กรมทางหลวงชนบทสร้างถนนสายส่วนต่อขยายถนนเฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช กว่า 10 กม. งานถมคันทางก่อสร้างตอม่อสะพานข้ามคลอง เร็วกว่าแผน คาดเสร็จในปี 2570 ช่วยแก้จราจรติดเขตเมือง หนุนขนส่งและการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม
นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนสายส่วนต่อขยายถนนเฉลิมพระเกียรติ ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า ปัจจุบันการก่อสร้าง ทั้ง 2 ตอน มีความคืบหน้าเร็วกว่าแผนที่กำหนด คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2570 เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในตัวเมือง เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งรอบตัวเมือง ควบคู่ไปกับการรองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคต ทั้งยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกทางหนึ่งด้วย
โดยถนนสายส่วนต่อขยายถนนเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ตอน ประกอบด้วย
ตอนที่ 1 ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 23% เร็วกว่าแผน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานในส่วนของโครงสร้างทาง งานถมคันทาง ซึ่งโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นโครงการ กม.ที่ 0+000 เชื่อมต่อกับ
ทล.408 (กม.ที่ 7+000-7+600) และจุดสิ้นสุดโครงการ เชื่อมต่อกับถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.4039 รวมระยะทาง 5.500 กิโลเมตร ดำเนินการก่อสร้างเป็นผิวจราจรแบบแอสฟัลต์ติกคอนกรีต ขนาด 4-6 ช่องจราจร มีเกาะกลางถนน พร้อมก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 แห่ง มีระบบระบายน้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง การติดตั้งเครื่องหมายจราจร สิ่งอำนวยความปลอดภัยตลอดเส้นทาง
ตอนที่ 2 ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 30% เร็วกว่าแผน ขณะนี้อยู่ระหว่างงานถมคันทาง และก่อสร้างตอม่อสะพานข้ามคลองชลประทานและสะพานข้ามทางแยกต่างระดับ ซึ่งโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นโครงการ กม.ที่ 5+500 เชื่อมต่อจากถนนสายส่วนต่อขยายถนนเฉลิมพระเกียรติ ตอนที่ 1 จุดตัดถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.4039 และมีจุดสิ้นสุดโครงการฯ (กม.ที่ 10+780) เชื่อมต่อกับ ทล.4013 (ตอน อ.เมืองนครศรีธรรมราช-อ.ปากพนัง) และเชื่อมต่อกับถนนเฉลิมพระเกียรติ รวมระยะทาง 5.280 กิโลเมตร ดำเนินการก่อสร้างเป็นผิวจราจรแบบแอสฟัลต์ติกคอนกรีต ขนาด 4 ช่องจราจร มีเกาะกลางถนน พร้อมก่อสร้างสะพานข้ามคลอง 2 แห่ง สะพานข้ามทางแยก 1 แห่ง มีระบบระบายน้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง การติดตั้งเครื่องหมายจราจร สิ่งอำนวยความปลอดภัยตลอดเส้นทาง
นอกจากในเรื่องมาตรฐานงานก่อสร้างแล้ว ยังได้เน้นย้ำไปถึงเรื่องความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง การติดตั้งป้ายเตือนให้ประชาชนสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน การป้องกันและรับมือกับฝุ่น PM 2.5 โดยให้เพิ่มรอบในการรดน้ำ การจัดการกับเศษวัสดุในโครงการ รวมไปถึงการตรวจสอบดูแลเครื่องจักรกล และยานพาหนะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดควันดำในบริเวณโครงการอีกด้วย