xs
xsm
sm
md
lg

“ทองออนไลน์” ไร้เจ้าภาพ ลงทุนผ่านรายเล็กลุ้นเสี่ยงสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจาะมวลเหตุมิจฉาชีพสบช่องหลอกประชาชนลงทุน“ทองคำ ออนไลน์” เหตุยังไร้หน่วยงานรัฐรับเป็นเจ้าภาพควบคุมและกำหนดกฎเกณฑ์ แม้ส่วนใหญ่เลือกรับกำไรเป็นเงินสด หากทองคำในสต๊อกมีไม่พออาจเกิดหายนะครั้งใหญ่ ชี้ใครเลือกซื้อผ่านร้านใหญ่ยังพออุ่นใจ ส่วนร้านเล็กมีร้อนมีหนาวเสี่ยง ขณะทิศทางราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น กระตุ้นให้ประชาชนสนใจแห่ลงทุนทองคำเพิ่ม

กล่าวได้ว่าไม่มากไปและไม่น้อยได้หรือไม่? สำหรับการปรับขึ้นของราคาทองคำในประเทศ (96.50%) เพราะเพียงแค่ 4 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 10,300 บาท จากราคาต่ำสุด 42,550 บาท (น้ำหนักทองคำ 1 บาท) ในเดือนมกราคม และ 54,800 บาท ในเดือนเมษายนที่กำลังจะสิ้นสุด

ขณะที่ Gold Spot จากต้นปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.49% จาก 2,623.96 เหรียญ (สหรัฐ) /ออนซ์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม มาอยู่ที่ 3,318.93 เหรียญ/ออนซ์ เมื่อราคาทองคำเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นเช่นนี้ จึงทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและประชาชนทั่วไปที่ต้องการเข้ามามีส่วนได้เสียจากส่วนต่างราคาทองคำเพื่อทำกำไรเป็นจำนวนมากไม่เว้นแม้แต่ทองคำรูปพรรณ ที่มีความคึกคักและผันผวนตามทิศทางราคาทองคำโลก

Gold Futuresชะลอตัว 

ขณะที่การลงทุนทองคำในรูปแบบอื่นก็ได้รับความสนจากนักลงทุนเช่นกัน อาทิ การออมทองคำ การลงทุนทองคำออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นผ่านบริษัทค้าทองคำต่างๆ แต่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold futures) ที่เปิดให้ซื้อขายผ่านตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (TFEX) ลดลงต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบเดือนต่อเดือนกับช่วงเดียวกันในปี 2567 ทำให้ภาพรวม 3 เดือนแรกปี 2568 ลดลง 19% หรือ มีการซื้อขาย 705,713 สัญญา จาก 871,574 สัญญาในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 ล่าสุดสถานะคงค้างรวมของ Gold Futures ทุกซีรีส์อยู่ที่ 7,978 สัญญา

นั่นเพราะปี 2567 มีเหตุการณ์สำคัญ เช่น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงกว่าปัจจุบันอย่างมาก ซึ่งดึงดูดนักลงทุนและนักเก็งกำไรให้เข้ามาซื้อขาย Gold Futures มากเป็นพิเศษ

 ความกังวลเริ่มคลี่คลาย

แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นในปี 2568 แต่ความผันผวนระหว่างวันหรือระหว่างสัปดาห์อาจไม่สูงเท่ากับช่วงเดียวกันของปี 2567 เมื่อความผันผวนน้อยลง นักเก็งกำไรระยะสั้นอาจลดความสนใจในการซื้อขาย

รวมถึงความกังวลที่ลดลง เมื่อนักลงทุนมองว่าความไม่แน่นอนต่างๆ เริ่มคลี่คลาย หรือมีสินทรัพย์อื่นที่น่าสนใจกว่า อาจลดสัดส่วนการลงทุนใน Gold Futures ลง รวมถึงการปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ที่ลดการถือครอง Gold Futures ซึ่งใช้ในการบริหารความเสี่ยงและหันไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นแทน เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเข้าสู่ช่วงพักฐาน หรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ จะทำให้นักเก็งกำไรระยะสั้นอาจชะลอการซื้อขาย รวมถึงจำนวนผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดลดลง โดยช่วงต้นปี 2567 มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาด Gold Futures จำนวนมาก แต่ในปี 2568 จำนวนผู้เล่นหน้าใหม่ลดลง

