xs
xsm
sm
md
lg

ยังกร่างไม่เลิก! ทรัมป์ยัวะ แต่เชื่อปักกิ่งต้องซมซานขอเจรจายุติศึกการค้า หลังจีนสั่งสายการบินของประเทศให้ระงับรับมอบ-สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ทรัมป์” จวก “จีน” ผิดสัญญา หลังมีข่าวปักกิ่งสั่งสายการบินในประเทศระงับการรับมอบเครื่องบินจาก “โบอิ้ง” ของอเมริกา แต่ยังมั่นใจแดนมังกรเป็นฝ่ายเดือดร้อนที่ต้องขอเปิดเจรจาก่อน นอกจากนี้ประมุขทำเนียบขาวยังสั่งดำเนินการตรวจสอบที่อาจนำไปสู่การรีดภาษีสินค้าแรร์เอิร์ธของจีน ด้านปักกิ่งตอกวอชิงตันถ้าอยากแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ต้องหยุดกดดัน ข่มขู่ และแบล็กเมล์ก่อ

แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันอังคาร (15 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อว่า จีนเป็นฝ่ายเดือดร้อนมากกว่า และต้องเป็นคนเริ่มต้นขอทำข้อตกลงเพื่อยุติความขัดแย้งซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนเตือนว่า อาจพาเศรษฐกิจโลกถดถอยทั้งหมด

"เวลานี้มันขึ้นอยู่กับฝ่ายจีน จีนนั้นจำเป็นต้องทำข้อตกลงกับเรา เราไม่ได้จำเป็นต้องทำข้อตกลงกับพวกเขา จีนต้องการสิ่งที่เรามี นั่นคือผู้บริโภคชาวอเมริกัน" โฆษกผู้นี้อ่านข้อความที่เธอบอกว่าเป็นคำแถลงของทรัมป์

คำแถลงนี้มีขึ้น หลังจากที่ทรัมป์กล่าวหาจีน “ละเมิด” ข้อตกลงสำคัญกับโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของอเมริกา

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้พวกสายการบินของจีนระงับการรับมอบเครื่องบินจากโบอิ้ง รวมถึงระงับการจัดซื้ออุปกรณ์และชิ้นส่วนเครื่องบินจากบริษัทต่างๆ ของอเมริกา โดยจีนกำลังพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือสายการบินที่เช่าซื้อเครื่องบินโบอิ้งและต้องเผชิญต้นทุนที่แพงขึ้นจากมาตรการภาษีของทรัมป์

ทั้งนี้ สายการบินชั้นนำ 3 แห่งของจีน ได้แก่ แอร์ไชน่า, ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลนส์ และไชน่า เซาท์เทิร์น แอร์ไลนส์ มีแผนรับมอบเครื่องบินโบอิ้งรวมเกือบ 200 ลำระหว่างปี 2025-2027

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ซึ่งทางการจีนยังไม่ได้มีการแถลงยืนยันอย่างเป็นทางการใดๆ มีขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วปักกิ่งได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอเมริกาเป็น 125% ตอบโต้ที่ทรัมป์สั่งขึ้นภาษีสินค้าจีนรวมเป็น 145%

ในวันอังคาร ทรัมป์ยังโจมตีจีนว่า ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าที่ได้ทำกันไว้เมื่อครั้งที่ตนเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ซึ่งได้ช่วยยุติสงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกาในขณะนั้น

ประมุขทำเนียบขาวโพสต์บนแพลตฟอร์มสื่อสังคม ทรูธ โซเชียล ของตนเองว่า จีนสั่งซื้อสินค้าจากอเมริกาแค่ส่วนเดียวจากที่ได้ตกลงกันไว้ในคราวนั้น ซึ่งสะท้อนว่า จีนไม่มีความเคารพยำเกรงคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนเลย

นอกจากนี้ ในวันอังคารเช่นกัน ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้ โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ เปิดการสอบสวนตามอำนาจในมาตรา 232 ของรัฐบัญญัติการขยายการค้าปี 1962 ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการขึ้นภาษีศุลกากรแร่ธาตุสำคัญ แร่ธาตุหายาก (แรร์เอิร์ธ) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับแร่ธาตุเหล่านี้ เช่น สมาร์ทโฟน โดยที่สินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วสหรัฐฯนำเข้าจากจีน

