xs
xsm
sm
md
lg

สภาหมีขาวผ่านร่างกฎหมาย "รูเบิลดิจิทัล" เล็งบังคับใช้ทั่วประเทศ ก.ย. 69 ธนาคาร-บริษัทใหญ่ต้องพร้อมใช้งาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐสภารัสเซียโหวตผ่านร่างกฎหมายบังคับใช้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) อย่างเป็นทางการ เริ่มบังคับใช้ทั่วประเทศในเดือนกันยายน พ.ศ. 2569 ธนาคารและบริษัทขนาดใหญ่ต้องเริ่มให้บริการการชำระเงินด้วย “รูเบิลดิจิทัล” ภายใต้กรอบกฎหมายใหม่ พร้อมเปิดทาง QR Code ใช้งานจริง ส่วนธุรกิจรายย่อยและพื้นที่ห่างไกลมีสิทธิ์ “เลี่ยงระบบ” ได้ในบางกรณี ท่ามกลางเสียงตั้งคำถามจากแบงก์ใหญ่ถึงความจำเป็นของโครงการนี้

รัสเซียรุกคืบเข้าสู่ยุคเงินดิจิทัลเต็มตัว หลังสมาชิกสภาดูมาแห่งชาติลงมติรับรองร่างกฎหมาย "การนำรูเบิลดิจิทัลมาใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป" โดยกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2569

ตามรายงานจากสำนักข่าว TASS ของทางการรัสเซีย ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาวาระที่สองและสามแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนในสภาสหพันธรัฐ และการลงนามโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่หลายฝ่ายมองว่าเป็น "พิธีการ" เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายนี้ผลักดันโดยกลุ่มสมาชิกรัฐสภาและวุฒิสมาชิกที่นำโดยนายอนาโตลี อักซาคอฟ ประธานคณะกรรมการตลาดการเงินของสภาดูมา และเป็นผู้ออกแบบกฎหมายที่เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีและ CBDC แทบทั้งหมดในประเทศ

อาคารสภาดูมาแห่งรัสเซีย ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย
บังคับใช้จริง เริ่มที่บริษัทใหญ่ก่อน

สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือการกำหนดกรอบเวลาชัดเจนในการให้บริการ "รูเบิลดิจิทัล" แก่ลูกค้า ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2569 โดย

1.บริษัทที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 120 ล้านรูเบิล (ประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต้องให้บริการระบบการชำระเงินด้วยรูเบิลดิจิทัลแก่ลูกค้า

2.บริษัทขนาดกลาง (รายได้ไม่เกิน 30 ล้านรูเบิล หรือ 383,000 ดอลลาร์) ได้รับเวลาผ่อนผันเพิ่มอีก 1 ปี

3.บริษัทขนาดเล็กและสตาร์ตอัพสายการเงิน จะต้องปฏิบัติตามภายในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2571

นอกจากนี้กฎนี้ยังครอบคลุมถึงธนาคารต่างประเทศที่ยังดำเนินการอยู่ในรัสเซีย เช่น ธนาคารจากจีน ยุโรป และอเมริกา ที่ยังมีสาขาในรัสเซียต้องปฏิบัติตามเช่นกัน

ยุคใหม่แห่งการชำระเงิน สะดวกด้วย QR Code เข้าครองระบบ

หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่กฎหมายกำหนดไว้คือการใช้ "รหัส QR" ในการชำระเงินผ่านรูเบิลดิจิทัล ทั้งในร้านค้าและบริการต่างๆ โดยลูกค้าจะสามารถชำระด้วยโทเค็น CBDC ผ่านแอปพลิเคชัน และผู้ค้าก็มีหน้าที่ต้องรองรับ หากลูกค้าเรียกร้อง

อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าบางประเภทอาจได้รับการยกเว้น โดยเฉพาะ เช่น

1. อยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณมือถือหรืออินเทอร์เน็ต

2. มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 5 ล้านรูเบิล (ประมาณ 63,900 ดอลลาร์สหรัฐ)

โครงการนำร่องเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางรัสเซียได้เริ่มนำร่องใช้ CBDC ไปแล้วในช่วงกลางปี พ.ศ. 2566 โดยมีประชาชน 600 คน และบริษัท 22 แห่งจาก 11 เมืองเข้าร่วมทดสอบ ซึ่งรวมถึงร้านเสริมสวย ไปจนถึงรถไฟฟ้าใต้ดินมอสโก

เยอร์มัน เกรฟ ประธานบริหารของ Sberbank ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย
เสียงค้านจากแบงก์ใหญ่บ่นอุบ

อย่างไรก็ตาม โครงการ CBDC ไม่ได้ไร้เสียงทักท้วง โดยเฉพาะจากธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่ตั้งคำถามถึง “ความจำเป็น” ของเงินดิจิทัลนี้

ล่าสุด เยอร์มัน เกรฟ ประธานบริหารของ Sberbank ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ออกโรงวิจารณ์ว่า "เขายังไม่เห็นว่า CBDC จะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจรัสเซียได้อย่างไร" และไม่เข้าใจว่า “ทำไมถึงต้องใช้มัน แทนที่จะใช้ระบบที่มีอยู่แล้ว”

ถึงกระนั้น เกรฟก็ยังคงเปิดทางให้กับ “ความเป็นไปได้ในอนาคต” โดยเฉพาะในกรณีที่รูเบิลดิจิทัลสามารถใช้ชำระเงินระหว่างประเทศได้ หากประเทศคู่ค้าตกลงใช้งานร่วมกัน

ปักธงเป้าหมาย โปร่งใส-เร็ว-ลดโกง

ทางฝั่งธนาคารกลางรัสเซียชี้แจงว่า รูเบิลดิจิทัลจะช่วยให้การทำธุรกรรม “เร็วขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น” ขณะที่กระทรวงการคลังระบุว่า CBDC จะถูกใช้เพื่อการโอนเงินสวัสดิการ และชำระเงินตามสัญญากับรัฐบาล ช่วยลดการทุจริตและการโกงเงินสวัสดิการในระบบราชการ

รูเบิลดิจิทัล เม็ดเงินก้อนใหม่ หรือ "กับดัก" การเงินดิจิทัล?

แม้แนวทางของรัฐบาลรัสเซียจะดูแน่วแน่กับการผลักดัน CBDC ทั่วประเทศ แต่คำถามยังคงคาใจนักลงทุนและสถาบันการเงินว่า ระบบนี้จะกลายเป็นเครื่องมือพลิกโฉมเศรษฐกิจ หรือจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือรัฐในการควบคุมกระเป๋าเงินของประชาชนในยุคดิจิทัล

หนึ่งสิ่งที่แน่ชัดคือ…รัสเซียกำลังเข้าสู่เกมใหม่ของการเงินโลก ที่หากก้าวเดินไปแล้วไม่มีใครถอยหลังกลับได้อีกต่อไป