xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ แนะ “ซื้อหุ้น AWC มองทิศทางครึ่งปีหลังสดใส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับตาหุ้น “แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ”หลัง 7 โบรกเกอร์ใหญ่ออกบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หลังการประชุมนักวิเคราะห์ มองแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นทุกกลุ่ม แม้ไตรมาส 3 ยังเผชิญความท้าทาย แต่ไตรมาส 4 คาดโตเด่น ยอดจองห้องพักล่วงหน้าแข็งแกร่งรับท่องเที่ยวไฮซีซัน ขณะกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลเติบโตต่อเนื่อง ทั้งศูนย์การค้าและสำนักงาน อีกทั้ง Jurassic World: The Experience หนุนรายได้โต


ภายหลังการจัดงานประชุมนักวิเคราะห์ไตรมาส 2/2568 (Analyst Meeting) ของ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC หลายโบรกเกอร์ได้ออกบทวิเคราะห์ประเมินทิศทางการเติบโตของธุรกิจและผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาส 4 มีโอกาสเติบโตโดดเด่น และให้คำแนะนำการลงทุนในเชิงบวก แนะนำให้ “ซื้อหุ้น”

สำหรับ 7 โบรกเกอร์ที่แนะนำ “ซื้อ” ประกอบด้วย  บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมาย 5.08 บาท บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ให้ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท ตามด้วยบริษัทหลักทรัพย์ แมคควอรี (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมาย  4.70 บาท บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร ให้ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบีเคย์ เฮียน (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมาย 3.30บาท รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมายตามพื้นฐานที่ 2.90 บาท บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ให้ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ คาดการณ์ว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังจะดีขึ้นจากโรงแรมที่ฟื้นตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2568 และสินทรัพย์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 5 บาท โดยคาดการณ์การเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดโรงแรมระดับไฮเอนด์

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทรประเมินว่าการดำเนินงานของ AWC ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 และมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งหลังของปีนี้ โดยเชื่อว่าไตรมาส 4 จะกลับมาเติบโตได้เต็มที่จากแรงหนุนฤดูกาลท่องเที่ยว อีกทั้งผลตอบรับของที่ดีเกินคาดของJurassic World: The Experience ที่เอเชียทีคซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าชมเฉลี่ยวันละ 3,200 คน สูงกว่าเป้าหมายเดิมของ AWC ที่ตั้งไว้ 2,000 คน คาดจะสร้างรายได้ปีละ 700–800 ล้านบาท และกำไร 50–100 ล้านบาท ตลอดอายุโครงการ 8 ปี

นอกจากนี้ ยังดึงดูดความสนใจจากผู้เช่า ทำให้อัตราการเช่า (Occupancy rate) ของเอเชียทีคมีแนวโน้มขยับจาก 76% ในไตรมาส 2 ไปแตะ 90% ภายในสิ้นปี ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้เพิ่มอีก 80–100 ล้านบาทต่อปี โดยขณะนี้หุ้นซื้อขายที่ระดับ P/E ปี 2568E ราว 39 เท่า แต่หากรวมกำไรจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นราว 4 พันล้านบาทในปี 2568 ค่า P/E จะลดลงเหลือเพียง 13 เท่า ถือว่ามีอัพไซด์น่าสนใจสำหรับนักลงทุน คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายที่ 3.60 บาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่าไตรมาส 3 ธุรกิจโรงแรมจะยังมีความท้าทาย แต่จะดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้า และจะเห็นแนวโน้มที่สดใสมากขึ้นในไตรมาส 4 เนื่องจากการจองล่วงหน้าแสดงให้เห็นการเติบโตจากยอดจองปีก่อนหน้าที่แข็งแกร่ง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 3.30 บาทแม้ว่าภาพรวมการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนยังคงอ่อนแอ แต่ยังคงมองบวกต่อ AWC เนื่องจาก 1. ความแข็งแกร่งของธุรกิจศูนย์การค้าและออฟฟิศ 2. แนวโน้มการเติบโตระยะยาวที่ได้รับแรงหนุนจากโมเดล AWC Growth Fund และ 3. แรงหนุนการเติบโตที่แข็งแกร่งในทำเลนอกกรุงเทพฯ และภูเก็ต

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" จาก "ถือ" หลังลด Capex และมุมมองดีขึ้นพร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 2.90 บาท (จาก 2.20 บาท) 
เพื่อสะท้อนการปรับลด Capex ลงเหลือปีละ 10,000 ล้านบาท ในปี 2569 - 2570 (จาก 15,000 ล้านบาท) AWC ตั้งเป้ามีห้องพัก 10,475 ห้องในปี 2572 (เพิ่มขึ้น 53% จากปี 2568) ผู้บริหารมองว่าความต้องการตลาด MICE ในไตรมาส 3 ปี 2568 อาจชะลอ แต่เห็นการฟื้นตัวของการจองในไตรมาส 4 ปี 2568 โดยเฉพาะต่างจังหวัด เช่น สมุย เชียงใหม่ และพัทยา


 ทั้งนี้ AWC มีอัพไซด์จากการฟื้นตัวโรงแรมเชียงใหม่และ Jurassic World: The Experience โดยพอร์ตของ AWC มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำ เช่น อินเตอร์คอนติเนนตัลเชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล และ โรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล ในเชียงใหม่ ซึ่งไม่มีคู่แข่งโดยตรงในระดับเดียวกัน คาดว่าธุรกิจในเชียงใหม่จะพลิกมามีกำไรสุทธิ (NPAT) หนุนโดยนักท่องเที่ยวพรีเมียมเพิ่มขึ้น ตามสายการบินที่เปิดเส้นทางใหม่ 

เช่น ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 สายการบิน Etihad Airways จะบินตรงจาก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) - เชียงใหม่ 4 เที่ยว/สัปดาห์ และสายการบิน Scoot จะเปิดเส้นทางบินตรง เชียงใหม่-ญี่ปุ่น ส่งผลให้ ReVPARของเชียงใหม่ เพิ่มขึ้น 8% (YoY) ในไตรมาส 2 ปี 2568 (เทียบกับทั้งกลุ่มลดลง 14% YoY) เป็นสัญญาณบวก ขณะที่ AWC เปิด Jurassic World: The Experience ในเดือนสิงหาคม 2568 กำไรอาจแตะ 40 ล้านบาทต่อไตรมาส คิดเป็นอัพไซด์ 6% ต่อกำไรปี 2569 ที่ 2.5 พันล้านบาท  หุ้น AWC ซื้อขายที่ P/E ปี 2569 ที่ 31 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มท่องเที่ยวไทย 25 เท่า อย่างไรก็ตาม คาดว่า AWC จะมีกำไรเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม (เพิ่มขึ้น 20% CAGR ในปี 2567-2570)   

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง มองแนวโน้ม คาดการณ์กำไรของ AWC ในไตรมาส 3 ปี 2568 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท มองว่าปัจจัยกระตุ้นผลประกอบการของ AWC ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของโครงการโรงแรมใหม่ที่เปิดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ควบคู่ไปกับโครงการ Jurassic World: The Experience ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว (ซึ่งเรายังไม่ได้นำมารวมในประมาณการของเรา)

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ แมคควอรี (ประเทศไทย) มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ AWC จากการเปิดโรงแรมใหม่ 2 โรงแรมใหม่ในช่วงปีนี้ และการควบคุมต้นทุนที่ดี โดยคาดการณ์ว่าบริษัทยังคงความสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงครึ่งหลังของปี โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ 4.70 บาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 5.08 บาท 


กำลังโหลดความคิดเห็น