ทองคำ ออนไลน์ตอบโจทย์

และสุดท้ายผลิตภัณฑ์ทางการเงินทางเลือกที่เพิ่มขึ้น เช่นการลงทุนทองคำออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์นักลงทุนไทยได้มากกว่า อย่างไรก็ตามยังไม่ใช่ปัจจัยที่มีผลต่อ Gold Futures โดยตรงเนื่องจากแอปพลิเคชันทองคำออนไลน์ส่วนใหญ่อนุญาตให้ผู้ใช้งานซื้อขายทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณโดยตรงในจำนวนเงินที่ไม่มาก ทำให้ผู้สนใจลงทุนทองคำรายย่อยบางส่วนเลือกการลงทุนแบบนี้มากกว่า การซื้อขาย Gold Futures ซึ่งมีขนาดสัญญาที่ใหญ่กว่าและมีความซับซ้อนกว่า

อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าสนใจ คือ เงินทุนเริ่มต้น เพราะการซื้อขาย Gold Futures มักต้องการเงินทุนเริ่มต้นที่สูงกว่าการซื้อขายทองคำผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ผู้ที่มีเงินทุนจำกัดอาจเลือกใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้แทน นั่นทำให้พอมองเห็นภาพว่านักลงทุนในตลาด Gold Futures กับการลงทุนทองคำออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นแทบจะต่างกัน 

โดยผู้ที่ซื้อขาย Gold Futures ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ มีความเข้าใจในตลาดอนุพันธ์ และมีเป้าหมายในการเก็งกำไรระยะสั้น หรือใช้เครื่องมือนี้ในการบริหารความเสี่ยง ซึ่งอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักของแอปพลิเคชันทองคำออนไลน์

นอกจากนี้สัญญา Gold Futures มีขนาดใหญ่กว่าการซื้อขายทองคำผ่านแอปพลิเคชันมาก นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในปริมาณมากยังคงจำเป็นต้องใช้ Gold Futures อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น การป้องกันความเสี่ยงจากราคา และการ leverage ซึ่งแตกต่างจากการซื้อขายทองคำแท่ง/รูปพรรณเพื่อการเก็บสะสมระยะยาว

ดังนั้น  แอปพลิเคชันทองคำออนไลน์อาจช่วยกระตุ้นความสนใจในการลงทุนในทองคำโดยรวม ทำให้มีผู้สนใจลงทุนในสินทรัพย์ทองคำมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การศึกษาและลงทุนในผลิตภัณฑ์ทองคำอื่นๆ รวมถึง Gold Futures ในที่สุด และจากเหตุผลดังกล่าวอาจทำให้มีผู้สนใจลงทุนทองคำรายย่อยบางส่วนหันไปลงทุนในทองคำแท่ง/รูปพรรณโดยตรงมากขึ้น จนอาจส่งผลให้ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ในตลาด TFEX ลดลงได้บ้าง โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนรายย่อย

มิจฉาชีพสบช่องลวง

จากความนิยมลงทุนทองคำของคนไทยที่เพิ่มขึ้น ตามกระแสราคาทองคำที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ก็นำมาซึ่งช่องทางหลอกลวงนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนทองคำของพวกมิจฉาชีพ ดังเช่นเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมผู้เสียหายเข้าพบ พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ.เพื่อยื่นหนังสือให้พิจารณาดำเนินคดีความอาญากับผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ผู้เสียหาย ซื้อทองไม่ได้ทอง ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร กับบริษัท SCT

