xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐอุทธรณ์โทษคดีแชร์ลูกโซ่คริปโต "HashFlare" หลังผู้ก่อตั้งพ้นผิดเพียงโทษจำคุกตามเวลาที่ถูกคุมขัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อัยการสหรัฐฯ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาที่ให้โทษเพียง “จำคุกตามเวลาที่ถูกคุมขัง” แก่ผู้ก่อตั้ง HashFlare สองราย หลังสร้างแชร์ลูกโซ่สแกม มูลค่ากว่า 577 ล้านดอลลาร์ โดยมองว่าเป็นการตัดสินที่เบาเกินไปต่อคดีอาชญากรรมทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในศาลซีแอตเทิล ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือน การปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวลกำลังบ่มเพาะวัฒนธรรม “ไร้บทลงโทษ” ในอุตสาหกรรมคริปโต

อัยการอุทธรณ์–โต้โทษเบาเกินไป


อัยการสหรัฐฯ ประกาศยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลรัฐบาลกลางซีแอตเทิลที่เพิ่งตัดสินเมื่อ 12 สิงหาคม ให้ Sergei Potapenko และ Ivan Turõgin ผู้ร่วมก่อตั้ง HashFlare บริษัทบริการเหมืองขุดคริปโต ได้รับโทษเพียงจำคุกตามเวลาที่ถูกคุมขัง 16 เดือนในเอสโตเนีย พร้อมค่าปรับ 25,000 ดอลลาร์ และทำงานบริการสังคม 360 ชั่วโมง โดยอัยการยืนยันว่าทั้งคู่ควรได้รับโทษจำคุกอย่างน้อย 10 ปี เพื่อสะท้อนความร้ายแรงของความเสียหายที่ก่อขึ้น

แชร์ลูกโซ่สแกม 577 ล้านดอลลาร์ ใต้ภาพลวงตาเหมืองขุดคริปโต

ระหว่างปี 2558–2562 HashFlare สร้างยอดขายมากกว่า 577 ล้านดอลลาร์ ด้วยการนำเสนอแดชบอร์ดปลอมให้ลูกค้าเชื่อว่ามีกำลังการขุดคริปโตสูง และสร้างผลตอบแทนจริง ทั้งที่แท้จริงแล้วลูกค้ารายเก่าได้รับผลตอบแทนจากเงินลงทุนของรายใหม่ ในแบบกลลวงสุดคลาสสิกตามสูตรแชร์ลูกโซ่สแกม ที่สุดท้ายผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินลงทุนคืนได้

ขณะที่ทนายฝ่ายจำเลยอ้างว่าแม้ HashFlare โฆษณาเกินจริง แต่ลูกค้าหลายรายยังได้รับผลตอบแทนเกินเงินลงทุน เนื่องจากราคาคริปโตพุ่งขึ้นหลังบริษัทปิดตัว และยืนยันว่าทรัพย์สินมูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์ที่ถูกยึดตามกฏหมาย (ตามข้อตกลงรับสารภาพ) จะถูกนำไปชดเชยผู้เสียหายครบถ้วน อย่างไรก็ตาม อัยการชี้ว่าข้อมูลเหล่านี้ “บิดเบือน” และไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง

ชุมชนคริปโตถกเดือด ‘ไร้บทลงโทษชัดเจน’ จุดไฟอาชญากรรมคริปโตไม่จบสิ้น

นักสืบอิสระอย่าง ZachXBT และ เทเลอร์ โมนาฮาน รวมถึงบริษัทสอบสวนบล็อกเชน เตือนว่า การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่จริงจังและบทลงโทษที่ไม่รุนแรงเพียงพอ กำลังกลายเป็นแรงกระตุ้นให้อาชญากรไซเบอร์แห่เข้ามาใช้คริปโตเป็นเครื่องมือโกง อุตสาหกรรมกำลังเผชิญปัญหา “แกว่ง” ระหว่างการบังคับใช้ที่รุนแรงเกินไปในช่วงแรก สู่การอ่อนแรงลงจนขาดความรับผิดชอบในปัจจุบัน

อัยการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของผู้ร่วมก่อตั้ง HashFlare ที่มา: PACER
สถิติชี้อาชญากรรมคริปโตทำสถิติสูงสุดใหม่

รายงานล่าสุดระบุว่า ความเสียหายจากอาชญากรรมคริปโตในครึ่งแรกปี 2568 พุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ แซงหน้าสถิติปี 2564 และเกือบเท่าทั้งปี 2567 สะท้อนว่าปัญหายังทวีความรุนแรงและต้องการบทลงโทษที่ชัดเจน

กรณีศึกษาแชร์ลูกโซ่อื่น ๆ ถูกจำคุกจริง

ความแตกต่างปรากฏชัดเมื่อเทียบกับคดีอื่น ๆ เช่น อดีตนักรักบี้ เชน โดโนแวน มัวร์ ที่ถูกตัดสินจำคุก 2 ปีครึ่ง ฐานหลอกนักลงทุนกว่า 40 ราย สูญเงิน 900,000 ดอลลาร์ในแผนแชร์ลูกโซ่คริปโต หรือ ดเวน โกลเดน ที่ถูกตัดสินจำคุก 8 ปี ฐานฉ้อโกงและฟอกเงินจากโครงการแชร์ลูกโซ่คริปโตมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ผ่านบริษัท EmpowerCoin, ECoinPlus และ Jet-Coin

ช่องโหว่การบังคับใช้กฎหมาย–ความเสี่ยงต่อระบบการเงินดิจิทัล

ทั้งนี้คำพิพากษาที่เบาเกินไปในคดี HashFlare อาจสะท้อนช่องโหว่เชิงโครงสร้างของการบังคับใช้กฎหมายต่ออาชญากรรมคริปโต และยิ่งตอกย้ำความกังวลว่าการปล่อยปละละเลยจะบ่มเพาะวัฒนธรรม “โกงแล้วไม่ต้องรับผิดชอบ” ในตลาดดิจิทัลโลก ซึ่งหากสหรัฐฯ ไม่สร้างมาตรฐานบทลงโทษที่ชัดเจน เท่ากับเปิดช่องให้อาชญากรทางการเงินใช้คริปโตเป็นสนามเล่นโดยไร้การควบคุม ซึ่งอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกในระยะยาว