xs
xsm
sm
md
lg

ฝี ITA อวย สตง.แตก-คดีโจ๊กเหยียบไว้ ตอกย้ำป.ป.ช.ยังเน่าใน "สุชาติ" ลุยปรับใหญ่! ** ปิดฉาก “อลงกต” เทพเอดส์...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สุชาติ ตระกูลเกษมสุข - พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ - ทิดอลงกต
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ ฝี ITA อวย สตง.แตก-คดีโจ๊กเหยียบไว้ ตอกย้ำป.ป.ช.ยังเน่าใน "สุชาติ" ลุยปรับใหญ่!

โดนทัวร์ลงฉ่ำ หลังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ คะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA)ประจำปี2568 “อวยยศ”ให้กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นหน่วยงานยอดเยี่ยม และอันดับหนึ่งขององค์กรอิสระ ทั้งๆ ที่ทั้งสองมีประเด็นข่าวฉาวโฉ่เรื่อง “ซื้อตึก” และ “ตึกถล่ม”

ฟังว่า ภายในของป.ป.ช. ก็อับอายขายขี้หน้ากับผลการประเมินดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะค้านสายตากรรมการอย่างประชาชน

สุชาติ ตระกูลเกษมสุข
อุปมาเหมือน "ฝีแตก" หากปล่อยไปไม่ทำอะไรสักอย่าง ก็ทำให้องค์กร ป.ป.ช.ถูกมองว่า เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ต่างกันกับสตง. ดีไม่ดีก็อาจจะวนลูปเดิมที่เกิด “วิกฤตศรัทธา”ในยุคของ “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ”นั่งเป็นประธาน

เพราะฉะนั้นจึงมีข่าวว่า “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข” ประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบัน ไม่ไหวจะทน หยิบยกประเด็นนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. เมื่อไม่กี่วันมานี้

ก่อนที่จะมีมติ “ยกเครื่อง” ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและทบทวนหลักเกณฑ์การให้คะแนน ITAใหม่ โดย ตรวจสอบวิธีการให้คะแนน การให้น้ำหนักคะแนน กลุ่มตัวอย่าง คำถามที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และรายละเอียดอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ในการประเมินจัดการประเมิน นอกจากนี้ ให้มีการทาบทามบุคคลภายคนที่ชำนาญเรื่อง ITA มาเป็นกรรมการด้วย

เรียกได้ว่า ของเก่าโยนทิ้งแล้วใส่ความเข้มข้น-มีมาตรฐานลงไปจะได้ไม่มีข้อครหา ซึ่งก็ต้องชื่นชมที่ประธานสุชาติที่ฟังเสียงวิจารณ์ภายนอกแล้วกล้าที่จะลุกขึ้นมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลง

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
ว่าไปแล้ว นี่เป็นปัญหาแค่กระผีกเดียวของป.ป.ช.ที่ต้องแก้ไข ซึ่งต้องบอกว่า ที่ผ่านมาไม่ใช่แค่เรื่องการทำงานเรื่อง ITA เท่านั้น โครงสร้างภายในของ ป.ป.ช.เอง ก็มีปัญหาหมักหมมอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของ “คน” มีปัญหา "เน่าใน" มานานแล้ว
ป.ป.ช.เละจนเกิดวิกฤตศรัทธาก็เพราะคน ถูกมองว่าเล่นพรรค เล่นพวก แบ่งขั้วแบ่งข้าง รับใช้ฝ่ายการเมือง หรือ บุคคลที่มีอิทธิพลเข้ามาครอบงำ ตกเป็นเครื่องมือ “กำจัดศัตรู” หรือทำลายฝ่ายตรงข้าม มากกว่าจะยึดความโปร่งใส

หลายๆคดี ที่ชี้มูลความผิด จึงถูกสังคมตั้งคำถามความน่าเชื่อถือมาจนถึงทุกวันนี้

กลับมาที่กรณี “ITA” ปัญหา อยู่ที่คนเช่นเดียวกัน

วงใน ป.ป.ช.กระซิบมาว่า งาน ITA ในสมัยของ พล.ต.อ.วัชรพล ประธานผู้ที่“ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตพี่ใหญ่ 3 ป.ให้การสนับสนุนผลักดัน กำกับดูแลเองแล้วมอบหมายให้ “เด็กในคาถา” ทำไป

หลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้คะแนนองค์กรของITA ที่ถูกทัวร์ลง สืบทราบมาว่า ป.ป.ช.ประเมินจาก

ผู้มีส่วนได้เสียภายในองค์กร คือองค์กรประเมินตนเอง และผู้มีส่วนได้เสียภายนอก คือผู้มีส่วนได้เสียที่เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ภายในหน่วยงาน และจึงมาถึงการเปิดเผยข้อมูล โดยไม่ได้นำเรื่อง "ตึกถล่ม" หรือเรื่องเชิงลบ เข้าไป

ว่ากันว่า สตง.ต้องการรางวัลที่ 1 เพื่อไปลบล้างสิ่งที่เกิดขึ้น เกณฑ์การประเมินดังกล่าวจึง "กรอก" ข้อมูลตามที่จะได้ผลลัพธ์ ที่ต้องการ

โดย ประธานประเมิน ITA ของป.ป.ช.คือ "สุวณา สุวรรณจูฑะ" ซึ่งรู้กันว่า ตามน้ำทุกเรื่อง! ผลประเมินออกมาจึงเป็นอย่างที่เห็น
กล่าวถึงคนยุค "พล.ต.อ.วัชรพล" หนึ่งในมือไม้ที่ พล.ต.อ.วัชรพล ชอบใช้บริการย่อมมีชื่อ “ศรชัย ชูวิเชียร” รองเลขาธิการฯ คนปัจจุบันรวมอยู่ด้วย

ว่ากันว่า “ศรชัย” มีพื้นฐานมาจาก “หน่วยข่าวกรอง” เข้ามาอยู่ใน ป.ป.ช. ไต่เต้าจาก ผอ.สำนักงาน สงขลา เติบโตอย่างรวดเร็วในสมัยของ พล.ต.อ.วัชรพล ได้เป็นผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ และรองเลขาธิการในที่สุด

ฝีไม้ลายมือการทำงานของ “ศรชัย” อาจจะเป็นที่ถูกอกถูกใจ “พล.ต.อ.วัชรพล” แต่ผลงานเพื่อองค์กรอื่นๆ หรือเอาแค่ ITA เละตุ้มเปะ จนต้องรื้อใหม่แบบที่เห็นเป็นประจักษ์ ก็ต้องตั้งคำถามกับ “ประธานสุชาติ” ว่า ศรชัย ยังเหมาะสมอยู่หรือไม่ ?

น่าเห็นใจ “ประธานสุชาติ” เพราะว่า ปัญหาโครงสร้างเรื่องคนที่มีปัญหาในการทำงานมาตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.วัชรพล นั้นอยู่มาหลายปี วางรากฐานเครือข่ายเรื่องคนของตัวเองไว้หยั่งรากลึก ขยับไปจุดไหนก็เจอ แตะไปตรงไหนก็คัน ต้องเกา

ยิ่งงานด้านคดี หรือ งานตรวจสอบ-ไต่สวน ก็มีมาเข้าหูว่า คนเก่าๆในยุคของ “พล.ต.อ.วัชรพล”ยังเกาะกุมอำนาจกันอยู่เหนียวแน่น ซึ่งทำให้คดีใหญ่ๆ ที่สังคมให้ความสนใจมักเป็นเรื่องที่สร้างความสงสัยให้มีคำถาม

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
ยกตัวอย่าง “คดีโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. กับ “คดีต่อเฟรนด์ลี่” หรือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. เจ้าของฉายา “ต่อเฟรนด์ลี่” แต่เป็นคู่ขัดแย้งกับโจ๊กนั้น ล่าสุดยังมีเรื่องมาให้คนนินทาหมาดูถูกป.ป.ช. ว่า เลือกพวก เลือกพ้อง กันอยู่

ว่ากันว่า “คดีโจ๊ก” อย่างการชี้แจงทรัพย์สินอันเป็นเท็จ พอเข้าสู่สารบบรับเรื่องมา คณะกรรมการไต่สวนที่รู้ๆ กันว่า “ล็อกผล” กันไว้ มีน้ำหนักส่อว่าจะผิดชัดก็ถูก “ดองเค็ม” ถูกเหยียบไว้ไม่ไหวติงแต่ประการใด สองปีผ่านอย่าว่าแต่ไม่มีความคืบหน้า ตอนนี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย!