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรูปแบบ แบ่งได้ 3 กลุ่มคือกลุ่มที่ซื้อทอง , กลุ่มที่ฝากเงิน และกลุ่มที่ซื้อทองและฝากเงิน จะต้องพิจารณาบริษัท SCT ว่าผิดกฎหมายข้อหาใดบ้าง

โดยเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายจากการซื้อขายทองคำรายย่อยจากทั่วประเทศกว่า 50 ราย แห่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ.หลังซื้อทองจากบริษัทดังกล่าวแต่ปรากฎว่าเมื่อวันพุธที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่สามารถซื้อขายหรือเบิกทองที่ฝากไว้ได้ บางรายไม่ได้ทองตามที่สั่งซื้อหลังจ่ายโอนเงินให้แล้ว ตรวจสอบพบว่าบริษัทปิดทำการ จึงรวมตัวกันมาร้อง บก.ปคบ.ให้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 400 ล้านบาท 

สถานการณ์ดังกล่าว นับว่าสร้างความกังวลให้นักลงทุนที่ลงทุนในทองคำออนไลน์อย่างมาก นั่นเพราะก่อนหน้านี้ นักลงทุนหลายคนเริ่มเกิดความไม่แน่ใจต่อการลงทุนในทองคำ ออนไลน์ เนื่องจากกังวลว่าอาจไม่ได้ทองคำจริงจากผู้ค้าทอง และเรื่องดังกล่าวไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เริ่มมีการพูดถึงมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ดีมานต์ทองคำทั่วโลกยังสูง

Boomberg รายงานว่า ธนาคารขนาดใหญ่ๆในโลกทำการขนย้ายทองคำกันจำนวนมาก โดยการขนย้ายทองคำที่เกิดขึ้น หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นเพราะต้องการเลี่ยงภาษี หรืออาจต้องการทำกำไรแบบอาบิทราจ (Arbitrage) ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

ส่วนอีกประเด็นที่น่าสนใจ นั่นคือปริมาณการซื้อขายทองคำ(Physical Gold) พบว่าเดือนสุดท้ายปี 67 และช่วงเดือนแรกปีนี้ สหรัฐมีการซื้อทองคำ (Physical Gold) มากที่สุดอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มที่ ธันวาคม 67 มีการซื้อทองคำ 64 ตัน และ มกราคม 68 ยังซื้อเพิ่มขึ้นอีก 193 ตัน มากกว่าที่หลายชาติทยอยไล่ซื้อสะสมแบบลิบลับ

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ สถาบันการเงินมองราคาทองคำโลกเป็นขาขึ้นในระยะยาว ไล่ตั้งแต่ 3,100 เหรียญ/ออนซ์ ที่ใกล้จะเกิดขึ้น จากนั้นขยายตัวต่อไป 3,200 – 3,300 เหรียญ/ออนซ์ ในที่สุด และมีโอกาสขยับไปถึง 5,000 เหรียญ/ออนซ์ในปี 2573

สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า ราคาทองคำจะขึ้นก็ต่อเมื่อคนทั้งโลกนั้นอยู่ในภาวะของความกลัว ซึ่งปัจจุบันทั้งโลกกำลังเผชิญกับสงครามการค้า และสงครามทางภูมิศาสตร์ ทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องแย่งสะสมทองคำมากขึ้น และหากเรื่องใดเรื่องหนึ่งมีสถานการณ์ที่น่ากังวล หรือยิ่งเลวร้ายมากขึ้นก็ยิ่งดันให้ราคาทองคำสูงขึ้นมาก 

ดังนั้น ผลของการแย่งทองคำกันของบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลก และธนาคารกลางประเทศต่างๆก็จะยิ่งทำให้ราคาทองคำมันสูงขึ้นไปอีก รวมถึงบ่งบอกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจจะไม่ใช่สกุลเงินที่น่าเชื่อถือได้เหมือนที่ผ่านมา เมื่อสหรัฐฯกลับมาเป็นผู้ซื้อสะสมในทองคำมากที่สุดเช่นนี้

