ธปท.เผยสินเชื่อสถาบันการเงินติดลบ 4 ไตรมาศติดต่อกัน การลดดอกเบี้ยนโยบายของกนง.ไม่ช่วยกระตุ้นให้ปล่อยสินเชื่อเป็นการลดภาระของลูกหนี้ ส่วน NPL ไตรมาศ 2 โดยรวมทรงตัว แต่ยอดหนี้เสียธุรกิจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.74% โดยกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มสูง ขณะที่กลุ่มครัวเรือนดีขึ้น พร้อมเฝ้าระวังกลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2 ปี 2568 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 2 ปี 2568 โดยรวมยังหดตัวต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ -0.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs และสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัวต่อเนื่อง ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ยอดคงค้างสินเชื่อ NPL ไตรมาส 2 ปี 2568 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 554.9 พันล้านบาท โดยหลักจากสินเชื่อธุรกิจ
อย่างไรก็ตามสินเชื่อไตรมาศ 3 อาจจะติดลบอีก โดยเป็นการติดลบติดต่อกัน 4 ไตรมาศ และการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน( กนง.) มีผลน้อยต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะการพิจารณาปล่อยสินเชื่อจะมีเรื่องความเสี่ยงมากกว่าเรื่องของราคา โดยลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระให้กับลูกหนี้ในการผ่อนชำระเท่านั้น
ส่วนปริมาณ NPL ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยมาจากสินเชื่อธุรกิจเป็นสําคัญ โดย NPL ในไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 2.91 % โดย NPL สินเชื่อธุรกิจอยู่ที่ 2.74 % เพิ่มขึ้นจาก 2.68 % ในสิ้นปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจที่มีวงเงินน้อยกว่า 500 ล้านบาทมี NPL 7.62 % เพิ่มขึ้นจาก 7.28 % จากสิ้นปีก่อน ขณะที่กลุ่มวงเงินสินเชื่อมากกว่า 500 ล้านบาท NPL อยู่ที่ 1.04 % เพิ่มขึ้นจาก 1.01 ขณะที่ปริมาณ NPL ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคปรับลดลงทุกประเภท สำหรับสินเชื่อ Stage 2 และ 3 ปรับลดลงในเกือบทุกพอร์ต โดยหลักเป็นการจัดชั้นดีขึ้นของลูกหนี้ที่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้สัดส่วน stage 2 ลดลงอยู่ที่ 6.88 %
อย่างไรก็ดี ธนาคารพาณิชย์ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริหารจัดการคุณภาพหนี้ สำหรับผลการดำเนินงานปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยหลักจากรายได้เงินปันผลตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองปรับเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบนโยบายการค้าโลก
ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและปริมาณสินเชื่อที่ลดลดลงรวมทั้งจากมาตรการคุณสู้ เราช่วย ที่มีการลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามภาวะการเงินที่ยังตึงตัวและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ฟื้นตัวข้าและมีภาระหนี้สูง รวมถึงธุรกิจและครัวเรือนที่อาจได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมต่อฐานะการเงินจากผลกระทบมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนติดตามผลสำเร็จของการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการคุณสู้เราช่วย
โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 1ปี 2568 ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน จากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ขยายตัวชะลอลงเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคธุรกิจมี สัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ลดลงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การก่อหนี้ทรงตัว ด้านความสามารถในการทำกำไรโดยรวมลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน แม้ภาคการผลิตปรับดีขึ้นจากการเร่งผลิตเพื่อส่งออก แต่ภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการอื่น ๆ เผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงและกำลังซื้อซื้อที่ชะลอลงในตลาดที่อยู่อาศัย