xs
xsm
sm
md
lg

โบรกมอง Tariff กดดัน SET ผันผวน แนะ Wait&see ชี้ช่องพอหลบเข้าหุ้น Domestic ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.เอเซียพลัส ระบุว่า รมว.คลังเผยไทยเจรจาภาษีกับสหรัฐยังไม่ได้ข้อสรุป เตรียมทำข้อเสนอใหม่ก่อนถึงวันมีผลบังคับใช้ภาษีที่ 36% วันที่ 9 ก.ค.68 โดยการเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ : สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม, พลังงาน, เครื่องบิน BOEING จากสหรัฐฯ เพื่อที่จะลดดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ จาก 46 พันล้านดอลลาร์ลง 70% ภายใน 5 ปีและตั้งเป้าให้ดุลการค้าไทย-สหรัฐฯเป็น 0 ภายใน 7-8 ปี (เร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งไว้ 10 ปี) ซึ่งเป็นประเด็นต้องติตตามต่ออย่างใกล้ชิดว่าสรุปแล้วภาษีที่สหรัฐฯจะเก็บไทยจะอยู่ในอัตราที่เท่าไหร่ไทยเสนอสิทธิประโยชน์ทางการค้าแก่สหรัฐฯ

ประเด็นดังกล่าวส่งผลน่าจะส่งผลกระทบต่อ GDP GROWTH ไทยในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่ง ธปท.ประเมินอัตราภาษีระดับต่างๆ จะส่งผลต่อ GDP GROWTH เท่าไหร่บ้าง

1. TARIFF สูงกว่า 36% ส่งผลต่อ GDP อาจต่ำกว่า 1.3%YOY

2. TARIFF เท่ากับ 36% ส่งผลต่อ GDP เหลือราว 1.3%YOY

3. TARIFF ในชาวง 18% ถึง 36% ส่งผลต่อ GDP เหลือราว 2.0%YOY

4. TARIFF เท่ากับ 18% ส่งผลต่อ GDP เหลือราว 2.3%YOY

5. TARIFF ต่ำกว่า 18% ส่งผลต่อ GDP เหลือสูงกว่า 2.3%YOY

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเตรียมจัดสรรเม็ดเงินราว 1 หมื่นล้านบาท จากวงเงินงบประมาณ 1.15 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผลกระทบจาก TRADE TARIFF อีกทั้งสภาพัฒน์เล็งปรับ GDP ใหม่ (ล่าสุดประเมินไว้ที่ 1.3-2.3% ภายใต้ TARIFF 36%) หาก TRUMP ลดภาษีสินค้าไทยให้เหลือตามสมมติฐานที่ 18%

ดังนั้น ในช่วงก่อนวันรู้ผล ฝ่ายวิจัยฯแนะนำ WAIT AND SEE หรือถือเงินสดไว้ในพอร์ตราว 5-10% แต่หากประสงค์อยากได้ CAPITAL GAIN ก็ถือเป็นจังหวะสะสมที่ดีเนื่องจากดัชนีที่ระดับดังกล่าว VALUATION เด่นพร้อมกับการเติบโตของ EPS GROWTH ในปีนี้

ประเด็น TARIFF อาจกดดันให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาผันผวนอีกครั้ง แต่เชื่อว่า SET INDEX น่าจะไม่ทำ LOW ใหม่ที่ 1,056 จุด จากการอ่านใจทรัมป์เชื่อว่าความผันผวนและอำนาจต่อรองจากสหรัฐลดลง ดังนี้

1. การเจรจาการค้าสหรัฐเพิ่งสำเร็จแค่ 2 ประเทศ หากตั้งกำแพงภาษีกับประเทศอื่นแรงๆ สหรัฐฯ ต้องระวังการตอบโต้กลับจากหลายๆ ประเทศ เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา

2. นโยบาย OBBBA ทำให้สหรัฐขาดดุลเพิ่มขึ้น 3.3-4 ล้านเหรียญฯ ใน 10 ปีข้างหน้า ทำให้รับความผันผวนของตลาดพันธบัตรเหมือนช่วงที่ผ่านมาได้น้อย เนื่องจากต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สูงถึง 9 ล้านล้านเหรียญฯ หากมีแรงขายออกมา อาจจะทำให้เกิดปัญหาเรื่อง ROLLOVER ได้

3. ไทยยังมีโอกาสได้อัตราภาษี +/- 20% เพราะหากประเทศต่างๆ ต้องเสียภาษีสูงกว่าเวียดนามที่ 20% มากๆ อาจทำให้เกิด SUPPLY SHOCK อีกทั้งสหรัฐยังได้ประโยชน์น้อยถ้ามีการให้ประเทศอื่นส่งออกแทน

4. ระยะถัดไปไทยต้องระวังสิ่งที่สหรัฐต่อรองเพิ่มเติม เหมือนญี่ปุ่นที่มีการเจรา 8 ครั้งยังไม่สำเร็จ เนื่องจากมีการต่อรองเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ การนำเข้าข้าวเพิ่ม น้ำมันเพิ่ม และเพิ่มงบทางการทหารให้กองทัพสหรัฐ

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าว เชื่อว่า SET INDEX น่าจะไม่ทำ LOW ใหม่ ที่ 1,056 จุด ส่วนช่วงสั้นหลบความผันผวน แนะนำหลบเข้าหุ้น DOMESTIC อิงปัจจัย 4 อาทิ CPALL, CPAXT, M, LH, AP, SIRI, BDMS, BCH


กำลังโหลดความคิดเห็น