ระวังซื้อทองแต่ไม่ได้ทอง

สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือเมื่อสถานการณ์ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเช่นนี้ เริ่มทำให้หลายฝ่ายกังวลต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้ การลงทุนทองคำในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่การลงทุนทองคำจริง (Physical Gold) เช่นสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าต่างๆ หรือการลงทุนทองคำออนไลน์อาจเกิดปัญหา จนนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเฉพาะหากผู้ลงทุนที่ครอบครองอยู่ต้องการแปลงสัญญาที่ถืออยู่ในมือเป็นทองคำแท่ง แต่ผู้ควบคุมกลไกไม่สามารถหาทองคำมาแลกเปลี่ยนได้ เพราะเริ่มถูกสื่อมวลชนนำไปซักถามบริษัทค้าทองคำขนาดใหญ่ในประเทศ ซึ่งแต่ละบริษัทล้วนให้คำตอบในทิศทางเดียวกันว่ามีปริมาณทองคำเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า

สำหรับในฝั่งตลาดลงทุนทองคำในไทย มีการยืนยันว่า การลงทุนในสัญญาล่วงหน้าทองคำมีการควบคุมโดย สำนักงานก.ล.ต. และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) คอยดูแล ทำให้ทุกสินค้ามีมาตรฐานรองรับ 

แต่มีรายงานว่า ปัจจุบันในหมู่นักลงทุนเริ่มมีข้อสงสัยในจุดนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ ชวนบ่งชี้ว่าราคาทองคำยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นระยะยาว ก็อาจทำให้การขอรับทองคำแท่งผ่านการลงทุนทองคำ ออนไลน์ ไม่สามารถทำได้จริงตามคำกล่าวอ้างที่ประชาสัมพันธ์ออกมา ก่อนหน้านี้

สัดส่วนรับทองจริงยังน้อย

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้บริหารร้านค้าทองคำขนาดใหญ่ของประเทศหลายแห่ง ต่างออกมาแสดงความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าหรือนักลงทุนว่า ร้านค้าทองคำของตนมีทองคำสต๊อกเพียงพอสำหรับลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนแปลงจากเดิมรับกำไรส่วนต่างราคา มาเป็นทองคำแท่ง เพราะเชื่อว่าโดยรวมมีดส่วนไม่มากนัก

เนื่องจากการลงทุนทองคำออนไลน์ โดยส่วนใหญ่นักลงทุนเลือกที่จะทำกำไรจากส่วนต่างราคาทองคำ และเลือกจะรับกลับไปเป็นเงินสดมากกว่า เลือกที่จะรับทองคำแท่งด้วยราคาทองคำอยู่ในระดับสูง ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้นและมีโอกาสขาดทุนหากเลือกที่จะถือครองทองคำแท่ง เพราะอาจเกิดปัญหาไม่สามารถตัดขาดทุนได้ทันท่วงทีเมื่อราคาทองคำปรับตัวลดลง  

ดังนั้น สิ่งสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนทองคำ ออนไลน์นั่นคือ  ควรเลือกลงทุนกับบริษัทค้าทองคำที่ได้รับการรับรองแต่ปรากฏว่าเรื่องแบบนี้ยังไม่มีในประเทศไทย และหากจะให้สมาคมผู้ค้าทองคำออกหน้าเป็นผู้รับรองเอง ก็มีเสียงค้านว่า “ก็เหมือนปล่อยให้คนทำกำไร ควบคุมกันเอง คนลำบากก็ยังเป็นคนซื้อ” 

Gold Futures ความน่าเชื่อถือยังสูง

สิ่งนี้ไม่เหมือน สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Futures ที่โบรกเกอร์ที่ให้บริการ ล้วนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของตลาด TFEX และสำนักงาน ก.ล.ต. และปัจจุบันบริษัทเหล่านี้ ได้ขยายช่องทางการลงทุนมาสู่ทองคำออนไลน์จนได้รับความนิยมจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ด้วยขนาดของธุรกิจ รวมถึงความน่าเชื่อถือที่ผ่านมา

