“ณัฐกร” ออกโรงชี้แจงกรณี “อัลฟ่า ชาร์เตอร์ดฯ” ตัวแทน Chartered Group เข้าซื้อหุ้นบางจาก สัดส่วน 20% ระบุเป็นการลงทุนระยะยาว หลังเห็นธุรกิจมีศักยภาพ พร้อมยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มนักการเมืองทั้งฝั่งไทยและเขมร งง!คนโยงเรื่อง เผยเคยยื่นขอซื้อหุ้นจากประกันสังคม แต่กลับโดนดึงจนล่าช้า จึงต้องเข้าเจรจากับผู้ถือหุ้นรายอื่นและได้มาในราคาที่ถูกกว่า ด้าน “เบนจามิน” ยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมฟ้อง “รังสิมันต์ โรม” หมิ่นประมาท 100 ล้านบาท
จากข่าวการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) ของกลุ่มบริษัท Chartered Group โดยมีการลงทุนผ่าน บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด โดยปัจจุบันถือครองหุ้น BCPในสัดส่วน 20.0083% และการเข้าลงทุนดังกล่าวกำลังเป็นที่จับตาของนักลงทุนและประชาชนทั่วไป เนื่องจากมีการเชื่อมโยงไปถึงผู้เกี่ยวข้องกับดีลดังกล่าว อาจเป็นตัวแทนหรือ “นอมินี”กลุ่มการเมืองรายใหญ่อย่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ,นายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C ของกัมพูชา ซึ่งพันธมิตรของ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยเป็นการดำเนินการผ่านนายเบนจามิน เมาเออร์ เบอร์เกอร์และภรรยา (แคทรียา บีเวอร์) รวมถึงนายณัฐกร อธิธนาวานิช
ล่าสุดนายณัฐกร อธิธนาวานิช กรรมการ บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด (ACE ) กล่าวว่า ขณะที่การเข้าซื้อหุ้น BCP นั้น ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท Chartered Group ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน โดยขอยืนยันอย่างชัดเจนว่ากลุ่มบริษัทไม่เคยมี และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ โดยทางตรง หรือโดยทางอ้อมกับนักการเมือง พรรคการเมือง หรือบุคคลและ/หรือกลุ่มบุคคลที่ปรากฏในสื่อ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ทั้งนี้ บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ดฯ ได้เข้าซื้อหุ้น BCP รวมทั้งสิ้น 275,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20.0083% เหตุผลที่สนใจลงทุน เกิดจากข้อเสนอของตนซึ่งเป็นพันธมิตร (Local partner) ของ Chartered Group ในประเทศไทย ที่เล็งเห็นว่า BCP เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพ ในการเติบโตสูง สามารถขยายธุรกิจและพัฒนาไปสู่การเป็นผู้นําบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาค อีกทั้งมีระดับราคาหรือมูลค่าการลงทุนที่เหมาะสมและยังคงต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
โดยนายณัฐกร ชี้แจงว่า ส่วนตัวและ Chartered Group รู้จักกันมากว่า 10 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ทำงานอยู่กับบริษัท McKinsey & Company (Thailand) ขณะที่ Chartered Group บริษัท Private Equity (PE) ที่ลงทุนในทรัพย์สินของบริษัทต่าง ๆ ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ก่อตั้งเป็นชาวอิสราเอล ภรรยาเป็นชาวญี่ปุ่น ลงทุนในภาคการเงินญี่ปุ่นมานานกว่า 20-30 ปี แล้ว โดยมีขนาดและการลงทุนทั่วโลก ประมาณ 4-5 แสนล้านบาท
ส่วนที่มาแหล่งเงินลงทุน ACE ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินแบบไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกํากับดูแลในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการรับรองและ อนุญาตจาก Monetary Authority of Singapore (MAS) การสนับสนุนดังกล่าวเกิดจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และความน่าเชื่อถือของ Chartered Group โดยการจัดหาเงินทุนดังกล่าวเป็นไปอย่างโปร่งใสและปฏิบัติตามกฎระเบียบ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ปมซื้อหุ้น BCP จาก สปส.
