บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASP) เปิดเผยบทวิเคราะห์ว่า ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของบริษัทจดทะเบียนไทยออกมาดีกว่าคาด โดย 630 บริษัทรายงานกำไรรวมกว่า 3.21 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%QoQ และ 25%YoY ถือเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ รองจากไตรมาส 2/2565 ที่ 3.51 แสนล้านบาท ส่งผลให้กำไรสะสมครึ่งปีแรกอยู่ที่ 5.93 แสนล้านบาท คิดเป็น 56% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.06 ล้านล้านบาท หรือ EPS 86 บาทต่อหุ้น
ด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในกรอบแคบจากความไม่ชัดเจนของการเจรจาสันติภาพสหรัฐฯรัสเซียยูเครน และการประชุม Jackson Hole ปลายเดือนสิงหาคม ขณะที่นักลงทุนรอผลประชุมเฟด 17 ก.ย. ซึ่ง Bloomberg คาดว่า Fed มีโอกาสสูงกว่า 84% จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 4.25%
สำหรับปัจจัยในประเทศ เศรษฐกิจไทย 2Q68 ขยายตัว +2.8%YoY และ +0.6%QoQ ดีกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ทำให้สศช.ปรับคาดการณ์ GDP ปี 2568 ขึ้นเป็น 2.0% (กรอบ 1.82.3%) อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามผลกระทบจากนโยบาย Reciprocal Tariff และรอความชัดเจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐ
ASP มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสเดินหน้าตามแรงหนุนของกำไรบริษัทจดทะเบียน และหากอ้างอิงประสบการณ์ปี 2565 หลังประกาศงบไตรมาส 2 ตลาดหุ้นไทยเคย Outperform ตลาดโลกถึง 14% จึงยังแนะนำกลยุทธ์ สะสมหุ้นเด่นในจังหวะตลาดย่อตัว โดยมี Top Pick ได้แก่ PTT, BDMS และ AMATA รวมถึงหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งอย่าง SCC, SCGP, CK, STECON, ICHI, SPALI และ BH