xs
xsm
sm
md
lg

เปิดความจริง! ทำไมการยืนยันตัวตนบน OnlyFans ยากกว่าเปิดบัญชีคริปโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เบื้องหลังการยืนยันตัวตนบนแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ชื่อดังอย่าง OnlyFans และ Pornhub กลับเข้มงวดและซับซ้อนกว่าการเปิดบัญชีบน Exchange คริปโตชั้นนำ แต่ความยุ่งยากไม่ได้แปลว่าปลอดภัยกว่าเสมอไป รายงานเชิงลึกชี้ให้เห็นว่าทั้งสองอุตสาหกรรมต่างถูกบีบให้ยกระดับ KYC ภายหลังเผชิญแรงกดดันจากสังคมและหน่วยงานกำกับดูแล ทว่าสิ่งที่สะท้อนออกมาคือ “ความไม่สมบูรณ์” ของระบบที่ยังเป็นคำถามต่อความน่าเชื่อถือ

KYC ในโลกผู้ใหญ่ vs คริปโต-ยุ่งยากไม่เท่ากับปลอดภัย

การสมัครเป็นครีเอเตอร์บน OnlyFans หรือ Pornhub เริ่มต้นคล้ายกับการเปิดบัญชีซื้อขายคริปโต ผ่านการล็อกอินด้วย Google และการอัปโหลดบัตรประชาชนคู่กับเซลฟี ทว่าแพลตฟอร์มผู้ใหญ่กลับเพิ่มชั้นตรวจสอบที่มากกว่า เช่น การยืนยันที่อยู่ ลิงก์โซเชียลมีเดีย และการส่งข้อมูลซ้ำหลายรอบ แต่สุดท้ายก็ยังถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลกำกวม แม้จะปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วนก็ตาม

สถิติในเดือนกรกฎาคมสะท้อนความเข้มงวดนี้ได้อย่างชัดเจน OnlyFans ได้รับใบสมัครกว่า 184,844 ราย แต่มีเพียง 35% เท่านั้นที่ผ่านการอนุมัติ ส่วน Pornhub แม้จะอนุมัติในภายหลัง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยขั้นตอนที่ไม่โปร่งใสและการปฏิเสธโดยไร้เหตุผลชัดเจน

ใบสมัครบัญชีผู้สร้าง OnlyFans ของ Cointelegraph ที่ถูกปฏิเสธ ที่มา: OnlyFans
เมื่อคริปโตกลับง่ายกว่า - Coinbase, Bybit, Bitget

Cointelegraph ทดสอบระบบยืนยันตัวตนของ Exchange หลายแห่ง พบว่ากระบวนการของคริปโตมีโครงสร้างชัดเจนและสอดคล้องกับข้อกำกับทางการเงินมากกว่า เช่น Coinbase ที่ตรวจสอบเอกสารการเงิน แหล่งที่มาของเงิน และหลักฐานที่อยู่ ขณะที่ Bybit ใช้วิดีโอยืนยันพาสปอร์ต และ Bitget อนุมัติเร็วที่สุดในเวลาเพียง 10 นาที แม้ต้องมีการยืนยันเพิ่มเติมก่อนซื้อขายกับเงิน Fiat

ทว่าความง่ายนี้ก็มาพร้อมคำถามเรื่องความเข้มงวด เพราะหลายแพลตฟอร์มพึ่งพาผู้ให้บริการ eKYC ภายนอก และกระบวนการยังไม่ละเอียดเทียบเท่าสถาบันการเงินดั้งเดิม

ต่อมา Pornhub ก็อนุมัติใบสมัครผู้สร้างของ Cointelegraph ที่มา: Pornhub
ทำไม OnlyFans ถึงยกระดับยืนยันตัวตนหนักกว่าคริปโต

ทั้งสองอุตสาหกรรมต่างเคยปล่อยปละละเลยในอดีต ก่อนจะถูกบังคับให้ยกระดับมาตรฐานหลังเกิดเรื่องอื้อฉาว Pornhub เคยถูกโจมตีจากกรณีวิดีโอที่มีผู้เยาว์และเนื้อหาที่ไม่ยินยอมในปี 2563 จน Visa และ Mastercard ระงับการชำระเงิน บีบให้แพลตฟอร์มลบคอนเทนต์มหาศาลและกำหนดยืนยันตัวตนเข้มข้นมากขึ้น

OnlyFans เองก็ถูก BBC เปิดโปงในปี 2564 ว่ามีผู้เยาว์หลุดรอดการตรวจสอบ ขณะที่ปี 2568 Regulator ของสหราชอาณาจักรสั่งปรับบริษัทแม่กว่า 1.05 ล้านปอนด์ ฐานให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับระบบยืนยันอายุ การยกระดับเข้มข้นจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

ฝั่งคริปโตเองก็ไม่ต่างกัน BitMEX, Binance และ KuCoin ล้วนถูกลงโทษหนักจากการละเมิดกฎหมาย AML และ KYC จนต้องปรับระบบใหม่ให้เข้มข้นในช่วง 2564 - 2568

Coinbase ระงับการสมัคร KYC ของ Cointelegraph เนื่องจากเอกสารไม่ตรงตามมาตรฐาน ที่มา: Coinbase
KYC ยุ่งยาก แต่ยังไม่มั่นคง

แม้วันนี้การสมัคร OnlyFans จะต้องผ่านด่านมากกว่าการเปิดบัญชีคริปโต แต่ไม่ได้หมายความว่าระบบจะปลอดภัยหรือแม่นยำกว่า ความยุ่งยากสะท้อนเพียงการตอบสนองต่อแรงกดดันหลังเกิดวิกฤต ไม่ใช่การออกแบบระบบที่สมบูรณ์ตั้งแต่ต้น

จีนประกาศแบน OnlyFans ในปี 2568 หลังจากการแบนคริปโตหลายครั้งในปี 2564 ที่มา: BBC
อย่างไรก็ดีทั้งสองอุตสาหกรรมจึงสะท้อนบทเรียนเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลังจากเกิดเรื่องฉาวและการบังคับจากหน่วยงานกำกับเท่านั้น ข้อเท็จจริงนี้ทำให้คำถามยังคงอยู่ว่า "มาตรฐาน KYC ที่แท้จริง จะต้องพัฒนาไปอีกไกลแค่ไหน จึงจะสร้างความเชื่อมั่นได้ทั้งในโลกคริปโตและคอนเทนต์ผู้ใหญ่?”