นายณัฐกร กล่าวเพิ่มเติ่มว่า จริงๆ อัลฟ่าชาร์เตอร์ดเอ็นเนอร์ยี่ ได้ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อหุ้น BCP จาก สปส. มาก่อนแล้ว โดยเสนอราคาที่สูงกว่าตลาด โดยเสนอราคา 43 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยุติธรรม ในช่วงมกราคม 2568 โดยเวลานั้นราคาตลาดอยู่เพียง 33 บาทซึ่งเป็นผลประโยชน์ต่อ สปส. เนื่องจากจะทำกำไรได้กว่า 2,000 ล้านบาท และการเสนอราคาดังกล่าวได้รับการตอบรับจาก สปส. เป็นลายลักษณ์อักษรและได้มีการดำเนินการจนครบขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยผู้ซื้อ ที่มาแหล่งเงินทุน รวมถึงบัญชีหลักทรัพย์ตามที่ สปส. กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถดำเนินการซื้อขายได้ โดยตนเองก็ไปคุยกับทางเลขาธิการ สปส.ถามว่าทำไมไม่ขาย เพราะทุกอย่างมันครบหมดแล้ว ในที่สุดเราก็รู้ว่าการขายนั้นถูกดึงจากเจ้าหน้าที่ของ สปส. จึงรู้สึกเลยว่ามีพลังบางอย่างที่ไม่ปกติ หรือความไม่โปร่งใสที่ทำให้การขายไม่เกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการกำหนดวันทำ ทำให้ดีลมีแนวโน้มว่าไม่สามารถปิดได้ภายใน 90 วันตามกำหนด
ดังนั้น จึงเปลี่ยนวิธีการเปิดตารางหุ้นเลยว่ามีใครบ้าง เพื่อรวบรวมหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่น โดยเข้าติดต่อผู้ถือหุ้นหลายราย รวมถึงบริษัท CAI (Capital Asia Investments Pte) ด้วย และปรากฎว่าบางคนขาย บางคนไม่ขาย แต่มีการเซ็นสัญญาซื้อกัน
"จะเห็นได้ว่าในเดือนมีนาคม มีการซื้อขายหุ้น "บิ๊กล็อต" เกิดขึ้นจำนวนมากในช่วงนี้ และมีการเก็บหุ้นในตลาด ทำให้ อัลฟ่าชาร์เตอร์ดเอ็นเนอร์ยี่ สามารถรวบรวมหุ้นได้ประมาณ 20% โดยใช้ราคาเฉลี่ยที่ 35-36 บาท ซึ่งถูกกว่าที่เราเสนอราคาให้ สปส.ซึ่งอยู่ที่ 43 บาท สรุปก็คือ 3 บริษัทในกลุ่มชาร์เตอร์ที่เข้าไปซื้อหุ้นบางจากนั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 1หมื่นล้านบท โดยCAI เป็นหนึ่งในผู้ที่ขายหุ้นและได้รับกำไรจำนวนมากจากการขายเช่นกัน"
เผยมีบริษัทพลังงานมาขอซื้อหุ้นต่อ
นายณัฐกร กล่าวต่อว่าหลังจากที่อัลฟ่าชาร์เตอร์ดซื้อหุ้น BCP ไปแล้ว ต่อมาช่วงพฤษภาคม -กรกฎาคม มีคนมาคุยด้วย 4 คนว่าขอซื้อหุ้น 20% ต่อจากตนเอง โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทพลังงานต่างชาติซึ่งได้ปฏิเสธไป โดยรายหนึ่งมาจากปิโตรนาสของมาเลเซีย ส่วนอีก 2 รายที่เหลือแจ้งว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทพลังงานไทยขนาดใหญ่ แต่ผมก็ปฏิเสธที่จะขายไปและไม่สนใจรายละเอียดที่เสนอซื้อหุ้นในส่วนนี้
ทิศทาง BCP ในมือชาร์เตอร์
ทั้งนี้ นายณัฐกร กล่าวว่า ทางบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าและกำไรของBCP ให้กลับไปอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยตั้งเป้าเพิ่มกำไรเป็น 2 เท่าภายใน 3 ปี และยืนยันว่าเป็นการลงทุนบางจากเป็นการลงทุนระดับเรือธง (Flagship Investment) ในระยะยาวของกลุ่ม และไม่ได้มีเป้าหมายที่จะแข่งขันกับ ปตท. เนื่องจากมีการวางเป้าหมายว่าจะเป็นบริษัทพลังงานระดับภูมิภาคและสามารถแสวงหาโอกาสเติบโตได้อยู่แล้ว
