ยักษ์จัดการสินทรัพย์มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ “BlackRock” เปิดตัวกองทุนใหม่ภายใต้กรอบกฎหมาย GENIUS Act หวังรองรับความต้องการสำรองสินทรัพย์ของตลาดสเตเบิลคอยน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมวางตำแหน่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์สำรองชั้นนำของโลกดิจิทัลเพย์เมนต์
“BlackRock” บริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศเปิดตัว BlackRock Select Treasury Based Liquidity Fund (BSTBL) กองทุนตลาดเงินรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์และลูกค้าสถาบันที่ต้องการโซลูชันการบริหารเงินสดที่สอดคล้องกับกฎระเบียบทางการเงินสหรัฐฯ โดยเฉพาะภายใต้กรอบกฎหมาย GENIUS Act ที่เพิ่งผ่านการอนุมัติเมื่อช่วงต้นปี 2568
ตามแถลงการณ์ของ Jon Steel หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มระดับโลกของธุรกิจบริหารเงินสดของ BlackRock กล่าวว่า “เรากำลังเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากทั้งผู้ออกสเตเบิลคอยน์และลูกค้าที่ต้องการทางเลือกในการบริหารสินทรัพย์สำรองที่โปร่งใสและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวด กองทุน BSTBL เป็นอีกบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ BlackRock ในการนำนวัตกรรมทางการเงินมาสู่ตลาด และจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับธุรกิจบริหารสภาพคล่องของเราให้ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล”
ขณะที่กองทุนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้าองค์กร โดยอิงการลงทุนในพันธบัตรคลังสหรัฐฯ และตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ ภายใต้กรอบกำกับของ GENIUS Act ซึ่งได้กำหนดแนวทางชัดเจนสำหรับสินทรัพย์ที่ใช้สำรองสเตเบิลคอยน์ในระบบการชำระเงินดิจิทัล
“เรารู้สึกยินดีที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้าได้จริง และเชื่อว่ากองทุนนี้จะวางตำแหน่งให้ BlackRock กลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์สำรองหลักของระบบนิเวศดิจิทัลเพย์เมนต์ในอนาคต” Steel กล่าวเสริม
สะท้อนความเชื่อมั่นสถาบันต่อสินทรัพย์ดิจิทัล - สัญญาณใหม่ของตลาดทุนโลก
การเปิดตัวกองทุน BSTBL ของ BlackRock เกิดขึ้นในช่วงที่ความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน Arkham Intelligence เผยว่า BlackRock ได้เข้าซื้อบิทคอยน์ (BTC) มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกระแสความสนใจของนักลงทุนสถาบันที่เริ่มหันมามองสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะส่วนหนึ่งของพอร์ตลงทุนระยะยาว
ปัจจุบัน ราคาบิทคอยน์เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 106,612 ดอลลาร์ ลดลงประมาณ 1.8% ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แม้จะมีความผันผวนในระยะสั้น แต่ความเคลื่อนไหวของ BlackRock ถือเป็น “สัญญาณเชิงบวก” ที่ตอกย้ำแนวโน้มการบูรณาการสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับระบบการเงินโลกในระดับโครงสร้าง
นักวิเคราะห์ในตลาดต่างมองว่า การเข้าสู่ตลาดอย่างจริงจังของยักษ์จัดการสินทรัพย์ระดับโลกอย่าง BlackRock จะช่วยเร่งให้เกิดมาตรฐานใหม่ในการบริหารสินทรัพย์สำรองสำหรับเหรียญสเตเบิลคอยน์ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงระหว่างโลกการเงินดั้งเดิม (TradFi) กับโลกดิจิทัล (DeFi) อย่างเป็นรูปธรรมในปีต่อ ๆ ไป