xs
xsm
sm
md
lg

ตุรกีเดือดจัด! "กวาดล้างคริปโตฯ" ครั้งใหญ่ ปิด PancakeSwap-เว็บไซต์ดังรวดเดียว 45 แห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สะเทือนตลาดคริปโต ฯ เมื่อ "ตุรกี" ประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ออกโรง "กวาดล้าง" การให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างหนัก สั่งบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์ม Decentralized Exchange (DEX) ยักษ์ใหญ่อย่าง "PancakeSwap" พร้อมเว็บไซต์คริปโตฯ อีกกว่า 45 แห่งรวด ชุมชนคริปโตชี้รัฐบาลตุรกีส่งสัญญาณชัดเจนว่ากำลัง "ควบคุม" ตลาดอย่างเข้มข้น หวังดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ระบบ แต่อาจเจอแรงต้าน ถ้าผลักดันนักลงทุนให้ลงใต้ดิน

หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของตุรกีได้สั่งบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์ม Decentralized Exchange (DEX) ชื่อดังอย่าง PancakeSwap และเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ อีก 45 แห่ง โดยเป็นส่วนหนึ่งของการกวาดล้างบริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาตที่กว้างขวางขึ้น

ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม คณะกรรมการตลาดทุน (SPK) ได้ประกาศดำเนินการทางกฎหมายกับเว็บไซต์เหล่านี้ โดยอ้างถึงบทบัญญัติของกฎหมายตลาดทุนของตุรกี หน่วยงานกำกับดูแลระบุว่าแพลตฟอร์มที่ถูกเป้าหมายกำลังให้บริการคริปโตฯ แก่ผู้อยู่อาศัยในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตที่จำเป็น

PancakeSwap ซึ่งรายงานปริมาณการซื้อขายมากกว่า 325 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ถือเป็นหนึ่งใน DEX ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเคียงคู่กับ Uniswap อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทางการตุรกีพิจารณาได้อย่างไรว่าแพลตฟอร์มนี้กำลังให้บริการโดยตรงในประเทศ เว็บไซต์อื่นๆ ที่ถูกบล็อก ได้แก่ Cryptoradar และแพลตฟอร์มการลงทุนและการซื้อขายต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการกำกับดูแลภาคส่วนคริปโตฯ ที่เข้มงวดขึ้นของตุรกี

ภายใต้การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา SPK มีอำนาจเต็มที่ในการกำกับดูแลผู้ให้บริการสินทรัพย์คริปโทฯ ที่เสนอผลิตภัณฑ์แก่ผู้อยู่อาศัยในตุรกี โดยบังคับใช้มาตรฐานและข้อกำหนดการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ประเทศตุรกีได้ใช้ท่าทีที่เข้มงวดกับการชำระเงินด้วยคริปโตฯ นับตั้งแต่สั่งห้ามการใช้งานเพื่อการซื้อสินค้าในปี 2564 อย่างไรก็ตาม ผู้อยู่อาศัยยังคงได้รับอนุญาตให้ซื้อ ถือ และซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้

เมื่อต้นปีนี้ ตุรกีได้ออกข้อกำหนดให้นักลงทุนคริปโตฯ ต้องให้ข้อมูลระบุตัวตนสำหรับการทำธุรกรรมที่เกินประมาณ 425 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในระดับโลก ประเทศอื่นๆ เช่น คาซัคสถาน เวเนซุเอลา รัสเซีย และฟิลิปปินส์ ก็ได้บล็อกเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ โดยอ้างถึงการดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตและความเสี่ยงจากการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ท่าทีการกำกับดูแลของตุรกีเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการสร้างความเป็นทางการและควบคุมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ท่ามกลางการยอมรับที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้การที่ตุรกีออกโรง "ปิดปาก" แพลตฟอร์มคริปโตฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง PancakeSwap และเว็บไซต์อื่นๆ อีกกว่า 45 แห่ง ไม่ใช่แค่การบังคับใช้กฎหมายธรรมดา แต่มันคือ "สัญญาณอันตราย" ที่สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการ "ควบคุม" การไหลเวียนของเงินทุนในประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจตุรกีกำลังเผชิญความผันผวนอย่างหนัก การ "ปิดกั้น" การเข้าถึงแพลตฟอร์ม DeFi ที่มีลักษณะกระจายอำนาจ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะ "ดึงอำนาจ" กลับคืนสู่ภาครัฐ และจำกัดการเข้าถึงช่องทางที่อยู่นอกเหนือการควบคุม

อย่างไรก็ตามแม้ตุรกีจะอ้างเหตุผลด้าน "การไม่ได้รับอนุญาต" และ "การปฏิบัติตามกฎระเบียบ" แต่การกระทำเช่นนี้ย่อมสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและผู้ใช้งานคริปโตฯ ทั่วโลก ว่าเสรีภาพในการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังถูก "คุกคาม" โดยรัฐบาลที่พยายามควบคุมทุกเม็ดเงิน การที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มใช้มาตรการ "บล็อกเว็บไซต์" คริปโต ฯ มากขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่า "สงคราม" ระหว่างนวัตกรรมทางการเงินแบบกระจายอำนาจ กับ "อำนาจรัฐ" ที่ต้องการควบคุม กำลังทวีความรุนแรงขึ้น และนักลงทุนต้องเผชิญกับ "ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ" ที่ไม่อาจมองข้ามได้ ส่งผลให้นักลงทุนตั้งคำถามคือ การกระทำของรัฐบาลตุรกีครั้งนี้ จะนำไปสู่ "แรงกดดัน" ของนักลงทุนให้จนมุม และย้ายฐานลงสู่ "ใต้ดิน" มากขึ้นหรือไม่?!