ธนาคารทองคำลาว เผยหลังก่อตั้งธนาคารทองคำมา 8 เดือน พบลูกค้าเปิดบัญชีกว่า 4 พันบัญชี มูลค่า 1 ตัน ล่าสุดเปิดแอป LBB PLUS ซื้อขายแบบ real time วันแรกมีการเปิดบัญชีฝากทองถึง 5 พันบัญชี คาดจะมีการฝากทองสิ้นปีนี้ประมาณ 1 หมื่นบัญชี มูลค่าทองคำไม่ต่ำกว่า 2 ตัน ตั้งเป้าภายใน 3 ปีแตะ 1 แสนบัญชี พร้อมทุ่ม 5 พันล้านบาท สร้างโรงกลั่นแร่ทอง หวังดึงผู้ประกอบการทองในอาเซียนรวมกลุ่มผลิตในต้นทุนที่ต่ำก่อนส่งออกขายทั่วโลก
นายจันทอน สิทธิไซ ประธานคณะกรรมการจัดงาน ธนาคารทองคำลาว หรือ LAO Bullion Bank (LBB)กล่าวว่า ธนาคารทองคำลาวหลังจากเปิดมา 8 เดือนพบว่ามีการเปิดบัญชีกว่า 4 พันบัญชี มูลค่า 1 ตัน และยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบ รองรับการขยายธุรกิจ เพื่อให้เข้าถึงสังคม ล่าสุด LBB ได้เปิดตัว แอปพลิเคชัน LBB PLUS ที่ซื้อขายแบบ real time ซึ่งในวันแรกพบว่ามีการเปิดบัญชีฝากทองถึง 5 พันบัญชีและคาดจะมีการฝากทองสิ้นปีนี้ประมาณ 1 หมื่นบัญชี มูลค่าทองคำไม่ต่ำกว่า 2 ตัน ส่วน ปี 69 คาดหมาย 10 ตันหรือ 3 หมื่นบัญขีตามการพัฒนาและกลยุทธ์ด้านการตลาด และตั้งเป้าภายใน 3 ปีต้องได้ 1 แสนบัญชี
“การซื้อขายทองคำออนไลน์ได้รับก่ารตอบรับดีและตอบโจทย์นักลงทุนเพราะเป็นการซื้อขายผ่านแอปฯ เราต้องพัฒนาอีกเพื่อป้องกันการแฮกและป้องกันความเสี่ยงให้มาก ซึ่งปัจจุบันลูกค้าเรา 98% เป็นคนลาวและที่เหลือ 2% เป็นต่างชาติและต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย ”
ทั้งนี้ การก่อตั้ง LBB เพราะทองมีมาก แต่อยู่นอกระบบธนาคาร ดังนั้นจึงต้องการดึงทองคำเข้ามาในระบบ และเสมือนการดึงเงินตราต่างประเทศเข้ามาในระบบเพราะทองเรียกว่า near cash คือสถานะเกือบจะเป็นเงิน ถ้าดึงเข้ามาในระบบ จะทำให้เงินสำรองเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อค่าเงินกีบแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นกลไปตามหลักเศรษฐศาสตร์ และปัจจุบันลาวมีทองสำรองถึง 10 ตัน
ล่าสุด สมาคมทองคำลาว เดินหน้าหารือเพื่อร่วมกัน สมาคมทองแต่ละประเทศในอาเซียน เริ่มจากมาเลเซีย เพื่อร่วมมือกันในการที่จะผลิตให้ได้ต้นทุนต่ำพร้อมส่งออกขายทั่วโลก และแม้ว่านักลงทุนรุ่นอาจยังเข้าไม่ถึงทองคำ แต่ต้องบอกว่าทองคำเป็นวัตถุที่ใช้ในทุกประเพณี เพราะทองเป็นสินค้าที่อยู่ในกลุ่มเครื่องประดับ ที่ตลาดโลกมีมูลค่ารวม 300 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าไทยและลาวร่วมมือกันผลิตขายได้ไม่เกิน 10% ของมูลค่ารวมของตลาด ดังนั้น เครื่องประดับทองคำแม้ดีมานด์จะไม่เพิ่มขึ้น แต่ก็จะไม่ลดลง
“ถ้าเรารวมตัวกันในอาเซียน และถือครองเงินสกุลอื่นลดลง แต่การหันมาถือทอง จะทำให้ค่าเงินเราแข็งค่าขึ้น เราต้องร่วมมือกัน เป็นการอวดศักยภาพและให้ชาวโลกมองเห็นว่าทองคำแถบนี้ยังมาก นี่คือจุดเริ่มต้นในการร่วมมือกัน เพื่อให้ค่าเงินของประเทศแถบนี้ไม่ต้องผันผวน ” นายจันทอนกล่าว