ทั้งที่หลักฐาน พยานบุคคล เป็นประจักษ์ครบถ้วน!

บางคดีพอคณะกรรมการไต่สวนร่ายมนต์คาถาหาช่องได้ว่า “ไม่มีมูล” ก็เร่งสปีด ชงเรื่องตามขั้นตอนให้ “อนุกรรมการ” ซึ่งพวกนี้ก็รู้ บรรดาอนุฯไม่ได้อ่านแฟ้มคดีหนาๆ หรอก อ่านแค่สรุปตามคณะไต่สวน ก็จะชงเรื่องให้คณะกรรมการชุดใหญ่ลงมติ “ไม่มีมูล” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายช่วยกัน คือ พ้นมลทิน!

งานนี้ก็ต้องถามคนที่รับผิดชอบ "ผอ.แซค” และ “ยุทธนา ช่อไม้ทอง” สำนักไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติ สำนักงานป.ป.ช.ว่า... จริงหรือไม่?

ตรงกันข้ามกับคู่กรณี “โจ๊ก” คดีของ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” นั้น วงในระบุ ตลอดเวลา 1 ปีมานี้ ถูกเร่งวันเร่งคืนเหมือนตั้งใจทำงานเป็นพิเศษ แต่คนในก็รู้ว่าเป็น “ธง” ที่นายสั่งต้องทำ!

นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ “ประธานสุชาติ” ในฐานะผู้นำป.ป.ช. ต้องขบคิดแล้วว่า จะแก้ไข หรือ ปล่อยไว้

เพราะ เป็นแบบนี้มานานแล้ว และ ยังเป็นอยู่ หรือจะเป็นต่อไป!?

เชื่อว่า คนในป.ป.ช.ที่ปฏิบัติหน้าที่ซื่อสัตย์ สุจริต ยังมีอยู่มาก รู้เรื่องนี้แล้วก็เอือมระอาพวกเดียวกันเอง! จนไม่รู้จะทำอย่างไร!?
ตอนนี้ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่ "ฟ้าจะผ่า"เปรี้ยง "ล้างบาง" พวกนี้ไปเสียที

ทิดอลงกต
++ ปิดฉาก “อลงกต” เทพเอดส์...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม!!

เรื่องของ “หลวงพ่ออลงกต” หรือพระราชวิสุทธิประชานาถ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี อยู่ในกระแสข่าวมาประมาณเดือนเต็มๆ

จากซุบซิบ ขุดคุ้ยในโซเชียลฯ เกี่ยวกับเรื่องเงินบริจาค การยักย้ายถ่ายเท ไปซื้อที่ดินโดยใช้ชื่อคนใกล้ชิด ไม่ใช่ในนามของวัด เข้าข่ายการทุจริต ยักยอกเงินบริจาคของวัด กระทั่งประวัติ ชาติกำเนิน การศึกษา ที่ “โป๊ะแตก” ว่าเป็นเรื่องลวงโลก

ขณะเดียวกันก็มีชื่อ “หมอบี” เสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล "ทูตสื่อวิญญาณ" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในลักษณะเป็น “สะพานบุญ” ช่วยแนะนำ ประชาสัมพันธ์ บริหารจัดการ ดึงดูดให้คนเข้ามาร่วมบริจาค และมีผลประโยชน์ร่วมกัน

และแล้ว กลางดึกวานนี้ (26 ส.ค.) เวลา 01.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้บุกเข้าจับกุมตัว “พระอลงกต” ตามหมายจับด้วยมีหลักฐานอันสมควรเชื่อว่าพระอลงกต ทุจริต ยักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ

