xs
xsm
sm
md
lg

บิทคอยน์พุ่งแรงแตะ $125,000 หลังปริมาณเหรียญบนตลาดแลกเปลี่ยนร่วงต่ำสุดในรอบ 6 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราคาบิทคอยน์พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบประวัติการณ์ ขณะที่เหรียญไหลออกจากตลาดแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่ บ่งชี้การถือระยะยาวเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันและการขาดแคลนอุปทาน

ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap บิทคอยน์ (Bitcoin) กลับมาเป็นข่าวใหญ่ของโลกการเงินอีกครั้ง หลังราคาทะยานแตะระดับสูงสุดใหม่เหนือ $125,700 ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ทะลุสถิติเดิมที่ $124,500 ซึ่งทำไว้เมื่อเดือนสิงหาคม โดยการพุ่งแรงครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการหดตัวของปริมาณบิตคอยน์บนตลาดแลกเปลี่ยน (Exchange Balances) ซึ่งลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี สะท้อนภาวะอุปทานตึงตัวท่ามกลางความต้องการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

“Uptober” เปิดฉากแรง! ตลาดคึกคัก นักลงทุนเร่งกว้านซื้อบิทคอยน์

นักเทรดเรียกเดือนตุลาคมว่า “Uptober” และปีนี้ดูจะไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากบิทคอยน์ฟื้นตัวแรงจากระดับต่ำสุดในเดือนกันยายนที่ราว $107,800 และขยับขึ้นต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนแรงซื้อที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องในตลาดที่เริ่มตึงตัว

เนต เจอราซี (Nate Geraci) ประธาน ETF Store กล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่า “บิทคอยน์ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง...ทั้งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบิทคอยน์คืออะไร”

ข้อมูลจาก Glassnode เผยว่าปริมาณบิทคอยน์ที่ถืออยู่บนตลาดแลกเปลี่ยนลดลงเหลือเพียง 2.83 ล้าน BTC ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 ขณะที่ราคาในเวลานั้นอยู่แค่ราว $8,000 ต่อเหรียญเท่านั้น

ด้าน CryptoQuant รายงานตัวเลขใกล้เคียงกันที่ 2.45 ล้าน BTC ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี โดยมีเหรียญกว่า 114,000 BTC หรือมูลค่ากว่า $14,000 ล้าน ถูกย้ายออกจากตลาดภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์ สะท้อนชัดว่านักลงทุนกำลังโยกเหรียญเข้าสู่กระเป๋าเก็บส่วนตัวและการถือระยะยาวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อเหรียญที่อยู่บนตลาดแลกเปลี่ยนลดลง “อุปทานพร้อมขาย” (Available Supply) ก็หดตัวลง ส่งผลให้เกิดแรงกดดันขาขึ้นต่อราคาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แมทธิว ซีเกล (Matthew Sigel) หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck โพสต์บน X ว่า “ได้ยินมาว่าตลาดแลกเปลี่ยนเริ่มขาดบิทคอยน์แล้ว” พร้อมเตือนว่าอาจเกิด “ภาวะขาดแคลนเหรียญอย่างเป็นทางการ” เมื่อวันจันทร์ 9:30 น. หากราคายังไม่ทะลุ $126,000

นักลงทุนอีกรายคือ ไมค์ อัลเฟรด (Mike Alfred) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากผู้ดำเนินการซื้อขาย OTC รายใหญ่ ว่าอาจ “หมดเหรียญ” ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังตลาดฟิวเจอร์สเปิดทำการ เว้นแต่ราคาจะทะลุแนวต้านดังกล่าว ซึ่งเขาอธิบายสถานการณ์ว่า “ตลาดบิทคอยน์เริ่มบ้าคลั่งแล้ว”

บริษัท Strategy Inc. ฟันกำไรพุ่ง! มูลค่าพอร์ตบิทคอยน์ ทะลุ 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์

ความร้อนแรงของราคาบิทคอยน์ได้ผลักดันให้มูลค่าพอร์ตของ Strategy Inc. ซึ่งถือครองบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์คลัง (Corporate Treasury) พุ่งแตะ $77.4 พันล้านดอลลาร์ ทุบสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัท ตามรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

Strategy Inc. เริ่มสะสมบิทคอยน์ตั้งแต่ปี 2563 ด้วยมูลค่าเริ่มต้นเพียง $2.1 พันล้านดอลลาร์ และทยอยซื้อเพิ่มในช่วงตลาดขาลงต่อเนื่อง จนมูลค่าถือครองทะยานแตะ $8 พันล้านในปี 2566 และเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น $41.8 พันล้านในปี 2567 ก่อนที่การดีดตัวในปี 2568 จะดันมูลค่าขึ้นอย่างก้าวกระโดด

การตัดสินใจลงทุนระยะยาวของ Strategy กลายเป็นแบบอย่างสำคัญขององค์กรระดับโลกที่มองบิทคอยน์เป็นเครื่องป้องกันความเสื่อมค่าของสกุลเงิน (Hedge Against Fiat Depreciation) และผลตอบแทนจากคลังสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นในแนวทางดังกล่าว

ขณะเดียวกัน การตีความใหม่จาก กรมสรรพากรสหรัฐ (IRS) ที่ยืนยันว่า “กำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยังไม่รับรู้ (Unrealized Gains)” จะไม่ถูกนำมาคำนวณภาษีภายใต้กฎหมาย Corporate Alternative Minimum Tax ได้ช่วยให้บริษัทประหยัดภาษีมหาศาล โดยเฉพาะกับกำไรที่ยังไม่รับรู้มูลค่ารวมกว่า $28 พันล้านดอลลาร์

มองแนวโน้มบิทคอยน์กำลังเข้าสู่ภาวะ “Shortage Rally” หรือไม่?

แรงซื้อที่เพิ่มสูง ขณะปริมาณเหรียญหมุนเวียนลดลงอย่างรวดเร็ว บ่งชี้ว่าตลาดอาจเข้าสู่ภาวะ “Shortage Rally” หรือการพุ่งขึ้นจากภาวะขาดแคลนสินทรัพย์ นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ต่างเร่งเก็บสะสม ขณะที่อุปทานที่เหลือบนตลาดแลกเปลี่ยนเริ่มหดตัวลง

อย่างไรก็ตามในมุมมองเชิงเศรษฐกิจ ภาวะดังกล่าวมีแนวโน้มดันราคาต่อเนื่องในระยะกลาง โดยเฉพาะเมื่อบิตคอยน์กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์หลักที่ใช้ป้องกันเงินเฟ้อและความเสี่ยงทางการคลังของประเทศต่าง ๆ

ทั้งนี้ตลาดโลกกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่า “Uptober” ปีนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการวิ่งระลอกใหม่ขณะที่การกลับมาของวัฏจักรขาขึ้นครั้งใหญ่ของบิทคอยน์ ที่มีทั้งพลังจากความเชื่อมั่นและความขาดแคลนร่วมขับเคลื่อน