สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ภายใต้กระทรวงการคลัง ประกาศผลคัดเลือก 3 บริษัทเอกชนรับหน้าที่เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) สำหรับการออก “G-Token” หรือโทเคนดิจิทัลของรัฐบาลไทยในปีงบประมาณ 2568–2569 ได้แก่ TokenX, Xspring Digital และ Kubix การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกจับตาในฐานะหมุดหมายสำคัญของการผลักดันประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ
นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ของกระทรวงการคลัง ล่าสุด สบน. ได้ประกาศผลการคัดเลือกเป็นที่เรียบร้อย โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับสิทธิ์ดำเนินการเสนอขายโทเคนดิจิทัลของกระทรวงการคลัง (G-Token) ในรอบปีงบประมาณ 2568–2569 มีทั้งสิ้น 3 ราย ได้แก่
1.บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (TokenX)
2.บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (Xspring Digital)
3.บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด (Kubix)
ทั้ง 3 บริษัทเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบโทเคนไลเซชัน (Tokenization) และโครงสร้างการระดมทุนดิจิทัล จึงถูกมองว่าเป็นกลไกหลักที่จะช่วยให้ G-Token เดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
สบน. ระบุว่า การเปิดทางให้ G-Token ผ่าน ICO Portal ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการทดลองเครื่องมือการเงินใหม่ของภาครัฐ แต่ยังสะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลในการใช้ “เทคโนโลยีบล็อกเชน” เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ปฏิรูปโครงสร้างทางการคลัง เพื่อตอบโจทย์ทั้งการระดมทุน การบริหารหนี้ และการสร้างสภาพคล่องใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามการประกาศดังกล่าวได้รับความสนใจจากแวดวงการเงิน การลงทุน และตลาดคริปโต เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่กระทรวงการคลังนำโมเดลโทเคนดิจิทัลมาใช้จริงในเชิงนโยบายมหภาค โดยคาดว่า “G-Token” จะมีบทบาทเสริมแกร่งในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือสูงเพราะออกโดยรัฐบาลไทย และจะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเข้าถึงการลงทุนของประชาชน
นอกจากนี้ สบน. ยังได้แสดงความขอบคุณต่อผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสมัครในครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่าจะร่วมมือกับทั้ง 3 บริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานเสนอขาย G-Token มีความโปร่งใส ปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุน โดยมุ่งหวังให้การออก G-Token ไม่ใช่เพียงโครงการนำร่อง แต่เป็น “เครื่องยนต์ใหม่” ที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มตัวในอนาคต