วายแอลจีชี้ ทองคำยังเป็นขาขึ้นชัดเจน ล่าสุดทำ All Time High ทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์แล้ว เชื่อโอกาสขึ้นหาเป้าหมายระดับบนที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองแท่งในประเทศมีลุ้นได้เห็นราคาไปถึง 56,000-57,000 บาทต่อบาททองคำ พบความต้องการทองของคนไทยพุ่งล่าสุดติดท็อป 10 ของโลกและท็อป 4 ของเอเชียคาดปี 68 ความต้องการพุ่งกว่าเดิมหลังพบครึ่งปีแรก ดีมานด์ทองคำเพื่อบริโภคแตะ 20.7 ตัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% เผย YLG ร่วมผลักดันองค์กรกํากับดูแลการดําเนินงานกิจการค้าทองออนไลน์ในประเทศไทย (SRO) ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมทองคำไทย
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ทิศทางความต้องการทองคำในประเทศไทยปี 2568 ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 ที่มีความต้องการทองคำของไทยเพื่อการบริโภค (ไม่รวมอุปสงค์จากธนาคารกลาง) สูงถึง 49 ตัน เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อัตราการเติบโต 13% นี้ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในโลกในปี 2567 ส่งผลให้ช่วงดังกล่าวความต้องการทองคำเพื่อการบริโภคของไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก และอันดับที่ 4 ของเอเชีย และประเทศไทยถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่ความต้องการทองคำเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี2564-2567
ขณะเดียวกันปี 2568 ภาพรวมครึ่งปีแรกความต้องการทองคำเพื่อบริโภคของไทยอยู่ที่ 20.7 น เติบโต 21 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงคาดการณ์ว่าทิศทางการเติบโตของไทยปีนี้ทั้งปีจะไม่ต่ำกว่าปี 2567 แน่นอน โดยเฉพาะความต้องการทองคำเพื่อการลงทุน เนื่องจากทิศทางทองคำปีนี้ยังมีแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน แม้ว่าล่าสุดจะทำจุดสูงสุดใหม่ทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ไปแล้ว แตงมีโอกาสขึ้นไปหาเป้าหมายระดับบนที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะทองคำแท่งในประเทศมองว่าภายในสิ้นปีนี้มีโอกาสแตะระดับ 56,000 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดีจากการสำรวจล่าสุดพบว่านักลงทุนไทย 100% มีจำนวน 97% ที่ลงทุนในทองคำ กลุ่มนี้มี 20% ที่เข้ามาลงทุนทองคำโดยที่ไม่เคยซื้อทองคำมาก่อน และมี 77% ที่ลงทุนทองคำโดยที่เคยซื้อทองคำมาแล้ว ขณะเดียวกันมีเพียง 3% ที่ไม่คิดลงทุนและซื้อทองคำ โดยให้เหตุผลว่าความรู้และความสามารถในการซื้อมีจำกัด รวมถึงไม่ทราบถึงทางเลือกการลงทุนทองคำที่จับต้องได้และราคาไม่แพง รวมถึงนักลงทุนทองคำเกือบครึ่งหนึ่งกังวลเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ทองคำ เช่น สินค้าปลอม และ กังวลเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ที่ไม่มีการรับประกันความปลอดภัย รวมถึงกังวลด้านการเก็บรักษาทองคำให้ปลอดภัย
ทั้งนี้ จากปัญหาและความกังวลดังกล่าวคณะกรรมการสมาคมผู้ค้าทองคำจึงได้ร่วมมือกันแต่งตั้งองค์กรกํากับดูแลการดําเนินงานกิจการค้าทองออนไลน์ในประเทศไทย (SRO) ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลตนเอง มีคณะอนุกรรมการด้านการซื้อขายทองคำออนไลน์จำนวน 7 คน วาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ดำรงตำแหน่งสูงสุด 2 วาระติดต่อกัน โดยจะคัดเลือกจากนิติบุคคลไทยที่มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาทขึ้นไปที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการค้าทองคำออนไลน์และมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ความเป็นเจ้าของ ซึ่งความร่วมมือในการก่อตั้ง SRO นี้ ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมทองคำให้เกิดความโปร่งใสและเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการรักษาความซื่อสัตย์สุจริต การรับรองราคาที่โปร่งใสและเป็นธรรม ปกป้องข้อมูลลูกค้าและความปลอดภัยของระบบ หลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้เข้าใจผิดหรือผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์และราคาอย่างชัดเจน รวมถึงส่งเสริมกิจกรรมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่งเสริมความเข้าใจของสาธารณชนเกี่ยวกับการซื้อขายทองคำออนไลน์ มุ่งสร้างความไว้วางใจ ความเชื่อมั่น และมาตรฐานตลาด เพื่อให้ทั้งผู้ซื้อหรือผู้ขายได้ประโยชน์จากมาตรฐานความโปร่งใสที่ SRO สร้างขึ้น การรณรงค์การมีส่วนร่วมในการสร้างความโปร่งใสของสมาชิก มีช่องทางร้องเรียนและการประเมินสมาชิก สร้างระบบนิเวศการซื้อขายทองคำที่น่าเชื่อถือและยืดหยุ่น รับรองการคุ้มครองผู้บริโภคและความเชื่อมั่นในระยะยาว สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับสากลเพื่อการกำกับดูแลที่ยั่งยืนส่งเสริมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านการศึกษาและนวัตกรรม