ตามคำสั่งของทรัมป์ ลุตนิกจะมีเวลา 180 วันในการรายงานผลการสอบสวน ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็นที่ว่า จำเป็นต้องขึ้นภาษีศุลกากรหรือไม่ โดยหากทรัมป์หันมาขึ้นภาษีศุลกากรกับแร่ธาตุนำเข้าเหล่านี้ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของอเมริกา ก็มีแนวโน้มว่า ภาษีนี้จะถูกบังคับใช้แทนภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ประกาศไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

การตรวจสอบคราวนี้จะประเมินความเสี่ยงของอเมริกาในประเด็นการแปรรูปแร่ธาตุสำคัญทั้งหมด ที่รวมถึงโคบอลต์ นิกเกิล และ แรร์เอิร์ธ 17ชนิด ตลอดจนวิธีการที่ผู้เล่นต่างชาติมีการบิดเบือนกลไกตลาดอย่างไรหรือไม และขั้นตอนที่ต้องดำเนินการเพื่อส่งเสริมซัปพลายและการรีไซเคิลภายในประเทศ

แรร์เอิร์ธคือกลุ่มแร่ธาตุ 17 ชนิดที่จำเป็นต้องใช้ในอุตสาหกรรมการทหาร รถยนต์ไฟฟ้า พลังงาน และอิเล็กทรอนิกส์ โดยอเมริกานั้นมีเหมืองแรร์เอิร์ธเพียงแห่งเดียว และซัปพลายแรร์เอิร์ธแปรรูปส่วนใหญ่มาจากจีน นอกจากนี้จีนยังเป็นผู้ผลิตแร่ธาตุสำคัญอันดับ 1 ของโลก โดยผลิตแร่ธาตุ 30 ชนิดจาก 50 ชนิด

ต้นเดือนนี้จีนก็ได้สั่งจำกัดการส่งออกแรร์เอิร์ธเพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ ซึ่งคาดว่า กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่คณะบริหารของอเมริกากังวลมากขึ้นกับซัปพลายแร่ธาตุหายาก

ในอีกด้านหนึ่ง สำหรับความกังวที่ลว่า จีนอาจใช้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นอาวุธนั้น สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังให้สัมภาษณ์กับยาฮู ไฟแนนซ์เมื่อวันอังคารว่า ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากหากจีนที่ถือครองพันธบัตรคลังสหรัฐฯ เป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น เทขายพันธบัตรเหล่านั้น จีนจะต้องเข้าซื้อเงินหยวนและทำให้สกุลเงินของตนเองแข็งค่าขึ้นซึ่งไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

นอกจากนั้นหากจีนเทขายพันธบัตรคลังสหรัฐฯ วอชิงตันก็มีเครื่องมือพร้อมสรรพที่จะรับมือ

ส่วนที่ปักกิ่ง หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธ (16 เม.ย.) ตอบโต้ทรัมป์ว่า ถ้าอเมริกาต้องการแก้ไขข้อขัดแย้งผ่านการเจรจาจริง ก็ควรหยุดใช้การกดดันในระดับสูงสุด การข่มขู่คุกคาม และการแบล็กเมล์ รวมทั้งต้องหารือกันโดยยึดหลักความเท่าเทียม การเคารพกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน

หลินย้ำจุดยืนของจีนว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามภาษีศุลกากรหรือสงครามการค้า ก่อนสำทับว่า จีนไม่ได้ต้องการการสู้รบ แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวที่จะสู้รบ

ในวันเดียวกัน กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมของจีนแถลง แต่งตั้ง หลี่ เฉิงกัง อดีตรองรัฐมนตรีพาณิชย์จีนสมัยทรัมป์ 1.0 และอดีตเอกอัครราชทูตประจำองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เป็นผู้เจรจาการค้า สืบแทน หวัง โซ่วเหวิน ที่เคยร่วมเจรจาข้อตกลงการค้าจีน-อเมริกาในปี 2020

ถู ซินฉวน ผู้อำนวยการสถาบันจีนเพื่อการศึกษาดับเบิลยูทีโอ ของมหาวิทยาลัยธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของจีน ชี้ว่า ประสบการณ์ของหลี่ในการเจรจาเพื่อนำจีนเข้าเป็นสมาชิกดับเบิลยูทีโอและจากการทำงานในกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในขณะที่จีนพยายามปฏิเสธการกดดันตั้งข้อเรียกร้องของอเมริกาในสงครามภาษีที่ลุกลามใหญ่โตอยู่ในขณะนี้

(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น