xs
xsm
sm
md
lg

ซื้อหุ้นคืน...เสียดายที่มีแค่ PTT / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักลงทุนจำนวนมากที่ลังเลจะเข้าช้อนซื้อหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ดีหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทรุดลงไปต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี ป่านนี้คงเสียดายโอกาสที่หลุดลอยไปกันเป็นแถว

เพราะราคาหุ้น PTTทะยานขึ้น จากจุดต่ำสุดที่ 27.25 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ 31.75 บาท เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 16.51%

PTT เหมือนดาวนพเคราะห์ที่มีแสงในตัวเอง หรือมีปัจจัยพื้นฐานดี สร้างแรงจูงใจในการลงทุนอยู่ ยิ่งภาวะตลาดหุ้นผันผวน และฉุดให้ราคาหุ้นปรับตัวลง ยิ่งกระตุ้นการช้อนซื้อเก็บ

และการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน หรือ TREASURY STOCK เพื่อบริหารทางการเงิน ถือเป็นอีกปัจจัยบวกที่ผลักดันให้ PTT ขยับขึ้นอย่างโดดเด่น

คณะกรรมการ PTT มีมติเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน ในวงเงินไม่เกิน 16,000 ล้านบาท โดยจะซื้อหุ้นคืนไม่เกินจำนวน 470 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 1.65% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

ราคาเฉลี่ยหุ้น PTT ที่จะซื้อคืนประมาณหุ้นละ 34 บาท มีกำหนดระยะเวลาซื้อคืนไม่เกิน 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมถึงวันที่ 23 กันยายน 2568

การซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียนเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการที่กระทรวงการคลังผลักดัน เพื่อกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น เพียงแต่ยังไม่มีการผลักดันมาตรการกระตุ้นบริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืนอย่างเป็นรูปธรรม

บริษัทจดทะเบียนที่สามารถซื้อหุ้นคืนต้องมีสภาพคล่องทางการเงิน มีกำไรสะสม โดยการซื้อหุ้นคืนช่วยเพิ่มอุปสงค์ของหุ้น และอาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนั้น ยังเป็นการลดจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนซื้อขายในตลาด ซึ่งส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นสูงขึ้น

รวมทั้งยังเป็นเครื่องมือทางการเงินในการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทจดทะเบียน และเป็นโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน หากผู้บริหารของบริษัทมั่นใจในผลการดำเนินงาน และเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของกิจการอย่างมีนัยสำคัญ

การซื้อหุ้นคืนและขายกลับในจังหวะเวลาที่เหมาะสม จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้ส่วนของผู้ถือหุ้น โดยบันทึกผลต่างของราคาเป็นส่วนเกินมูลค่าหุ้นซื้อคืนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของส่วนผู้ถือหุ้น

สำหรับผู้ถือหุ้น กำไรต่อหุ้นและผลตอบแทนผู้ถือหุ้นจะสูงขึ้น เนื่องจากหุ้นที่ถูกซื้อคืนจะไม่ถูกนำมาคำนวณกำไรต่อหุ้น และมีโอกาสรับเงินปันผลสูงขึ้น รวมทั้งราคาหุ้นอาจปรับตัวสูงขึ้น

มีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมากอยู่ในสถานะที่จะซื้อหุ้นคืนได้ และถ้าทุกบริษัทประกาศโครงการพร้อมกัน ซื้อหุ้นคืนในระยะเวลาเดียวกัน จะเป็นแรงกระตุ้นตลาดหุ้นครั้งใหญ่ ปลุกให้บรรยากาศการซื้อขายหุ้นมีความคึกคักตามมาทันที

แต่ถ้าบริษัทจดทะเบียนต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างซื้อหุ้นคืน ตามความพร้อมของแต่ละบริษัท แรงกระตุ้นจะเกิดขึ้นเฉพาะหุ้นรายตัวเท่านั้น ไม่ได้กระตุ้นหุ้นทั้งตลาด

เฉพาะ PTT ใช้เงินซื้อหุ้นคืนประมาณ 16,000 ล้านบาท ถ้ามีการประสานงานกับบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด ชักชวนให้ร่วมโครงการซื้อหุ้นคืนพร้อมๆ กัน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจสร้างแรงจูงใจ โดยลดค่าธรรมเนียมที่เก็บรายปีให้บริษัทจดทะเบียนเป็นกรณีพิเศษ

บางทีโครงการซื้อหุ้นคืนอาจมีวงเงินรวมจำนวนหลายแสนล้านบาท ทำให้ตลาดหุ้นมีแรงซื้อใหม่เข้ามามหาศาล มากกว่ากองทุนวายุภักษ์วงเงิน 150,000 ล้านบาทเสียอีก

น่าเสียดายที่มาตรการซื้อหุ้นคืนไม่มีหน่วยงานใดสานต่อ ไม่มีใครประสานงานกับบริษัทจดทะเบียน ชักชวนให้เข้าร่วมโครงการพร้อมๆ กันในคราวเดียว โอกาสดีๆ ในการกระตุ้นตลาดหุ้นจึงหลุดลอยไป

เพราะมีแต่ PTT เท่านั้นที่นำร่องโครงการซื้อหุ้นคืน และผลที่ได้เกิดขึ้นเฉพาะหุ้น PTT เพียงตัวเดียว ตลาดหุ้นไม่ได้รับอานิสงส์อะไรสักเท่าไหร่

การซื้อหุ้นคืนของ PTT จึง "เสียของ" มาตรการดีที่จะปลุกตลาดหุ้นให้ฟื้น รัฐบาลกลับใช้ไม่เป็น








กำลังโหลดความคิดเห็น