ส่วนโครงสร้างอัลฟ่าชาร์เตอร์ดเอ็นเนอร์ยี่ (Alpha Chartered Energy) ในบางจากมีการจัดสรรอำนาจการโหวตให้คนไทย 51:49 เช่นเดียวกับการแบ่งผลประโยชน์ตามสัดส่วนนี้เพื่อรักษาอำนาจการตัดสินใจไว้ในมือคนไทยในกรณีที่เป็นธุรกิจพลังงานที่มีความละเอียดอ่อนต่อความมั่นคงของประเทศ และมีสิทธิ์ออกเสียงในการดูแลบริษัทอย่างสมบูรณ์
ชี้แจงการเชื่องโยงกลุ่มการเมือง
และจากกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เชื่อมโยงอัลฟ่าชาร์เตอร์กับกลุ่มการเมืองในการซื้อหุ้นบางจาก รวมถึงกรณีถูกโยงความสัมพันธ์กับCapital Asia Investments (CAI) ของ ,เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และแคทรียา บีเวอร์
นายณัฐกร กล่าวว่า ปกติเวลาทำดีล ก็ต้องดีลกับผู้จัดการกองทุน ใน CAI มันไม่สามารถบอกว่าคนนี้เป็นใคร คนนั้นเป็นใครนะ สมมติเรานั่งกันในห้อง มันคือ CAI หมด ไม่รู้ว่าคนไหนคือเบนจามิน คนไหนคือแคทรียา ซึ่ง CAI เขาก็ถือหุ้นในบริษัทบางจากกรีนหรือ BCPG อยู่แล้ว และถือมานานแล้ว ส่วนตัวรู้จักเบนมามินแบบเป็นปกติ เขาเป็นนักลงทุน มีเงินลงทุนในหลายประเทศ แต่ก็เป็นการรู้จักกันในวงการ ไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นไปที่ยวด้วยกัน
เบนจามินยืนยันตัวเองบริสุทธิ์
ขณะเดียวกัน เมื่อเร็วๆนี้ นายเบนจามินได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่าเขา ครอบครัว และหุ้นส่วนธุรกิจตกเป็นเหยื่อของการโจมตีใส่ร้ายชื่อเสียงโดย ทอมไรท์ ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลเท็จ กล่าวหาเขาเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เช่น ฟอกเงิน ค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ นายเบนจามิน ยืนยันว่า ไม่เคยมีคดีอาญาหรือหนีคดี ตามที่ถูกกล่าวหา โดยคดีในนิวซีแลนด์เคยถูกตรวจสอบแล้วและสรุปว่า ไม่ใช่การกระทำผิดทางอาญา อีกทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟอกเงิน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือค้ามนุษย์ในกัมพูชา จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานสื่อ เช่น ICIJ และ OCCRP ตรวจสอบกระบวนการทำงานของทอม ไรท์ และผู้สนับสนุนเบื้องหลัง
ส่งทนายความฟ้อง “รังสิมันต์ โรม”
มีรายงานว่า วันนี้ (6ต.ค.) เวลา 10.30 น. นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ผู้รับมอบอำนาจจาก นายเบนจามิน หรือ Benjamin Mauerberger ได้เดินทางมายังศาลอาญารัชดา เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีกับ นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชนโดยการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการดำเนินคดีในฐานความผิด หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมทั้งฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท
โดยนายธนดล ระบุว่าจะมีการแถลงข่าวและแสดงหลักฐานหลังจากดำเนินการฟ้องร้องแล้ว เนื่องจากนายเบนจามิน ถูกนายรังสิมันต์ เคยอภิปรายพาดพิงถึงความสัมพันธ์ระหว่างกับนักการเมืองระดับสูงของไทย และกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์และธุรกิจสีเทา แต่ข้อกล่าวหาที่พยายามเชื่อมโยงเขากับอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ หรือประเด็นด้านความมั่นคงในประเทศไทยและกัมพูชานั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง