xs
xsm
sm
md
lg

"พระเยซูแห่งบิทคอยน์" ดิ้นสู้คดี 48 ล้าน ศาลสิทธิ ฯ ยุโรปซัดสเปนละเมิดกฎหมาย-ทีมกฎหมายฟาดยับ "ข่มขู่ทางการเมือง"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พระเยซูแห่งบิทคอยน์ นักลงทุนบิทคอยน์ระดับตำนานผู้เผชิญโทษจำคุก 109 ปี ในสหรัฐฯ จากข้อหาหลบภาษี 48 ล้านดอลลาร์ ฟาดศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป หลังสเปนอนุมัติส่งตัวแบบ "สายฟ้าแลบ" ทีมทนายฉุนขาดเรียกร้อง "ปฏิเสธความยุติธรรม" ชี้ IRS สหรัฐฯ ใช้กฎหมายคลุมเครือกับคริปโตยุคแรกเริ่ม ขณะชุมชนแตก 2 ฝ่าย ทั้งอดีตเจ้าตลาดมืด Silk Road สนับสนุน VS นักพัฒนาบิทคอยน์สายแข็งซัด "สร้างความเสียหายต่อวงการ"

"โรเจอร์ เวอร์" นักลงทุนยุคบุกเบิก ผู้ได้รับฉายา “พระเยซูแห่งบิทคอยน์” กำลังเผชิญมหากาพย์กฎหมายระหว่างประเทศ หลังรัฐบาลสเปนไฟเขียวส่งตัวกลับสหรัฐฯ ฐานฉ้อโกงภาษีมูลค่า 48 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เจ้าตัวยื่นฟ้องศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปโต้กลับ พร้อมแฉความคลุมเครือของนโยบายภาษีคริปโต ขยายผลสู่ดราม่าร้อนแรงในชุมชนบล็อกเชน และการเมืองอเมริกัน
 
ในอีกหนึ่งมหากาพย์ที่เขย่าวงการคริปโตไปทั้งโลก โรเจอร์ เวอร์ (Roger Ver) นักลงทุนบิทคอยน์ยุคแรกผู้ได้รับฉายาว่า “พระเยซูแห่งบิทคอยน์” ขึ้นโรงขึ้นศาลในยุโรป พร้อมเปิดศึกทางกฎหมายเต็มรูปแบบกับรัฐบาลสเปน หลังศาลมีคำสั่งอนุมัติส่งตัวเขาไปสหรัฐฯ เพื่อตอบข้อกล่าวหาฉ้อโกงภาษีที่อาจทำให้เขาต้องโทษจำคุกยาวถึง 109 ปี

โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทีมกฎหมายของเวอร์ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสเปนต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป ณ เมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส โดยอ้างว่าการอนุมัติส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนครั้งนี้เป็น “การปฏิเสธความยุติธรรมอย่างชัดเจน” และละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2566 เวอร์ถูกจับกุมบนเกาะมายอร์กา ประเทศสเปน หลังจากทางการสหรัฐฯ ออกหมายฟ้องเขาในข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี ยื่นแบบภาษีเท็จ และฉ้อโกงทางไปรษณีย์ โดยมูลค่าความเสียหายที่อัยการระบุอยู่ที่กว่า 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขายบิทคอยน์หลายหมื่นเหรียญในปี พ.ศ. 2560 ที่มีมูลค่ารวมราว 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะนั้น

แม้ว่าเวอร์จะสละสัญชาติอเมริกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 และได้รับสัญชาติจากประเทศเซนต์คิตส์และเนวิส แต่อัยการสหรัฐฯ ยังอ้างว่าเขายังมีภาระภาษี เนื่องจากเขายังถือครองกิจการที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ อย่างเช่น MemoryDealers.com และ Agilestar.com

ไฟลุกกลางวงการคริปโต

ข้อกล่าวหาในคดีนี้ยังขยายประเด็นไปสู่ “ภาษีขาออก” (Exit Tax) ซึ่งกำหนดให้ชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งที่ย้ายถิ่นฐานต้องชำระภาษีจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากสินทรัพย์ทั่วโลก รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้คดีของเวอร์กลายเป็นประเด็นร้อนที่ท้าทายกรอบกฎหมายภาษีของสหรัฐฯ ในยุคที่ยังไม่มีข้อยุติชัดเจน

ไฮเม คัมปาเนอร์ มูโนซ ทนายความชาวสเปนของเวอร์ โต้แย้งต่อศาลว่าทางการสเปนเพิกเฉยต่อ “ความไม่แน่นอนและความผันผวนของกฎหมายภาษีสหรัฐฯ ต่อคริปโต” และหากมีการส่งตัวเวอร์กลับประเทศ ก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของเขาอย่างร้ายแรง

กองเชียร์ – ฝ่ายแค้น ปะทะเดือดในโลกออนไลน์

การต่อสู้ของเวอร์ไม่ได้หยุดแค่ในห้องพิจารณาคดี แต่ลุกลามไปยังเวทีโซเชียลมีเดียระดับโลก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขาโพสต์วิดีโอในบัญชี X เพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า “ผมถูกข่มขู่โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เกลียดเสรีภาพมานาน นี่คือเรื่องราวของผม”

ขณะที่ฝั่งตรงข้ามก็ไม่อยู่เฉย อีลอน มัสก์ ตอบโต้ทันทีว่า “โรเจอร์ เวอร์ สละสัญชาติไปแล้ว การเป็นสมาชิกย่อมมีสิทธิพิเศษ” พร้อมตอกกลับประเด็นการขออภัยโทษแบบไม่ไว้หน้า

รายงานยังเปิดเผยอีกว่า เวอร์จ่ายเงินถึง 600,000 ดอลลาร์ให้กับ “โรเจอร์ สโตน” พันธมิตรคนสนิทของทรัมป์ เพื่อล็อบบี้รัฐสภาให้เปลี่ยนบรรยากาศทางกฎหมายเกี่ยวกับคดีของตน แต่ภายหลังทนายความฝั่งเวอร์ระบุว่าเขายกเลิกการดำเนินการขออภัยโทษแล้ว

โลกคริปโตเสียงแตก

รอสส์ อุลบริชต์ ผู้ก่อตั้งตลาดมืด Silk Road ที่เพิ่งได้รับการอภัยโทษ ออกโรงแสดงความสนับสนุนเวอร์ โดยระบุว่า “โรเจอร์ เวอร์ อยู่เคียงข้างผมในยามตกต่ำ วันนี้เขาต้องการความช่วยเหลือของเรา ไม่มีใครควรถูกจำคุกตลอดชีวิตเพราะภาษี”

แต่แดน เฮลด์ อดีตผู้บริหารของ Kraken และนักพัฒนาในวงการคริปโต กลับเห็นต่าง เขาโจมตีเวอร์ว่าเป็น “บุคคลที่เป็นพิษ” และเป็นต้นเหตุของ “สงครามกลางเมือง” ในชุมชนบิทคอยน์ช่วงปี พ.ศ. 2560 จากการแตกสายเป็น Bitcoin และ Bitcoin Cash

อย่างไรก็ดีไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร มหากาพย์ของ “พระเยซูแห่งบิทคอยน์” รายนี้ ได้ปลุกให้ประเด็นภาษีของสินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นไฟลามทั่ววงการ พร้อมโยงเข้าสู่สมรภูมิการเมือง ความยุติธรรม และอนาคตของระบบกฎหมายที่ยังไล่ตามเทคโนโลยีไม่ทัน