และในเช้าวันเดียวกัน ก็เข้าจับกุมตัว “หมอบี” ที่บ้าน ในย่านประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร ตรวจค้นพบเงินสด 3 ล้านบาท ที่ “หมอบี” อ้างว่าเป็นเงินที่ได้มาจากผู้เข้ามาขอคำปรึกษาปัญหาเรื่องเกี่ยวกับญาติพี่น้อง หรือลูกหลาน ที่ล่วงลับไปแล้ว

“พระอลงกต” ถูกนำตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ และยังไม่ยอมสึกจากการเป็นพระ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจยอมสึก โดยไม่มีใครบังคับ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว
“บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ร่วมสอบปากคำด้วย

แล้วข้อมูลก็พรั่งพรู จากปาก“ทิดอลงกต” ว่าเดิมชื่อ “เกรียงไกร เพ็ชรแก้ว” ชื่อเล่น “จอร์จ” เป็นชาวจ.ขอนแก่น เกิดเมื่อปี 2503 โดยเรียนที่ รร.แก่นนครวิทยาลัย ก่อนที่ไปเรียน ปวช.ที่เกษตรบ้านกร่าง แต่ไม่จบหลักสูตร

ระหว่างนั้น ได้ขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน ที่อ.เมืองขอนแก่น แต่ไม่ได้เกณฑ์ทหาร เนื่องจากในช่วงปี 2524 ได้ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยทำงานเป็นคนเขียนแบบสร้างตึก “ปิโตรนาส” ก่อนที่ปี 2529 จะเดินทางกลับเข้ามาในไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ และได้มากับคณะผู้แสวงบุญเพื่อมาศึกษาพระธรรม ก่อนที่จะบวช เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2529 ที่วัดลำนารายณ์ และมาอยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ วันที่ 25 พ.ค.2536 จนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น “นายอลงกต พลมุข” เพื่อหนีทหาร

ส่วนสาเหตุที่เปลี่ยน และใช้ชื่อเป็น นายอลงกต พลมุข เนื่องจาก ส่วนตัวรู้จักกับ นายอลงกต สมัยอยู่ที่ขอนแก่น เป็นเพื่อนรักกัน โดยที่นายอลงกต ไม่ทราบว่าตนได้สวมรอยใช้ชื่อนี้ เช่นเดียวกับกรณีรายละเอียดของใบสุทธิ ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น ยอมรับว่า เป็นผู้เขียนเองทั้งหมด

จากปากคำที่ “ทิดอลงกต” บอกว่าเป็นคนเขียนแบบสร้างตึก “ปิโตรนาส” ก็ทำให้เกิดเป็นประเด็นดรามาอีกรอบในทำนอง ไม่เชื่อ!

นักขุดในโซเชียลฯได้ไปค้นข้อมูลมาให้ดูพอสังเขปว่า ตึกปิโตรนาส ออกแบบโดย “เซซาร์ เปลลี” สถาปนิกชาวอาร์เจนตินา-อเมริกัน ที่มีชื่อเสียง ผลงานของเขามีเอกลักษณ์ด้านการออกแบบ ที่ทันสมัย และสง่างาม โดยตึกปิโตรนาส เป็นตึกแฝด ที่สูงที่สุดในโลกในขณะนั้น

“ทิดอลงกต” บอกว่าไปมาเลย์ ปี 2524 เขียนแบบสร้างตึกแล้วกลับมาปี 2529 แต่ตึกนี้เริ่มก่อสร้างปี 2536 และสร้างเสร็จในปี 2541

วัน เวลา ก็ไม่สอดคล้องกัน แถมเรียนก็ยังไม่จบเลย แล้วได้ไปเขียนแบบสร้างตึกปิโตรนาส จะเชื่อได้ไหมเนี่ย

เรื่องส่วนตัวที่ “ทิดอลงกต” บอกเล่าออกมานั้น จะจริง หรือไม่จริง ก็แล้วแต่จะพิจารณากันไป

แต่คำพูดสุดท้ายก่อนที่พระอลงกต จะสึกนั้น ได้ยกพุทธวจนขึ้นมากล่าวว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

นี่แหละเป็นสิ่งที่จริงแท้แน่นอนที่สุด!


กำลังโหลดความคิดเห็น