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ LBB อยู่ในระหว่างก่อสร้างโรงกลั่นแร่ทอง ด้วยงบลงทุนกว่า 5 พันล้านบาท และพร้อมเดินเครื่องผลิตปีนี้ คาดว่าแร่ทองคำในลาวจะสามารถรองรับการใช้กลั่นไปได้ประมาณ 20 ปี ซึ่งโรงกลั่นทองแห่งนี้ เป็นการร่วมทุนระหว่าง LLB กับ บริษัท พีทีแอล โฮลดิ้ง จำกัด หลังจากประเมินว่าการผลิตทองด้วยการเริ่มจากทุนที่ถูกกว่าย่อมได้เปรียบ เพราะหากรเริ่มจากต้นทางจะไม่มีภาระการประกันภัยและต้นทุนค่าขนส่งแพง และที่สำคัญค่าไฟฟ้าของลาวถูกกว่าไทย ซึ่งไฟฟ่าที่ผลิตมาใช้เองยังเป็นไฟสีเขียว หรือ green energy หากเหลือจากการใช้ก็สามารถส่งออกขายได้ด้วย นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการการร่วมกันในการผลิตทองของประเทศแถบอาเซียน
“ สมาคมทองคำไทยและลาว จะร่วมมือผลิตที่นี่เพราะต้นทุนถูกกกว่ามาก เพื่อผลิตและส่งออก ซึ่งเราสองประเทศใกล้กันมาร่วมผลิตและส่งออกได้ จะทำให้ราคาขายได้กว่า โรงกลั่นนี้จะเริ่มทดลองผลิตได้เดือนกันยายนนี้ ” นายจันทอนกล่าว
นายจันทอนกล่าว ถึง “เทศกาลทองคำลาว 2025”ว่าการจัดการครั้งนี้ได้รับความสนใจและความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ทั้งในและนอกอาเซียน อย่าง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ตุรกี โปแลนด์ สิงคโปร์ รวมแล้วมากกว่า 10 ประเทศที่เข้าร่วม ซึ่งเบื้องต้น LBB จะสนับสนุนการจัดงานมหกรรมทองคำนี้ระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้งานนี้มั่นคง สำหรับจากการจัดงานครั้งแรกครั้งนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จ เพราะวันแรกของงานพบว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจจากต่างประเทศมาร่วมงานมากกว่า 200 คน และเชื่อว่าในปีต่อๆไปจะมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้าร่วมงานเพิ่มขี้นตามลำดับ
“เทศกาลทองคำลาว 2025” นักลงทุนร่วมงานคึก
ทัังนี้ เมื่อวันที่ 5-7 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาลาวได้จัดงาน “เทศกาลทองคำลาว 2025” งานประจำปีระดับชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศ เพื่อเฉลิมฉลองวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ วันครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งประเทศ และครบรอบ 105 ปีวันคล้ายวันเกิดของอดีตประธานาธิบดีไกสอน พมวิหาร
นอกจากนี้ ยังเป็นป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้สนใจในอุตสาหกรรมทองคำ ให้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แสดงนวัตกรรม และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ งานนี้สะท้อนความงดงามและเอกลักษณ์ของทองคำลาวผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านนิทรรศการ แฟชั่นโชว์ และกิจกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดมุ่งหวังที่จะยกระดับอุตสาหกรรมทองคำให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างโอกาสทางธุรกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยว
สำหรับงานนี้คาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมกว่า 30,000 คน ทั้งในและต่างประเทศ งานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งเสริมอุตสาหกรรมทองคำลาวสู่มาตรฐานสากล และเป็นโอกาสทองสำหรับทุกคนที่สนใจลงทุน เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี เชื่อว่าปีต่อไปจะมีผู้สนใจจากนักลงทุนจากทุกธุรกิจและการจัดงานครั้งนี้ เป็นการรวมตัวกันเพื่อรวมตัวกันเพื่อให้สมาคมเอาสินค้าทองคำมาให้ชาวโลกเห็น และเป็นเวทีในการขายสินค้า