hyper (HYPER) เร่งดึงกระแส"
ท่ามกลางบรรยากาศคาดหวังนี้ โปรเจกต์ Bitcoin Hyper ($HYPER) โผล่ขึ้นมาเป็นประเด็นที่ตลาดจับตามอง โดยวางตัวเป็น Layer 2 บนเครือข่ายบิตคอยน์ที่ใช้พลังของ Solana Virtual Machine (SVM) จุดเด่นคือการผสมผสาน “ความปลอดภัยของ BTC” เข้ากับ “ความเร็วสูงของ Solana” เพื่อสร้างระบบสมาร์ทคอนแทรกต์ แอปพลิเคชันกระจายศูนย์ และแม้แต่การสร้างเหรียญมีม
HYPER ผ่านการตรวจสอบโดย Consult เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและความสามารถในการขยายตัว ปัจจุบันยอดระดมทุนพุ่งเกิน 16.2 ล้านดอลลาร์แล้ว โดยราคาโทเคนอยู่ที่ 0.012925 ดอลลาร์ต่อเหรียญ และจะปรับสูงขึ้นเมื่อรอบพรีเซลใกล้ปิด
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของคริปโตโลก
สถานการณ์ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการเคลื่อนไหวทางเทคนิค แต่ยังสะท้อนการบรรจบกันของปัจจัยมหภาค การเมือง และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี หากเฟดลดดอกเบี้ยพร้อมส่งสัญญาณ “dovish” ขณะที่โปรเจกต์ใหม่อย่าง HYPER จุดกระแสความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น บิทคอยน์มีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ใหม่เหนือ 130,000 ดอลลาร์ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม หากเฟดยังเลือกความระมัดระวัง ตลาดอาจต้องรอจังหวะใหม่จากแรงซื้อสถาบันและการสะสมเหรียญ ETF สปอตที่จะกลับมาหนุนอีกระลอก