ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) ปรับพอร์ตธุรกิจครึ่งปีหลัง เดินหน้าลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่ระบบปิดมูลค่า 119.7 ล้านบาท รองรับแม่ไก่ 2 แสนตัว เริ่มขายเชิงพาณิชย์ไตรมาส 1/2569 ด้านธุรกิจไก่เนื้อยังเป็นรายได้หลัก ผลิตภายใต้ระบบประกันราคา เฉลี่ย 15.88 ล้านตัวต่อปี ควบคู่พัฒนาเทคโนโลยีลดต้นทุน และราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีแนวโน้มลด หนุนอัตรากำไรผู้ประกอบการ มั่นใจการเสริมพอร์ตด้วยไก่ไข่และความแข็งแกร่งของไก่เนื้อ ดันผลงานโตมั่นคง
ผศ.ดร.ศิริรักษ์ ขาวไชยมหา รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน พร้อมด้วย นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ประกอบธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาส 2/2568 ว่าครึ่งหลังปี 2568 บริษัทมุ่งเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางรายได้ ด้วยการขยายเข้าสู่ธุรกิจไก่ไข่ ซึ่งเป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) เพื่อช่วยลดความผันผวนจากธุรกิจไก่เนื้อ โดยอนุมัติงบลงทุนกว่า 119.7 ล้านบาท พัฒนาโครงการฟาร์มไก่ไข่ระบบกรงปิดในจังหวัดบุรีรัมย์ รองรับแม่ไก่ 200,000 ตัว พร้อมติดตั้งระบบมาตรฐานด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัยทางชีวภาพ และสวัสดิภาพสัตว์ คาดเริ่มจำหน่ายไข่ไก่เชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/2569
ขณะเดียวกัน ธุรกิจไก่เนื้อยังคงเป็นรากฐานสำคัญของ CFARM ด้วยรอบการผลิตเฉลี่ย 3.18 ล้านตัวต่อรอบ หรือประมาณ 15.88 ล้านตัวต่อปี ภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมความสามารถในการแข่งขันในทุกสภาวะตลาด
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมไก่ไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2568 มีปัจจัยหนุนจากความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และโอกาสการส่งออกตามมาตรฐาน LRQA ซึ่งทำให้ผู้ซื้อทั่วโลกหันมามั่นใจในมาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยของไทย อีกทั้งราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพดและถั่วเหลือง มีแนวโน้มลดลง ซึ่งช่วยสนับสนุนอัตรากำไรของผู้ประกอบการ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทมีรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อตามพันธสัญญา 95,722 พันบาท ลดลง 8.28% จำนวนไก่ลดลง 1.175 ล้านตัว หรือ 16.38% เมื่อเทียบกับปีก่อน และรายได้จากการขายผลิตผลพลอยได้ลดลง 52.56% จากทั้งราคาขายและปริมาณจำหน่ายที่ลดลงจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้ง ผลกระทบจากการปรับปรุงมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีคือราคาต้นทุนหรือราคาตลาดแล้วแต่อย่างใดจะต่ำกว่า จำนวนรวม 2,614 พันบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถบริหารต้นทุนรวมการผลิตให้ลดลงเหลือ 83,198 พันบาท หรือลดลง 6.35% สะท้อนการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ภาวะตลาดจะท้าทาย ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 2,641 พันบาท คิดเป็นเพียง 2.76% ของรายได้จากธุรกิจไก่เนื้อ
”แม้ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จะสะท้อนถึงแรงกดดันจากราคาขายและปริมาณจำหน่ายที่ปรับลดลง แต่ CFARM ยังคงแสดงศักยภาพในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์สร้างความมั่นคงทางรายได้ ผ่านการลงทุนธุรกิจไก่ไข่ขนาดใหญ่ และพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไก่เนื้อให้แข่งขันได้ในทุกสภาวะตลาด โดยได้รับแรงหนุนจากทิศทางอุตสาหกรรมไก่ไทยที่ยังเติบโต ทั้งความต้องการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น โอกาสส่งออกที่ขยายตัวจากสถานการณ์ในต่างประเทศ และต้นทุนอาหารสัตว์ที่มีแนวโน้มลดลง ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้โครงสร้างรายได้ของบริษัท ขณะที่ธุรกิจหลักยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคง เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและต่อเนื่องในระยะยาว” ผศ.ดร.ศิริรักษ์ กล่าว