ต้องยอมรับว่าความน่าเชื่อถือเหล่านี้เริ่มมาจากการให้บริการสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า บริษัทเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูและของ TFEX และสำนักงาน ก.ล.ต. มีกฎเกณฑ์มีการควบคุม เมื่อบริษัทขยายผลิตภัณฑ์ลงทุนทองคำด้านอื่นๆ เพิ่มก็จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทเหล่านี้มากกว่าบริษัทค้าทองคำทั่วไป มิเช่นนั้นหลายแอปพลิเคชั่นของธนาคารต่างๆ ก็คงไม่กล้าเพิ่มช่องทางซื้อทองคำออนไลน์ของบริษัทเหล่านี้ไว้ในบริการของแอปฯ

หลักประกันที่เป็นมาตรฐาน?

แต่สิ่งที่น่ากังวลที่สุด คือการมีทองคำรองรับที่ไม่เพียงพอต่อปริมาณออเดอร์ที่ซื้อขายอยู่ในทุกวันนี้ นั่นเพราะไม่มีใครบอกได้ว่าบรรดาร้านค้าทองคำมีทองคำสต๊อกไว้เพียงพอหรือมากน้อยเพียงใด ที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่คำยืนยันจากบรรดาผู้บริหารร้านค้าทองเหล่านี้เท่านั้น 

นอกจากนี้ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐรับเป็นเจ้ามือโดยตรง ทำให้บางทีทองคำ 96.50% น้ำหนักแค่ 10 บาท อาจถูกนำมาใช้เป็นหลักประกันให้กับหลายคำสั่งซื้อมากเกินไป ทั้งที่น่าจะมีเกณฑ์มาตรฐานรองรับว่าอย่างน้อยการเปิดธุรกรรมทองคำ ออนไลน์ควรจะ มีสต๊อกทองคำไว้มากน้อยเพียงใด เพราะสต๊อกที่มีอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นั่นเพราะหากความต้องการทองคำแท่งในประเทศสูงกว่าปริมาณที่มีอยู่ ร้านค้าทองคำจำเป็นต้องนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการดำเนินการและอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

รวมไปถึงความผันผวนของราคาทองคำที่อาจทำให้ร้านค้าทองคำระมัดระวังในการสต๊อกทองคำแท่งจำนวนมาก เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนหากราคาปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อราคาทองคำสูงขึ้น มูลค่าของทองคำแท่งที่ร้านค้าถือครองก็สูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้ต้นทุนในการจัดเก็บและประกันภัยเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจในการสต็อกทองคำของร้านค้าทองคำ 

ส่วนการหลอกลวงลงทุนทองคำออนไลน์ หรือโปรแกรมออมทองคำ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา พบว่าเกิดจากร้านทองคำที่มีขนาดเล็ก หรือบริษัทที่กลุ่มมิจฉาชีพจัดตั้งขึ้นมา หรือบริษัทที่ไม่มีชื่ออยู่ในสารระบบ รวมถึงมีการแอบอ้างนำชื่อบริษัทค้าทองคำรายใหญ่ที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนไปหลอกหลวงนักลงทุน

ทองคำ ออนไลน์ยังไร้เจ้าภาพ

ประเด็นนี้ยิ่งตอกย้ำว่า ปัญหามาจากไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพที่แน่ชัดว่า ในการจะเป็นผู้ออกกฎควบคุมบริษัทค้าทองคำออนไลน์ หรือบริษัทใดบ้างที่น่าเชื่อถือได้ รวมถึงไม่มีเกณฑ์การันตีที่แท้จริงว่ามีทองคำรองรับเพียงพอแค่ไหน หรือต้องมีมากเท่าใด รวมไปถึงหน่วยงานที่สามารถดำเนินการเอาผิดกับร้านทองคำเหล่านี้ ปัจจุบันก็ไม่มีเจ้าภาพที่ชัดเจน และเหมือนหน่วยงานรัฐจะแบ่งกันเอาไปดูแลคนละช่องทาง คนละประเภทของผลิตภัณฑ์ เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค และในอดีตเคยมีแนวคิดที่จะให้ร้านค้าทองคำขึ้นทะเบียนและรายงานข้อมูลการซื้อขาย แต่ปัจจุบันยังไม่มีผลบังคับใช้เป็นการทั่วไป

ถัดมาคือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นั่นเพราะ ร้านค้าทองคำที่เข้าข่ายเป็น "ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 (2)" ซึ่งหมายถึงผู้ประกอบธุรกิจซื้อขายทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือเครื่องประดับอัญมณี จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึง กรมสรรพากร นั่นเพราะ ร้านค้าทองคำมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการขายทองรูปพรรณและสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจมีการตรวจสอบปริมาณการซื้อขายเพื่อประเมินภาษี 

โดยปัจจุบันมีเพียง สมาคมค้าทองคำ ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่รวมผู้ประกอบการร้านค้าทองคำ มีบทบาทในการส่งเสริมมาตรฐานและจรรยาบรรณในธุรกิจ แต่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการบังคับให้สมาชิกรายงานปริมาณสต๊อก

ขณะที่ ก.ล.ต. มีบทบาทในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงบริษัทที่ให้บริการซื้อขายทองคำออนไลน์ หากบริษัทเหล่านั้นมีการเสนอขายผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทำให้ยังต้องตีความว่าการทองคำ ออนไลน์ เข้าข่ายหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนักลงทุนนิยมรับกำไรในรูปแบบส่วนต่างราคามากกว่ารับมอบทองคำจริง

ส่วน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีบทบาทในการกำกับดูแลสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ ที่อาจให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายทองคำออนไลน์ หรือเป็นช่องทางในการชำระเงินสำหรับการลงทุนทองคำ หากการลงทุนทองคำออนไลน์นั้นเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝาก หรือมีลักษณะของการบริการทางการเงิน ธปท. ก็อาจเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการกำกับดูแลในบางด้าน

สิ่งเหล่านี้ นำไปสู่บทสรุปว่า นอกจากคำยืนยันของผู้บริหารร้านค้าทองที่ออกมาผ่านสื่อต่างๆแล้ว จากสถานการณ์ราคาทองคำในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่ร้านค้าทองคำจะประสบปัญหาในการส่งมอบทองคำแท่งจริง หากมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว ในขณะที่ต้นทุนราคาทองคำสูงขึ้นก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ร้านค้าทองคำระมัดระวังในการสต็อกสินค้าจำนวนมาก 

อย่างไรก็ตาม ร้านค้าที่มีการบริหารจัดการที่ดีและมีช่องทางการจัดหาทองคำที่แข็งแกร่งจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ดีกว่า การลงทุนทองคำออนไลน์จึงควรเลือกร้านค้าหรือแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือและมีระบบการส่งมอบทองคำที่ชัดเจน

นี่ยังไม่รวมถึงปัญหาค่ากำเหน็จทองคำแท่ง และทองคำรูปพรรณที่ไม่ชัดเจน เพราะพบว่าแม้ทางสมาคมค้าทองคำจะเป็นผู้กำหนดค่ากำเหน็จ แต่ยังพบบางร้านค้าทองคำที่ใช้ค่ากำเหน็จที่สูงกว่าโดยการกล่าวอ้างต้นทุน รวมไปถึงการรับซื้อทองคำที่ผลิตจากร้านอื่นที่ถูกหั่นราคาอย่างมีนัยสำคัญ หรือแม้แต่การซื้อทองคำในร้านค้าทองคำในห้างสรรพสินค้า แม้จะนำไปขายที่ร้านใหญ่ บางร้านก็ไม่รับ หรือกดราคาซื้อคืน ทั้งที่ซื้อมาจากร้านสาขาหรือแฟนไชส์ของตนก็ตาม จึงเป็นสิ่งที่หน่วยงานภาครัฐควรเข้ามาจัดระเบียบอย่างจริงจังเสียที


กำลังโหลดความคิดเห็น