xs
xsm
sm
md
lg

วิบากกรรมหุ้น BYD / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD เพิ่งจะปลดล็อค การถูกมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ แต่มีข่าวลบพุ่งเข้ากระทบซ้ำเติมตามมาอีก โดยถูกตลาดหลักทรัพย์สั่งให้ชี้แจง ข้อมูลงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เนื่องจากมีผลขาดทุนสุทธิ 2,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 22 ล้านบาท

ตั้งแต่ปี 2565 BYD ให้เงินกู้ยืมกับ บริษัท เอซ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ACE ซึ่ง BYD ถือหุ้นสัดส่วน 49% ของทุนจดทะเบียน และบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด หรือ TSB บริษัทร่วมทางอ้อม ซึ่งถือหุ้นโดย ACE 100% เพื่อสนับสนุนการลงทุนขยายธุรกิจของ TSB โดยประกอบธุรกิจขนส่งสาธารณะประจำทาง

ปัจจุบันมียอดเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับกับ TSB รวม 10,759 ล้านบาท มีการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 7,561 ล้านบาท มีการพักชำ ระคืนเงินต้นออกไปเป็นไม่เกิน 31 มกราคม 2570 และพักชำระดอกเบี้ย 3 ปี โดยยังคงคำนวณดอกเบี้ย

BYD มีการให้เงินกู้ยืมกับ ACE รวม 1,050 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้ที่ ACE กู้มาเพื่อลงทุนซื้อรถ โดยสารพลังงานไฟฟ้าเพื่อให้กลุ่ม TSB เช่าซื้อสำหรับด เนินกิจการ กำหนดชำระ 31 มีนาคม2568 ซึ่งในเดือน มีนาคม 2568 ACE ชำระคืนเงินกู้ 430 ล้านบาท สำหรับเงินให้กู้ยืมอีก 620 ล้านบาท BYD ได้ขยายเวลาชำ ระคืนเงินกู้เป็น 31 มกราคม 2574 ลดดอกเบี้ยเป็นจาก 6-7% เป็น 4% และให้ TSB ชำระคืนเงินกู้โดยตรงให้ BYD รวมทั้งให้ TSB เข้าค้ำประกันการชำระหนี้

BYD ได้ชี้แจงว่า ผลประกอบการของ TSB ไม่เป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ ซึ่ง TSB ต้องปรับวิธีคิดค่าโดยสารโดยให้อ้างอิงตามตารางบันไดราคาตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ส่งผลให้รายได้ของ TSB ลดลงจากที่ประมาณการไว้อย่างมีสาระสำคัญ

การบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของเงินให้กู้ยืมแก่ TSB 2,652 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเงินให้กู้ยืมกับ ACE ซึ่งกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท ตลาดหลักทรัพย์จึงขอ BYD ชี้แจงข้อมูลภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ในส่วนความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบขอให้ชี้แจงภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2568 นอกจากนั้นขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท

BYD เป็นหุ้นในกลุ่ม บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX โดยราคามักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้า ราคาขยับขึ้นมายกแผง หลังมีข่าวว่า ขสมก.จะเปิดประมูล เช่ารถโดยสารไฟฟ้ามูลค่ากว่า 1.5 หมื่นบ้านบาท ในเดือนตุลาคมนี้ กระตุ้นให้ราคาหุ้นกลุ่ม EA พุ่งทะยานขึ้นมา

หุ้นกลุ่ม EA เพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ หลังเจอวิกฤตผู้บริหาร EA ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษในความผิดทุจริต และถูกบังคับขายหุ้น รวมทั้งปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนต้องยืดเวลาชำระหนี้หุ้นกู้วงเงินหลายหมื่นล้านบาทออก ขณะที่ผลประกอบการทั้งกลุ่มย่ำแย่

ราคาหุ้น EA เคยทรุดลงไปต่ำสุดที่ 1.73 บาท NEX ลงไปต่ำสุดที่ 45 สตางค์ และ BYD ลงไปเหลือเพียง 28 สตางค์ ก่อนที่จะเริ่มไต่ระดับราคาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และการประมูลเช่ารถเมล์ EV มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาทของ ขสมก. ก็เป็นอีกหนึ่งความหวังที่จะปลุกหุ้นกลุ่ม EA ให้ฟื้นได้ต่อเนื่อง

แต่การที่ตลาดหลักทรัพย์ออกคำเตือนนักลงทุน และสั่งให้ BYD ชี้แจงปมการปล่อยกู้ให้บริษัทในเครือ จนทำให้ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ขาดทุนยับ กลายเป็นประเด็นที่ตอกย้ำว่า ปัญหาของกลุ่ม EA ยังไม่จบ อย่างน้อย BYD ก็มีปมที่อาจนำไปสู่หายนะ

หุ้นกลุ่ม EA ใช้เวลายาวนาน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักลงทุน และฟูมฟักราคาหุ้น แต่วิบากกรรมยังไม่จบ อนาคตหุ้นกลุ่มนี้ยังมีความไม่แน่นอน








กำลังโหลดความคิดเห็น